ย้อนยุคไปในสมัยเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ในเมืองจีน มีชายแก่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้าน กับลูกชายวัยฉกรรจ์อีกหนึ่ง
เขาทั้งสองมีอาชีพเลี้ยงม้าและทำไร่นา ใช้ม้าซึ่งมีอยู่ตัวเดียว ทำงานการเกษตรให้สารพัด
วันหนึ่ง ลูกชาย วิ่งหน้าเริดน้ำตาแตก เข้ามารายงานพ่อว่า บัดนี้ ม้าสารพัดประโยชน์ตัวเดียวที่มีอยู่ คิดกบฏ แหกคอก วิ่งหนีเข้าป่า เพื่ออิสรภาพไปแล้ว ต่อแต่นี้... เราสองคนพ่อลูกต้องลำบาก ทำนา ทำไร่กันเอง ในไม่ช้า เราคงเป็นลมตาย เพราะเราจนมาก ไม่สามารถหาซื้อม้ามาใช้งานได้อีก
ชาวบ้านระแวกข้างเคียง ต่างแห่กันมาแสดงความเห็นใจ
ชายแก่... ผู้อารีย์ ตรงเข้าตบบ่าปลอบลูกและชาวบ้านว่า นี่อาจจะเป็นโชคดีของเราก็ได้
ลูกชายและเหล่าประชาชน มองชายแก่อย่างงงง ม้าหาย โชคดี??
ไม่นานนัก ม้าบ้านตัวดี วิ่งแร่กลับบ้าน พร้อมล่อม้าป่ากลับมาด้วยฝูงใหญ่
ฮูเร่! เราโชคดีแล้วพ่อ พ่อทายแม่นจริงๆ เรารวยแล้ว
ชาวบ้าน... ไม่รู้มาจากไหน รู้ข่าวเร็วเหลือเกิน ยกโขยงกันมาแสดงความยินดี
พ่อทำหน้าซึมๆ นี่อาจจะเป็นโชคร้ายของเราก็ได้ ลูกชายไม่เข้าใจพ่อ ก็เรารวยแล้ว ต้องเรียกว่าโชคดีถึงจะถูก ลูกชายลิงโลดอยู่บนความโชคดี
*
*
ตั้งแต่ได้ม้ามา ชายหนุ่มก็ฝึกม้าป่าอย่างตั้งอกตั้งใจเพื่อไว้ใช้งาน และแล้ว อุบัติเหติก็เกิดขึ้น เขาตกม้า! บาดเจ็บสามหัส ขนาดต้องตัดขาทิ้ง สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้ชายหนุ่ม และแน่นอน เพื่อนบ้าน ที่ไม่แน่ใจว่า วันวันทำอะไรบ้าง รีบแห่กับมาเยี่ยมและเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างรำพึงกันขรมว่า โธ่ ชายแก่ มีลูกชายอยู่คนเดียวแท้ๆ ต้องมาพิการอย่างนี้ บ้านนี้ช่างโชคร้ายจริงๆ
ชายแก่ยิ้มละไม นี่อาจจะเป็นโชคดีของข้าก็ได้ ชาวบ้านงงกลับไปอีก
ต่อมามีศึกสงครามใหญ่โต ทหารในเมืองมีไม่พอ ทางการต้องมาต้อนชายฉกรรจ์ ของเมืองนี้ไปจนหมด (ยกเว้นชายขาด้วน)
เนื่องจากไม่ใช่ทหารตัวจริง ถึงเวลารบ ก็รบไม่ค่อยเป็น เลยยกหมู่บ้านตายกันเรียบ เรียกว่า หมู่บ้านนี้เกือบสูญพันธุ์ เพราะชายหนุ่มตายเกลี้ยง ยังความเศร้าสลดครอบทั้งหมู่บ้าน
ชาวบ้านต่างพากันมาแสดงความเสียใจที่ลูก(ตัวเอง)ตาย แต่ก็ยินดีกับชายแก่อีกรอบ ที่ยังเหลือลูกอยู่
ชายแก่กล่าวว่า ชีวิตก็ผกผันเช่นนี้ ยามเรารุ่งเรืองสุดขีด ก็อย่าเผลอดีใจจนคิดว่าจะไม่มีทุกข์มากล้ำกราย ยามเราตกอับสุดแรง มืดตันสุดชีวิต ใช่ว่า เราจะพบแต่ความมืดมนไปชั่วชีวิต ชีวิตมีขึ้น มี ลง มี ดี มีร้าย
เรื่องเล่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราควรเตรียมใจรับกับทุกสถานการณ์เสมอ ยามสุข อย่าสุขเกินไป เพราะมีทุกข์รออยู่ข้างหน้า หากเกิดทุกข์ จะปรับใจไม่ทัน ยามทุกข์ อย่าทุกข์เกินไป เพราะเดี๋ยวทุกข์ก็ผ่าน เตรียมใจ รอรับสิ่งทีดีกว่าในวันข้างหน้าเถิด ใครที่คิดเช่นนี้ได้ ก็จะอยู่ในโลกได้อย่างไม่สะทกสะท้าน และเป็นอิสระขาดจากพันธนาการทั้งปวง เพราะ สัจธรรมคือ ในโลกนี้ ล้วน ไม่มีอะไร ที่แน่นอน
เรื่องนี้พ่อของฉันเล่าให้ฟัง เล่ามายี่สิบสามสิบปีได้แล้ว... พ่อฟังจากผู้เฒ่าจีนมาอีกต่อหนึ่ง แล้วท่านทั้งหลายจงนำไปเล่าต่อ จะเกิดประโยชน์ หรือจะไม่เล่า แต่เก็บไว้เตือนใจตัวเองล้วนๆ ก็ย่อมได้
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 46 17:33:23
จากคุณ :
น้าสือสาว
- [
7 ก.ย. 46 17:32:46
]