เติมรัก...ทีละน้อย


    “ไม่ต้อง... เราถือเองได้”

    เสียงปฏิเสธจากหญิงสาวร่างบาง ทำเอาชายหนุ่มหน้าเสียไปนิด แล้วยอมพยักหน้าอย่างเข้าใจ มือที่ยื้อหนังสือไว้กลับปล่อยลงข้างตัว เขาเดินกลับไปยังม้านั่งหินอ่อนที่ตั้งอยู่ริมสระน้ำหน้าตึกหอสมุด ซึ่งมีเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

    เสียงโห่ฮาแว่ว ๆ ตามหลังมา… แป้งร่ำเดินหอบหนังสือสามสี่เล่มที่ยืมออกมาจากหอสมุดตรงไปยังนิสา เพื่อนสาวผิวเข้มเนียนที่ยังยืนคอยห่างออกไปอีกมุมหนึ่งของตัวตึก

    “แป้งใจร้ายจัง”  เสียงคนคอยพึมพำให้ได้ยิน  “ทำไมน้า…ปิยะเขาก็ดี๊ ดี ตัวยังไม่รับไมตรีจากเขาอีก นี่เขาตามตัวมาตลอด 3 ปี สาว ๆ ในคณะนะชอบเขากันทุกคน ตาสวย จมูกโด่ง ขาว รวมได้ว่าหน้าตาดี  เรียนเก่ง รวย เข้ากับคนง่าย…”

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะพูดต่อ แป้งร่ำเลยขัดขึ้นก่อน  “ก็เราไม่ชอบ”  เมื่ออีกฝ่ายมองอย่างคาดคั้นน้ำเสียงคนตอบเลยอ่อย ๆ ลง  “เออ ๆ ยอมรับก็ได้ว่าเขาน่าสนใจนิดหน่อย แล้วไอ้ออฟชั่นบ้าบอที่นิสายกขึ้นมาอ้างมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรด้วยขอบอก”  

    “โหย…แล้วไอ้สเปกแป้งนี่มันเป็นไง คบกันมาจนอยู่ปี 3 แล้วยังไม่เคยเจอเลย”  นิสาว่าอย่างประชดนิด ๆ อย่างขำ ๆ

    “ก็ไม่ไง แค่เราไม่ชอบผู้ชายลักษณะห้าว ๆ ชอบหาเรื่องชาวบ้านเขาไปทั่ว(ซึ่งน่าจะเป็นเธอคนเดียว) ไม่ต้องโทรมารายงานตัวกับเราเหมือนฉันเป็นแม่ของเขาเท่านั้นล่ะ”  

    ทำเอาคนฟังอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ คนที่แป้งร่ำหมายถึงก็คือ นายปิยะ หนุ่มเนื้อหอมในคณะเดียวกันที่ตามติดแป้งร่ำมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ปิยะเป็นลูกคนเล็กของครอบครัว อาจติดนิสัยอ้อน ๆ มาบ้าง แต่หล่อนก็ไม่เคยเห็นเขาทำอาการแบบนั้นกับใครนอกจากหญิงสาวร่างบาง แก้มอิ่ม ผมซอยสั้น ๆ แนบศรีษะรับกับใบหน้าและดวงตาคมโตที่เดินอยู่ข้างๆ


    หกโมงเย็นแล้วเมื่อแป้งร่ำเดินออกมาจากตึกหอสมุด แสงสีแดงอมส้มเลือนหายไปมาก ความมืดเริ่มครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ลมเอื่อย ๆ พัดมาจากด้านที่มีสระน้ำ นิสาขอตัวกลับไปก่อนเนื่องจากมีธุระ วันนี้แป้งร่ำเลยต้องมาหาข้อมูลเพื่อทำรายงานคนเดียว เสียงฝีเท้าตามมาจากด้านหลังทำให้เธอหันกลับไปมอง หน้าตาตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นไง แต่ในใจเธอนั้นกลับเซ็งสุดขีด…นี่ก็อีกคน ‘อาวุธ’ ชายหนุ่มรุ่นพี่ปีสี่ แต่อยู่คนละคณะที่เข้ามาข้องเกี่ยวในวงจรชีวิตของเธอเมื่อเดือนที่แล้ว และตอนนี้ก็กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเธอด้วย

    “หวัดดีครับน้องแป้ง”  เสียงทุ้ม ๆ ทักทายอย่างเป็นกันเอง

    “ค่ะ พี่วุธ…ยังไม่กลับเหรอ…คะ”  เธอทักอย่างเสียไม่ได้

    “ยังครับ จะกลับแล้วเหรอ…พี่ไปส่งนะ”  

    “ไม่เป็นไรค่ะ กลับเองได้”

    “ไม่เป็นได้ไง นี่ก็เย็นแล้ว เดี๋ยวพี่ไปเอารถก่อน น้องแป้งคอยพี่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่มารับ”  ชายหนุ่มยังยืนยัน

    “ไม่ต้องค่ะ”  เสียงใส ๆ เริ่มไม่พอใจ แต่พอเห็นใครอีกคนที่เดินตรงมา เธอเลยเปลี่ยนใจ

    “ไปก็ได้ค่ะ แป้งว่า เราเดินไปด้วยกันเลยดีกว่า”

    ว่าแล้วแป้งร่ำก็เดินออกตัวไปก่อน โดยมีชายหนุ่มต่างคณะเดินตามไปอย่างสบาย ๆ โดยไม่สนใจหันไปมองคนอีกคนที่มองตามมาเลย


    “แป้ง…เมื่อวานกลับกับพี่วุธเหรอ”  เสียงห้าว ๆ ถามอย่างกระชากนิด ๆ  

    “ทำไมเหรอ”  คนตอบทำหน้าตาเฉย

    “ก็…ไม่ทำไม เป็นห่วง แล้วมันก็ไม่ดีด้วย”

    “ทำไมจะต้องห่วง…ไม่ดียังไง…แล้วอีกอย่างพี่วุธเขาก็ไม่ได้เลวร้ายตรงไหนนี่”  น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจือแววไม่พอใจเหมือนกัน

    ปิยะกำลังจะอธิบายให้หญิงสาวฟังถึงหญิงสาวร่างบางที่เคยเห็นตามอาวุธบ่อย ๆ แต่วีระศักดิ์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาขัดจังหวะก่อน

    “ไอ้เล็ก ไปเร็ว ไอ้พีมันโดนคณะ…รุม”  

    เขาตามเพื่อนออกไปโดย ไม่วายหันมาทำไม้ทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่าตอนเย็นจะโทรไปหา

    แป้งร่ำถอนหายใจ มองตามหลังคนตัวโตไปจนลับมุมตึก  เสียงนิสากระแอมขึ้นมาเบา ๆ เมื่อเดินเข้ามานั่งพร้อม ๆ ทีชายหนุ่มสองคนเดินสวนออกไป

    “ตายแหง ๆ”  คำแรกที่นิสาเอ่ยขึ้นมา ทำให้แป้งร่ำหันไปมองอย่างแปลกใจ

    “ทำไมล่ะ”

    “อ้าว…ก็คณะนั้นน่ะ ไม่ค่อยมีใครเขาอยากยุ่งด้วยหรอก ไม่รู้พีมันไปทำอะไรให้”  นิศาทำหน้าทำตาประกอบไปด้วย ทำเอาแป้งร่ำอดใจหายไม่ได้…

    คาบเรียนในตอนเช้าหมดไปแล้ว ไม่เห็นวี่แววของ ปิยะ วีระศักดิ์ และพีรพลที่กลับเข้ามาเรียนเลย  นิสาลองสืบ ๆ ดูจากเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่หลังห้องก็ไม่ได้ใจความอะไรมาก เพราะเรื่องเกิดตอนเช้า ซึ่งบางคนยังมาไม่ถึงมหาวิทยาลัย จนถึงตอนเย็นเป็นเวลาปกติที่ปิยะจะต้องโทรมา เสียงโทรศัพท์กลับเงียบดั่งมีใครไปกระตุกปลั๊กออก แป้งร่ำรอจนเผลอหลับไป

    ตื่นมาอีกทีเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ลากมาไว้ใกล้ ๆ มือ ไม่มีใครรับสายเพราะคนที่บ้านจะรู้ว่า จะมีชายหนุ่มหน้ามน นิสัยเข้ากับคนทั้งบ้านของเธอได้เป็นอย่างดี โทรมาเสมอ ๆ แม้แต่น้องสาวตัวยุ่งซึ่งอยู่อีกห้องก็ยังไม่รับสายก่อน เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สามสี่ทีแล้วก่อนเธอจะเอื้อมมือยกหูขึ้นมา

    “สวัสดีค่ะ”

    “แป้งเหรอ? วีเองนะ”  

    “เอ๊ะ!…เอ๋อ…วีเหรอ มีอะไร”  

    “ไม่มีอะไร แค่จะโทรมาขอยืมเลคเชอร์วันนี้หน่อย พรุ่งนี้เอามาให้ด้วยนะเราจะยืมลอกหน่อย งั้น...แค่นี้นะ”  วีระศักดิ์พูดเร็วจบเร็วแต่ได้ใจความ

    “เดี๋ยว!”  หญิงสาวทักก่อนอีกฝ่ายจะวางหูไป  “พีเป็นไงบ้าง...แล้ว...เล็กล่ะ...ทำไมเมื่อเช้าไม่เข้าเรียนกัน ตอนบ่ายก็หายไปกันทั้งสามคนเลย อาจารย์จะปิดคอร์สแล้วนะ นิสาไปถามโต้ง โต้งก็ไม่รู้”  เธอพูดไปอย่างรวดเร็วเหมือนกัน เพราะกลัวอีกฝ่ายจะวางหูไปซะก่อน

    “นึกว่าจะไม่ถามถึงซะแล้ว”  เสียงห้าว ๆ ที่แป้งร่ำคุ้นเคยดังตอบกลับมา พร้อม ๆ กับเสียงของอีกสายหนึ่งที่วางลงบนแป้น

    “เอ๊ะ!”

    “ดีใจจัง...ที่ยังห่วงกันอยู่”  เสียงกลั้นหัวเราะจากปลายดังมาอีกรอบ

    “ไม่ได้ห่วงย่ะ”  เสียงใส ๆ ที่คุยกับวีระศักดิ์เมื่อกี้กลายเป็นเสียงดุห้วน ๆ กลับไปแทน  “คนอะไรไม่มีมารยาท แย่ที่สุดเลย แอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน”  

    “คนอื่นที่ไหน มันก็เพื่อนเรา อีกอย่างเราโทรมาหาแป้ง แต่ไอ้วีมันดันทะลึ่งพูดขึ้นมาก่อน เพราะกลัวแป้งคุยกับเราแล้วจะอารมณ์เสียพาลไม่ให้ยืมสมุดต่างหากล่ะ”  เสียงตะโกนใช่ ๆ ของวีระศักดิ์ดังแว่วเข้ามาในสายเป็นการยืนยัน

    “เออ ช่างเหอะ”  แป้งร่ำตัดปัญหาด้วยเบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่ม  “พีเป็นไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ”  

    “สบายดี ไม่มีอะไรหรอกคุยกันได้ ไอ้พีก็อยู่ แป้งจะคุยด้วยมั้ยล่ะ แต่...อย่าเลยคุยกะเราดีกว่า”  ปลายสายยังไม่วายกวนอารมณ์  

    “ไม่ล่ะ บอกวีด้วยว่าพรุ่งนี้เราจะเอาสมุดไปให้ แค่นี้นะ”

    “ครับ”  ชายหนุ่มรับคำ

    แป้งร่ำวางหูไปแล้ว ปิยะหันกลับไปมองเพื่อนสองคนที่ยังนอนขวางอยู่บนเตียงขนาดใหญ่กลางห้องใบหน้ายังประดับด้วยรอยยิ้ม

    “หมั่นไส้ว่ะ เองว่าไงวี” พีรพลมองคนที่กลับมานั่งดูบอลอยู่ปลายเตียง

    “เออว่ะ ข้าก็หมั่นไส้ แต่ปล่อยมันไปเหอะว่ะ จะทำไร่แห้วอยู่แล้วยังทำหน้าระรื่น”  วีระศักดิ์ต่อให้  “ตกลงนี่เองชอบแป้งจริง ๆ เหรอ”

    “คำตอบเหมือนเดิม อย่าถามได้ป่ะ ถามอยู่ได้ ซ้ำซากน่าเบื่อถามมาตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสาม”

    “แล้วถ้าแป้งเขาไปชอบคนอื่นล่ะ เอ็งจะทำไง”  พีรพลถามไปงั้น ๆ ก่อนยกมือลูบหน้าอย่างเสียดายที่นักแตะในจอตู้ยิงประตูพลาด ส่วนวีระศักดิ์ร้องโวยวายอย่างเสียดาย

    คำถามนี้ทำให้ปิยะถึงกับเงียบไป อารมณ์ดูสโมสรสุดโปรดลดหายไปเกือบหมด จู่ ๆ หน้าอาวุธก็โผล่พรวดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งยังใบหน้าใส ๆ ของแป้งร่ำที่ติดตาตรึงใจของเขาอย่างไม่ลบเลือนอีก  นั่นสินะ...ถ้าแป้งร่ำชอบคนอื่น เขาจะทำอย่างไร กี่ทีกี่หน เขาก็เป็นได้แค่ตัวกวนประสาทของเธอ ที่เธอพูดดีด้วยใช่เป็นเครื่องหมายว่าเธอมีใจให้เขา…นี่นะ  

    +++++++++++++++++++

    “ไหน ขอดูหน่อยสิ”  ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ยังดึงกระดาษจากหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ มาดู หัวเราะอย่างกวน ๆ

    “ก็เราไม่เข้าใจนี่ แล้วคำนวณแบบนี้เราก็ไม่ค่อยชอบ ไม่เหมือนบางคนนิ เรียนเก่งจะตาย ทั้ง ๆ ที่โดดเรียนก็หลายที”  แป้งร่ำบอกอย่างงอน ๆ แถมเผลอค้อนให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อีกด้วย

    “โดดที่ไหน เราติดธุระต่างหาก วันไหนหายไปเราก็โทรไปบอกแป้งทุกครั้ง ถึงเราโดด เราก็ยังดูหนังสือ ยืมสมุดแป้งมาลอก ไม่ได้ปล่อยมันไปซะหน่อย”  ปิยะยิ้มประจบหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ  

    “แล้วนี่ มันต้องคิดอย่างนี้ รู้มั้ย”  เสียงห้าว ๆ อธิบายอย่างยืดยาว ในมือมีดินสอที่กำลังขีดเขียนบนกระดาษแสดงวิธีทำให้นิสา วีระศักดิ์ และพีรพลดูไปด้วย

    “อ๋อ”  ทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่พูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เลยพลอยทำให้การทำข้ออื่นๆ ง่ายตามไปด้วย

    “ขอบใจนะเล็ก”  เสียงหวานใส ๆ เอ่ยออกมาทำลายความเงียบ เมื่อนิสา วีระศักดิ์ และพีรพลอาสาไปหาเสบียงมาตุนไว้ในการติวหนังสือสอบปลายภาคกันต่อ โดยมีเธอและปิยะเป็นคนอยู่เฝ้าของ

    เขาหันมายิ้มให้เธออย่างรับรู้  

    “ขอเปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ”  น้ำเสียงรวน ๆ ดังขึ้นมาเมื่อต่างคนต่างเงียบไปพักใหญ่

    “อะไร”  หญิงสาวทำหน้าตาตื่น ๆ แก้มนวลเริ่มมีสีฝาด

    “ขอเป็น...เป็น” ดวงตายาวรีล้อมด้วยขนตาดำเป็นแพหนาเปล่งประกายความรู้สึกบางอย่างออกมา

    “เป็นอะไรกันเหรอ”  นิสาขัดขึ้นมา ตามมาด้วยพีรพลที่หอบขนมถุงโตพร้อมด้วยวีระศักดิ์ที่ถือแก้วน้ำมาเต็มมือ

    “ก็...เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นเกรดสวย ๆ แทนไง ขอแค่นี้ทำได้หรือเปล่า”

    กลุ่มที่เพิ่งมาสบทบเลยหัวเราะกันลั่น แป้งร่ำแอบถอนหายใจ พยายามควบคุมสติและอารมณ์ให้ปกติ ทุกครั้งที่ถึงคราวสอบทีไร ชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ จะเข้ามาคอยช่วยคอยสอนเธอ รวมทั้งเพื่อน ๆ ที่ไม่เข้าใจเสมอ ๆ แววตาวับ ๆ ที่มองสบกันเมื่อกี้ทำเอาจิตใจของเธอหวั่นไหว จากเฉย ๆ กลายเป็นความเคยชินเมื่อเขาเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ ถึงไม่ได้แสดงอะไรอย่างชัดแจ้ง แต่เธอก็รับรู้...ทีละนิด ทีละนิด...

    จากคุณ : พิจิกา...หน้าฝน - [ 8 ก.ย. 46 20:54:48 A:169.210.26.128 X: ]