การตายอย่างสงบ(หมายเลข 4)
บัญชายืนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง มองออกไปดูฟ้าที่ไม่เคยมืดสนิทด้านนอก เขาต้องการตาย
เหตุผลนั้นสั้น และเรียบง่าย. . . เพราะว่าชีวิตนี้ มันมีสิ่งที่เขาต้องการหลบหนีมากเกินไป และเขากำลังจะทนมันต่อไม่ไหว เขาอยากรู้ว่าแม่ของเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเขาจากโลกนี้ไปแล้ว. . . ถ้าเธอรู้แค่ว่าเป็นอุบัติเหตุ มันคงไม่ร้ายแรงอะไร เพราะว่าเขารู้ว่าเธอเป็นคนที่มีเหตุผล แม้จะเสียใจแทบขาดใจในเบื้องต้น แต่สุดท้าย. . . เธอก็ต้องทำใจได้ พ่อล่ะ. . . พ่อคงไม่เป็นไร พ่อคงเข้มแข็ง เพราะว่าในเวลานั้นแม่คงอ่อนแอ เมื่อใครคนหนึ่งอ่อนแอลง คนที่อยู่ด้านข้างก็จะกลับเข้มแข็งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ดังนั้น เขาทราบว่าเขาไม่ต้องห่วงอะไร
นี่เขากำลังจะฆ่าตัวตายหรือ?
แน่ล่ะ เขารู้ว่าคนที่คิดฆ่าตัวตาย ที่ยังคอยวางแผนและกังวลกับผลที่จะตามมา ย่อมกระทำการไม่สำเร็จ. . . เขาจะพะว้าพะวังจงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ความสำเร็จในการจัดการกับตัวเองที่เกิดตามมานั้น รับรองว่าน่าจะเกิดจากความผิดพลาด และไม่ได้ตั้งใจ เช่น ขึ้นไปยืนบนริมขอบหน้าต่าง เหมือนที่เขากำลังทำตอนนี้ แล้วก้าวพลาดสะดุดตกลงไป. . . ณ วินาทีนั้น ผู้ตายคงรู้สึกกลัวและคิดอยากเปลี่ยนใจ กล่าวโทษตัวเองต่างๆ นาๆ ไม่น่าสับเพร่าจนดันมาตายตอนที่ยังไม่พร้อม อยากจะเปลี่ยนใจ และถ้ามีใครโยนเชือกมาให้ ก็คงจะรีบคว้าอย่างสุดชีวิต
เขาตั้งใจว่า หนหน้า ถ้าคิดจะตายอีก จะไม่คิดอะไร ปล่อยหัวให้ว่าง. . . โล่ง. . . และทำมันไปเลย. . . แต่ถ้าหัวว่าง เขาก็คงจะไม่สามารถตายได้อีก. . . เพราะว่าคนเราถ้าไม่มีอะไรค้างคา ภาระที่ติดตัว หรือความกดดันที่อยู่ในใจ ก็ย่อมอยากดำรงชีวิตอยู่ต่อ มันเป็นธรรมชาติ เมื่อไม่มีอะไรมากีดกั้น แต่ละคนก็จะกลับสู่สภาพดั้งเดิมปกติ อันนั้นก็คงจะเป็นสภาวะที่ไม่อยากจะตายนั่นเอง
อย่างนั้น เขาก็ต้องหาอะไรให้หนักหัวเอาไว้ เรื่องร้ายๆ ประสบการณ์เลวๆ สิ่งที่เขากำลังพยายามหนี มันต้องประเดประดังเข้ามาจนแทบโงหัวไม่ขึ้น นั่นแหล่ะ ถ้าเป็นสภาพอย่างนั้น เขาก็จะบรรลุวัตถุประสงค์ของตอนนี้. . . แต่เขาถามกลับมาที่ตัวเองว่า แน่ใจหรือว่าตอนนี้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น หรือว่ามันก็เป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง เหมือนกับการกระโดดกัดหูตัวเอง ที่เขาพยายามทำบ่อยๆ เวลาที่เจ็บแค้น ก่อนจะร่วงหล่นลงมากระแทกพื้น หรือเช่นที่เขาเดินไปเตะต้นไม้ด้วยความโมโหจนขาหัก และอีกครั้งที่เขาเอาท่อนเหล็กไปตีต้นไม้จนกระเด็นกลับมากระแทกปากตัวเองแตก
อารมณ์ชั่ววูบมักนำพาซึ่งผลกระทบที่คาดไม่ถึง. . . นี่ไม่ใช่เรื่องตลก เขาเริ่มตกใจว่านี่เขาคิดเช่นนี้จริงๆ หรือ ความรู้สึกอยากตายมันโฉบวูบเข้ามา เหมือนกับกระแสไฟฟ้าที่ลัดวงจร ยังดีที่เขามีอะไรให้ห่วงกังวล. . . มีสิ่งที่เขายึดเกี่ยวอยู่ ทำให้เขามีเวลาที่จะรั้งตัวเองออกมาก่อนจะดิ่งลงไปยังห้วงมรณะนี้
เขาค่อยๆ พาตัวลงมาจากขอบหน้าต่าง และลดตัวลงไปนั่งพิงพนัง. . . น้ำตาเริ่มทะลักออกมาอย่างพรั่งพรู น้ำมูกและน้ำตาปนกันปนเป เสียงที่เขาร้องโวยวายคร่ำครวญนั้นฟังไม่ได้ศัพท์ เหมือนกับคนที่เพิ่งจะกลับมาจากการไปโรงพยาบาลเยี่ยมคนป่วยอาการหนักปางตาย ก่อนจะเห็นผลการตรวจโรคของตัวเองและพบว่าเป็นโรคเดียวกัน
จากคุณ :
ทัศนา
- [
9 ก.ย. 46 01:08:25
A:203.107.201.136 X:
]