การตายอย่างสงบ (หมายเลข 4-5)

    การตายอย่างสงบ(หมายเลข 4)

    บัญชายืนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง มองออกไปดูฟ้าที่ไม่เคยมืดสนิทด้านนอก  เขาต้องการตาย

    เหตุผลนั้นสั้น และเรียบง่าย. . . เพราะว่าชีวิตนี้ มันมีสิ่งที่เขาต้องการหลบหนีมากเกินไป  และเขากำลังจะทนมันต่อไม่ไหว   เขาอยากรู้ว่าแม่ของเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเขาจากโลกนี้ไปแล้ว. . . ถ้าเธอรู้แค่ว่าเป็นอุบัติเหตุ มันคงไม่ร้ายแรงอะไร เพราะว่าเขารู้ว่าเธอเป็นคนที่มีเหตุผล  แม้จะเสียใจแทบขาดใจในเบื้องต้น แต่สุดท้าย. . . เธอก็ต้องทำใจได้  พ่อล่ะ. . . พ่อคงไม่เป็นไร พ่อคงเข้มแข็ง เพราะว่าในเวลานั้นแม่คงอ่อนแอ  เมื่อใครคนหนึ่งอ่อนแอลง คนที่อยู่ด้านข้างก็จะกลับเข้มแข็งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด  ดังนั้น เขาทราบว่าเขาไม่ต้องห่วงอะไร

    นี่เขากำลังจะฆ่าตัวตายหรือ?

    แน่ล่ะ เขารู้ว่าคนที่คิดฆ่าตัวตาย ที่ยังคอยวางแผนและกังวลกับผลที่จะตามมา ย่อมกระทำการไม่สำเร็จ. . . เขาจะพะว้าพะวังจงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้  ความสำเร็จในการจัดการกับตัวเองที่เกิดตามมานั้น รับรองว่าน่าจะเกิดจากความผิดพลาด และไม่ได้ตั้งใจ  เช่น ขึ้นไปยืนบนริมขอบหน้าต่าง เหมือนที่เขากำลังทำตอนนี้ แล้วก้าวพลาดสะดุดตกลงไป. . .  ณ วินาทีนั้น ผู้ตายคงรู้สึกกลัวและคิดอยากเปลี่ยนใจ กล่าวโทษตัวเองต่างๆ นาๆ  ไม่น่าสับเพร่าจนดันมาตายตอนที่ยังไม่พร้อม  อยากจะเปลี่ยนใจ และถ้ามีใครโยนเชือกมาให้ ก็คงจะรีบคว้าอย่างสุดชีวิต

    เขาตั้งใจว่า หนหน้า ถ้าคิดจะตายอีก จะไม่คิดอะไร  ปล่อยหัวให้ว่าง. . . โล่ง. . . และทำมันไปเลย. . .  แต่ถ้าหัวว่าง เขาก็คงจะไม่สามารถตายได้อีก. . . เพราะว่าคนเราถ้าไม่มีอะไรค้างคา  ภาระที่ติดตัว  หรือความกดดันที่อยู่ในใจ ก็ย่อมอยากดำรงชีวิตอยู่ต่อ  มันเป็นธรรมชาติ  เมื่อไม่มีอะไรมากีดกั้น แต่ละคนก็จะกลับสู่สภาพดั้งเดิมปกติ  อันนั้นก็คงจะเป็นสภาวะที่ไม่อยากจะตายนั่นเอง

    อย่างนั้น เขาก็ต้องหาอะไรให้หนักหัวเอาไว้  เรื่องร้ายๆ  ประสบการณ์เลวๆ  สิ่งที่เขากำลังพยายามหนี  มันต้องประเดประดังเข้ามาจนแทบโงหัวไม่ขึ้น  นั่นแหล่ะ ถ้าเป็นสภาพอย่างนั้น เขาก็จะบรรลุวัตถุประสงค์ของตอนนี้. . . แต่เขาถามกลับมาที่ตัวเองว่า แน่ใจหรือว่าตอนนี้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น  หรือว่ามันก็เป็นอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง  เหมือนกับการกระโดดกัดหูตัวเอง ที่เขาพยายามทำบ่อยๆ เวลาที่เจ็บแค้น ก่อนจะร่วงหล่นลงมากระแทกพื้น  หรือเช่นที่เขาเดินไปเตะต้นไม้ด้วยความโมโหจนขาหัก และอีกครั้งที่เขาเอาท่อนเหล็กไปตีต้นไม้จนกระเด็นกลับมากระแทกปากตัวเองแตก

    อารมณ์ชั่ววูบมักนำพาซึ่งผลกระทบที่คาดไม่ถึง. . . นี่ไม่ใช่เรื่องตลก  เขาเริ่มตกใจว่านี่เขาคิดเช่นนี้จริงๆ หรือ  ความรู้สึกอยากตายมันโฉบวูบเข้ามา เหมือนกับกระแสไฟฟ้าที่ลัดวงจร  ยังดีที่เขามีอะไรให้ห่วงกังวล. . . มีสิ่งที่เขายึดเกี่ยวอยู่  ทำให้เขามีเวลาที่จะรั้งตัวเองออกมาก่อนจะดิ่งลงไปยังห้วงมรณะนี้

    เขาค่อยๆ พาตัวลงมาจากขอบหน้าต่าง และลดตัวลงไปนั่งพิงพนัง. . . น้ำตาเริ่มทะลักออกมาอย่างพรั่งพรู น้ำมูกและน้ำตาปนกันปนเป  เสียงที่เขาร้องโวยวายคร่ำครวญนั้นฟังไม่ได้ศัพท์  เหมือนกับคนที่เพิ่งจะกลับมาจากการไปโรงพยาบาลเยี่ยมคนป่วยอาการหนักปางตาย ก่อนจะเห็นผลการตรวจโรคของตัวเองและพบว่าเป็นโรคเดียวกัน

    จากคุณ : ทัศนา - [ 9 ก.ย. 46 01:08:25 A:203.107.201.136 X: ]