เหยื่อมาร ตอนที่ 9 เล่ห์อำพราง (ครึ่งแรก)

    เหยื่อมาร ตอนที่ 9 เล่ห์อำพราง (ครึ่งแรก)
    สายน้ำตาไหลอาบแก้มหญิงสาวเมื่อสิ้นเสียงบอกกล่าวถึงความเป็นไปของภากร
    หยดน้ำจากดวงตาสีนิลสะท้อนเป็นประกายระยับกับแสงแดด
    ใบหน้าหวานละมุนเผยความเศร้าและความอ่อนแอออกมาขั้วหัวใจ
    ในมุมมองของอาทิตย์ภาพตรงหน้าเหมือนงานศิลป์ที่งดงามชวนให้หลงใหล
    เขาปรารถนาจะตระกองกอดเธอไว้แนบกายเพื่อปลอบประโลม
    เสียดาย ณ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ของเขา ชายหนุ่มทำได้เพียงข่มใจแล้วเอื้อมมือมาวางบนไหลเธอเท่านั้น

    “เขาคงดีใจที่เห็นคุณห่วงใยเขาแต่คงเสียใจที่ทำให้คุณร้องไห้”

    “ศพเขา….เอ่อตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ” พันทิวาพยายามกลั้นสะอื้นแล้วถาม
    เธออยากจะไปไหว้หลุมศพเขา อยากไปให้เห็นกับตาว่าเรื่องราวที่ได้รับฟังเป็นความจริง

    “อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหรอกครับ ไว้คุณว่างผมจะพาไป” เขายื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้เธอซับน้ำตา

    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวพึมพำเสียงแผ่วเบา สายตาเหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมาย
    ในใจเธอมีเรื่องมากมายอยากจะถามทว่ากลับพูดอะไรไม่ออก

    “คุณอยากรู้มั้ยว่าเขาตายเพราะอะไร” อาทิตย์ถามทำลายความเงียบ ใบหน้าคมมีแต่ความเคียดแค้น
    หญิงสาวพยักหน้ารับช้าๆแทนคำตอบเขาจึงเริ่มเล่า

    “วันที่เขาพาคุณหนี รถเขาถูกวางระเบิดมันเป็นฝีมือของ……”

    “หวานมาอยู่ตรงนี้เอง ยังไม่แข็งแรงดีอย่าพึ่งมานั่งเล่นเลยนะ” เสียงอธิปดังขัดขึ้น
    เจตนาจริงๆของการมาคือไม่สบอารมณ์ที่เห็นภรรยากำลังคุยกับผู้ชาย

    “สวัสดีครับ” อาทิตย์ตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้พิรุธใดๆ

    “เชิญในบ้านดีกว่าครับจะได้คุยกัน คุณคงรอนานแย่” ชายหนุ่มเหลือบตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจ
    “หวานร้องไห้” อธิปขมวดคิ้วมองภรรยาด้วยความสงสัย
    สายตาเขาแทนคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไร

    “เปล่าหรอกค่ะ ผงเข้าตาเท่านั้นเอง คุณอาทิตย์เขาก็เลยให้ยืมผ้าเช็ดหน้า”
    พันทิวาพูดช้าๆเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
    คนเป็นสามีมองอย่างชั่งใจอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปในบ้านแล้วไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก

    อธิปเชิญแขกเข้าไปนั่งคุยในห้องรับรองที่ออกแบบให้เป็นกึ่งสำนักงาน
    ห้องนี้จุคนได้ราวสิบคน เครื่องเรือนส่วนใหญ่เน้นความเป็นไทยโดยมีเจตนาให้แขกต่างชาติประทับใจ

    “ผมอยากให้เราเลื่อนเวลาการทำสัญญาออกไป” อาทิตย์โพล่งออกมาแทบจะทันทีที่เริ่มการสนทนา

    “คุณหมายความว่ายังไง”

    “บอกตามตรงผมไม่มั่นใจในเสถียรภาพบริษัทคุณ”

    คำพูดของอีกฝ่ายทำอธิปเงียบไป เขายอมรับว่าบริษัทมีข่าวไม่ค่อยดีทำให้ราคาหุ้นตก
    ความลับในบริษัทบางส่วนรั่วไหลถึงหูคนนอก ตอนนี้เขากำลังหาตัวการอยู่ไม่นานคงได้เรื่อง

    “ถ้าคุณไม่มั่นใจผมยินดีให้คุณเลื่อนเวลาออกไป
    ผมยอมรับว่าตอนนี้บริษัทเรามีเรื่องยุ่งอยู่แต่ผมรับรองว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อยในไม่ช้า”

    “ผมก็หวังเช่นนั้น” อาทิตย์ยิ้มรับด้วยสีหน้าที่ผฝงบางอย่างไว้


    เมื่อสัญญาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดการติดต่อกันในช่วงนี้จึงถูกระงับ
    จากวันนั้นพันทิวาก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับอาทิตย์อีกเลย
    ส่วนหนึ่งมาจากเขางานยุ่งอีกส่วนคือถูกกันท่าจากคนของสามี
    พักนี้อธิปก็งานยุ่งเหมือนกันชายหนุ่มยุ่งเสียจนไม่มีเวลามาเอาใจพันทิวาเหมือนแต่ก่อน
    หญิงสาวใช้เวลาในช่วงที่ห่างจากเขาทบทวนเรื่องราวต่างๆในชีวิต
    จัดระเบียบความคิดให้เข้าที่เข้าทาง กำจัดอคติพยายามมองทุกอย่างในมุมมองที่เป็นกลาง
    โดยเฉพาะเรื่องของเธอกับเขา

    การที่เขาหวงเธอแบบเกินพอดีพันทิวาเข้าใจแล้วล่ะว่าเพราะอะไร
    ลึกๆเขากลัวว่าถ้าวันหนึ่งความจำเธอกลับมาเธอจะทิ้งเขาไปอีก
    ตอนนี้เธอจำทุกเรื่องราวในอดีตได้แต่ไม่เคยคิดจะหนีไปจากเขา
    ลูกเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉุดรั้งเธอไว้ส่วนอีกเรื่องคือเธอเข้าใจตัวเองแล้วว่ารักเขา
    พันทิวารักเขาตั้งนานแล้วเพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้น เธอเฝ้าหลอกตัวเองว่าไม่รัก
    เอาแต่จมดิ่งอยู่แต่กับเรื่องราวในอดีตไม่ยอมรับความจริงและความเป็นไป
    ต่อแต่นี้เธอจะทำอย่างจิตราว่า “ไม่ต้องสนใจว่าอดีตจะเป็นยังไงทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ”

    ที่ผ่านมาคนที่ถูกทำร้ายไม่ใช่พันทิวาแต่เป็นอธิป
    ความผิดในอดีตทำให้เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชดใช้
    เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอ ความรักทั้งหมดที่มีเขามอบให้เธอแต่เพียงผู้เดียว
    เธอต่างหากที่ใจร้ายไม่เคยจะเข้าใจเขาเลยสักนิดซ้ำยังทำร้ายเขาให้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    แต่เขาก็ยังให้อภัยและไม่เคยที่จะตำหนิเธอสักครั้ง
    พันทิวาตัดสินใจแล้วว่าจะพูดกับเขาเรื่องที่ความทรงจำของเธอกลับคืนมา
    ทุกอย่างจะได้กระจ่างเสียที อธิปจะได้เลิกระแวงเธอ เลิกกลัวว่าจะสูญเสียเธอไป
    เธอจะทำให้เขามั่นใจว่าเธอรักเขาและพร้อมที่จะอยู่กับเขาตลอดไป

    พอเธอตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องนี้ออกไปเขากลับไม่มีเวลาให้
    จะเรียกว่างานยุ่งมากจนไม่มีเวลาแม้แต่จะดูแลตัวเอง
    เขาทำหน้ายุ่งทั้งวัน หนวดเคราแทบไม่ได้โกน การแต่งตัวก็แต่งอย่างลวกๆ
    บางวันเขาก็ค้างที่บริษัท พันทิวาอ่านความรู้สึกจากแววตาเขาออก
    ท่าทางปัญหาครั้งนี้จะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสเอาการ
    เธอช่วยอะไรเขาไม่ได้นอกจากเสนอตัวเข้ามารับฟังเท่านั้น

    “งานหนักเหรอคะ”

    “ใช่ พี่เหนื่อยจัง” ชายหนุ่มซบหน้ากับอกภรรยาด้วยความรู้สึกอ่อนล้าอย่างที่สุด

    “มีปัญหาอะไรคะเล่าให้หวานฟังได้มั้ย”

    “มีคนกำลังแกล้งปั่นหุ้นเรา พี่ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร
    มันร้ายน่าดูนอกจากจะทำให้หุ้นเราราคาตกแล้วยังล้วงข้อมูลภายในออกไปด้วย”
    เขาเล่าเสียงโกรธๆ

    “แล้วจะทำยังไงล่ะค่ะ”

    “คงต้องแถลงข่าว แล้วก็ตามแก้เรื่องเสียหายที่มันทำไว้ แต่พี่ไม่เข้าใจเลยว่ามันทำไปทำไม
    มันเหมือนแกล้งให้หัวปั่นเล่นมากกว่า พอทำได้สักพักเกือบจะจับได้ก็หายไปเสียเฉยๆเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
    ข้อมูลที่มันเอาไปก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์เหมือนจะเอาไปเล่นๆแค่นั้น”

    พันทิวาปล่อยให้เขาพูดระบายอารมณ์ไปเรื่อย เธอรับฟังอย่างตั้งใจปลอบโยนเขาให้หายท้อ
    นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมเล่าปัญหาให้เธอฟัง เธอดีใจที่ได้มีส่วนรับรู้ความในใจของเขา
    ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดใจเสียที เกิดเรื่องครั้งนี้คงเป็นผลดีมากกว่าผลเสียกระมัง

    “สบายใจขึ้นมั้ยคะ” เธอถามสามีหลังจากเขาเงียบไปนาน

    “ขอบใจนะจ๊ะที่ฟังพี่” เขาจูบหน้าผากเธอ
    รู้สึกเหมือนเธอจะอ่อนโยนกับเขามากกว่าครั้งไหนๆที่ปฏิบัติต่อกัน
    หรือการจะเป็นแม่คนทำให้ผู้หญิงอ่อนโยนมากขึ้นเป็นสองเท่ากัน

    “หวานต่างหากล่ะค่ะที่ต้องขอบคุณ พี่หนึ่งรู้รึเปล่าว่าหวานดีใจที่สุดเลยที่พี่ยอมเล่าปัญหาให้ฟัง
    ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยบอกหวานเลยเวลามีเรื่องอะไรในใจ”

    “พี่กลัวหวานไม่อยากฟังนี่จ๊ะเลยไม่กล้าเล่า”
    เขาอยากปกป้องเธอจากทุออย่างไม่อยากให้ได้ยินเรื่องรำคาญใจ

    “หวานไม่มีทางไม่อยากฟังหรอกค่ะ ทุกปัญหาของพี่คือปัญหาของหวานนะคะ เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ
    มีเรื่องอะไรก็ต้องช่วยกันแก้ไขสิคะ หวานไม่อยากให้พี่หนึ่งแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว”

    “พี่โชคดีจังที่ได้รักหวาน” เขากอดเธอไว้ ความอ่อนล้าที่มีเริ่มมลายหายไป

    “หวานก็โชคดีค่ะที่ได้รักพี่” พันทิวาตอบเขาด้วยรอยยิ้ม
    ชีวิตใหม่เริ่มขึ้นแล้วเธอจะสร้างมันใหม่ด้วยสองมือนี้


    “ขอบคุณที่ช่วย เรื่องค่าจ้างไม่ต้องห่วงผมจะโอนไปให้”
    เสียงพูดเป็นภาษาอังกฤษของอาทิตย์ดังไปตามสาย

    “ผมรับงานเพราะความพอใจ นานแล้วไม่ได้ทำอะไรท้าทายแบบนี้” ตัวการปั่นหุ้นหัวเราะชอบใจ
    งานนี้ยอมรับว่ายากกว่าจะล่วงข้อมูลที่เป็นความลับออกมาได้เขาก็เกือบจะถูกจับได้
    โชคดีถูกสั่งให้ถอยออกมาก่อนไม่อย่างนั้นคงแย่

    “ผมอยากจะขอร้องคุณอีกเรื่อง ข้อมูลที่ได้ออกมาช่วยทำลายทิ้งให้หมดได้รึเปล่า”

    “ได้อยู่แล้ว ขอมูลตัวเลขพวกนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรกับผมหรอก”
    ถึงจะแปลกใจที่คนว่าจ้างไม่สนใจข้อมูลที่เขาเอาออกมาให้เลยสักนิดแต่ชายหนุ่มก็รับปาก

    “ขอบคุณ” ชายหนุ่มว่าแล้ววางสาย

    ตัวการที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายของบริษัทอธิปคือเขา
    ในทีแรกเขาต้องจากจะสร้างความผันผวนให้กับราคาหุ้นพอต่ำลงมากๆก็ช้อนซื้อมาเป็นของตัวเองให้หมด
    ไม่ช้าก็เร็วบริษัทของมันก็จะเป็นของเขา
    น่าเสียดายที่รากฐานของมันแข็งแกร่งเกินกว่าจะโค่นล้มยึดครองเอามาได้ง่ายๆ
    เขาจำเป็นต้องรีบถอยออกมาตั้งหลักก่อนที่จะเป็นฝ่ายย่อยยับเสียเอง
    หมอนี่ฉลาดทันคนใช่ย่อย ตัดสินใจเร็วและรอบคอบ
    การจะทำลายเขาทางด้านนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องหาวิธีการอื่นมาจัดการเสียแล้ว


    ท่ามกลางแสงแดดร้อนแรงภายนอกหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
    กำลังชะเง้อมองเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ด้วยความหวังว่าจะได้พบคนที่กำลังตามหา
    อาการดังกล่าวทำให้คนสวนที่อยู่บริเวณนั้นตรงรี่เข้ามาถามทันที

    “คุณมาหาใครครับ” นายทิมถามด้วยท่าทางสุภาพ
    เนื่องจากสังเกตเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าท่าทางจะเป็นคนมีฐานะ
    ถ้าเกิดเป็นแขกของนายผู้ชายขึ้นมาแล้วเขาปฏิบัติไม่ดีด้วยอาจจะถูกตำหนิได้

    “นี่บ้านคุณอธิปรึเปล่าจ๊ะ”

    “ใช่ครับ”

    “แล้วเขาอยู่รึเปล่าจ๊ะฉันเป็นเอ่อเป็น……….คนรู้จักน่ะจ๊ะพอดีผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาหา”

    “คุณผู้ชายไม่อยู่ครับอยู่แต่คุณผู้หญิง เชิญคุณเข้าไปรอในบ้านก่อนครับ”

    หญิงสาวมีทางทางลังเลไม่แน่ใจว่าควรจะเข้าไปรอดีหรือไม่
    ก่อนที่จะทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธหญิงสาวร่างระหงก็ออกมาต้อนรับแล้วเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งในบ้าน
    ใบหน้าสวยใสของเจ้าของสถานที่เป็นสิ่งที่หล่อนจำได้ติดตาเพราะเคยเห็นในรูปถ่าย

    “พี่หนึ่งไม่อยู่ค่ะ คุณป้ารอสักครู่นะคะเย็นๆคงกลับ” พันทิวายิ้มให้
    เธอมองกิริยาสง่างามของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความชื่นชม อย่างนี้เองที่เขาเรียกว่าดูงดงามตามวัย

    “เสาร์อาทิตย์แบบนี้หนึ่งเขาไม่อยู่บ้านเหรอจ๊ะ”

    “ก็ไม่ทุกเสาร์หรอกค่ะแต่วันนี้เห็นว่ามีนัดกับลูกค้า คุณป้ารู้จักพี่หนึ่งมานานรึยังคะ”

    จากคุณ : ตารกา - [ 8 ก.ย. 46 13:57:51 ]