กระทงไม่หลงทาง - ตอนที่ 1 (เรื่องสั้น 10 ตอนจบ)

    “ออมกระดาษโรเนียวเซ็ตนี้หมดแล้วนะ คุณจัดการให้ผมหน่อยสิ”      นายป้อมเพื่อนร่วมงานที่
    สนิทสนมกับออมร่อนแบบฟอร์มเอกสารที่ว่ามาให้ที่โต๊ะ

    “ผมขอวันจันทร์นะ”      เขาบอกเสร็จก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หันไปทำงานต่อ ออมมองเอกสารบนมือ
    แล้วคิดในใจ เราจะเริ่มต้นตรงไหนดีหว่า.. นอกจากสมุดหน้าเหลือง แล้วก็เคาะนิ้วชี้ นิ้วกลาง
    นิ้วนาง สลับกันไปมากับโต๊ะทำงาน    ทำเหมือนที่เคยทำประจำเวลาคิดไม่ออก หากจะปิ๊ง
    อะไรขึ้นมาก็ต้องรีบกระวีกระวาดทำก่อนจะลืมไปอีก หนนี้ก็เช่นกันต้องรีบกระวีกระวาดรื้อ
    ลิ้นชักโต๊ะเป็นการใหญ่เป็นเพียงเพื่อหาสมุดแถบแม่เหล็กเล่มเก่า ที่เธอเลิกใช้ไปแล้วเล่มเดียว
    ก็มันรุ่งริ่งเต็มทีนี่นา พอเปลี่ยนอันใหม่ก็คัดมาเฉพาะชื่อเพื่อนที่สนิท ๆ ไม่กี่คน อันนี้ก็เลยไม่ทิ้ง
    อีกเหตุหนึ่งที่เธอไม่ทิ้งก็เพราะชอบตรงที่รูปภาพปกหลังของสมุด เป็นภาพวาดของศาลเจ้าหรือ
    ศาสนสถานของชาวญี่ปุ่น แล้วมีเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง
    ยืนร้องไห้อยู่ โดยมีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง
    ย่อตัวลงไปเพื่อจะสนทนากับเด็ก ออมชอบความใจดีของสาวน้อยคนนั้น แล้วก็เข้าใจเอาเองว่า
    เด็กคงหลงทางและร้องหาแม่ ส่วนสาวน้อยใจดีที่บังเอิญผ่านมาพบคนนั้นก็กำลังจะนำเด็กไปส่ง
    พร้อม ๆ กับคำปลอบประโลมอันอ่อนหวาน เออแน่ะ หาเบอร์โทรของใครบางคนที่เคยรู้จัก
    อยู่แท้ ๆ ความคิดชักจะล่องลอย เธอไล่สายตาไปตามเบอร์และในที่สุดก็สมใจ ใครคนหนึ่ง
    ที่เคยรู้จักนานแล้ว และไม่ได้ติดต่อไปหาเขานานแล้วเช่นกัน ก็ออมเป็นผู้หญิง แล้วในเมื่อ
    ไม่มีธุระอันใดจริง ๆ จะโทรไปหาเขาทุกบ่อยได้อย่างไรกันในเมื่อแฟนก็ไม่ใช่ เพราะคุณพล
    เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปอยู่บริษัทไทม์สแกนเนอร์ ซึ่งรับทำพวกคอมพิวเตอร์กราฟฟิคดีไซน์
    งานโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เออแล้วนี่ออมจะเอางานโรเนียวไปอ้างเพื่อจะได้ติดต่อกับ
    เขาได้อีกเนี่ยะนะ..ช่างหาข้ออ้างได้ดีจริง ๆ แหม..ก็แค่ข้ออ้างไม่ให้น่าเกลียดนี่..ข้ออ้างน่ะ
    ข้ออ้าง..สุดท้ายเธอก็อดเข้าข้างตัวเองอีกไม่ได้ว่าอย่างไรข้ออ้างของเธอก็ไม่มีวันน่าเกลียด
    เธอยกหูโทรศัพท์กดเบอร์ตามสมุด ทั้งที่เมื่อก่อนเคยจำได้ขึ้นใจ

    “สวัสดีค่ะ ขอสายคุณพลค่ะ”      บ่ายวันศุกร์วันที่เริ่มต้นหลังจากทำตัวห่างหายจากชีวิตเขา
    เกือบสามปี

    “คุณพลออกตลาดค่ะ”      เสียงใสของโอปะเรเตอร์สาวตอบมา

    “งั้นสักครู่จะแฟกซ์เอกสารเข้าไป ฝากให้คุณพลด้วยนะคะ”

    “ได้ค่ะ”

    “ขอบคุณค่ะ”      ออมวางหูโทรศัพท์แล้วก็เดินไปแฟกซ์เอกสารให้เขาแล้วกลับมานั่งทำงานต่อ..
    แอบคิดถึงคุณพลหน่อย ๆ ด้วย เขาเป็นหนุ่มตามคม ผมหยิกหยักศก สูงราวร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร
    รูปร่างผอมเพรียว ออมรู้จักเขาเพราะทำงานกับสำนักพิมพ์หนังสือพวกนิตยสารวัยรุ่นฉบับหนึ่งก่อนหน้า
    ที่จะมาทำงานที่นี่ แรก ๆ ก็คุยกันทางโทรศัพท์ จนกระทั่งได้พบกันเพราะเขาเข้ามาติดต่องานที่ออฟฟิศ
    ยังจำดวงตาวิบวับและรอยยิ้มกว้างแฝงไว้ซึ่งความจริงใจนั้นได้ตราบวันนี้..หรือในวันที่ออมป่วยเป็น
    ไข้หวัด เสียงแหบแห้งเปลี่ยนไปจากเคยเป็นเขาก็จะโทรมาย้ำให้กินยา ให้หาหมอ ให้ดื่มแต่น้ำอุ่น
    จริง ๆ แล้วเขาทำเพราะมารยาทในสังคมเท่านั้นเธอก็รู้ แต่โรคหัวใจง่ายมันกำเริบน่ะ เก็บเอาคำอาทร
    เหล่านั้นมาแอบอุ่นในใจทั้งที่เขาคงไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำมั้ง.. หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่ลืมเขา
    เสียที แม้มีใครต่อใครมากมายผ่านมาให้เลือก หัวใจยึดมั่นความรักตรงนั้นไว้ตราบนานแม้ว่าไม่มีเขา
    อยู่ใกล้ ๆ ก็เถอะ เออ..มันเป็นไปได้อย่างไรกันนะ ความรู้สึกของคนเรานี่มันก็แปลกดีแท้ เธอเลิก
    ติดต่อกับเขามานานนับปี นับจากออกจากที่สำนักพิมพ์แห่งนั้น นี่ถ้าติดต่อไปอีกเขายังจะจำเธอได้
    ไหมนะอยากรู้จัง เห็นทีจะต้องติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้แล้วสินะ รอการติดต่อกลับมาของเขา
    ผู้ชายในหัวใจคนนั้น

                                           ********

    “สวัสดีครับ ขอสายคุณออมครับ”      เสียงทุ้ม ๆ ติดจะแหบด้วยซ้ำ ใช่เสียงนี้หรือเปล่านะที่
    เธอรอคอย

    “สวัสดีค่ะ จากไหนคะ”      ตั้งหลักก่อนล่ะหว่า

    “ไทม์สแกนเนอร์ครับผม”

    “อ๋อ..คุณพล สวัสดีค่ะออมเองค่ะ”      เขาจะงงไหมนี่ว่าออมไหนฟะ

    “ครับ..เห็นเอกสารที่แฟกซ์มาให้ มีอะไรให้รับใช้ครับ”

    “หืมม์ เป็นการเป็นงานจัง เอางี้ดีกว่าจำออมได้ไหมคะ”

    “จำได้ครับ..คุยกันตอนที่ลาออกจากงานแล้วหายไปเลย”

    “วาว..”      ออมยิ้มกว้าง นัยน์ตาวิบวับ

    “ดีใจจังค่ะ ที่คุณยังจำออมได้ นี่ก็นึกถึงเลยติดต่อมาอีก กระดาษที่แฟกซ์เข้าไปนั่นข้ออ้างค่ะ”      
    เขาหัวเราะเบา ๆ ก็ออมเป็นของออมอย่างนี้แหละ.. ซื่อ ๆ

    “ดีใจเหมือนกันนะครับที่มีคนนึกถึง”

    “ก็..ค่ะ อีกอย่างหนึ่งที่ออมอยากจะเรียนปรึกษาท่านผู้กว้างขวางหน่อย ออมจะหาร้านโรเนียวค่ะ
    แนะนำได้ไหม”

    “ได้..แถวจุฬาไง ร้านโรเนียวเยอะแยะ เอาไปให้เขาตอนเช้าเย็น ๆ ก็รับได้แล้ว แผ่นหนึ่ง
    ไม่ถึงสลึงด้วยซ้ำไป”      ออมขมวดคิ้ว

    “ไม่ค่อยคุ้นเลยค่ะ แถวนั้น”

    “ไว้พาไปก็ได้” นั่นแน่ะใจดีด้วย เฮ้อ! เขาก็งี้แหละใจดีเสมอ ๆ

    “ขอบคุณค่ะนี่ก็รบกวนมากแล้ว อยากทราบมากกว่าว่าคุณเป็นอย่างไรบ้างที่ผ่านมา”

    “ก็อยู่ตัวแล้วฮะ นี่ก็พึ่งมาถึงสิบโมงจะเข้างานเวลานี้ประจำ แล้วก็อยู่ให้เขาจนครบชั่วโมงทำงาน
    แต่วันนี้มาถึงก็โทรถึงคุณเลยลูกน้องมันค้อนตาคว่ำแล้ว เพราะลูกพี่ไม่ยอมจ่ายงานซะที”

    “ค่ะ..งั้นไม่รบกวนแล้วล่ะ ไว้ออมติดต่อไปอีกได้ใช่ไหมคะ”

    “จ้ะ”

    “ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ”

    “จ้ะ..บ๊าย..บาย”

    “กริ๊ง...กริ๊ง..”      แน่ะพอวางหูปุ๊ป ก็มีสายใหม่เข้ามาทันที

    “สวัสดีค่ะ บริษัท...ค่ะ”       ออมกรอกเสียงหวานกับกระบอกโทรศัพท์

    “สวัสดีครับ..ขอสายคุณพัชรีครับ”

    “ไปพบลูกค้าข้างนอกค่ะ..ฝากโน้ตมั้ยคะ”

    “ติดต่อได้ไหมครับ”

    “ไม่ค่ะ..มือถือเค้าถูกจูนเลยยกเลิกไป ส่วนเพจเจอร์เสียค่ะ”

    “งั้นฝากโน้ตให้โทรกลับด่วนเลยนะครับ”

    “ค่ะ..จากที่ไหนคะ”

    “ซิสเต็มคอมพ์ครับ ผมอารมณ์ครับ”

    “ค่ะ สวัสดีค่ะ”      ออมส่ายศรีษะ ก่อนจะวางหูลง

    “กริ๊ง...”      เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกรอบ ออมเอื้อมมือไปรับทันที

    “เมื่อกี้ผมลืมฝากเบอร์มือถือไว้ พอดีผมก็จะออกข้างนอกเหมือนกัน”

    “ค่ะ”

    “01-966----”

    “ค่ะ”

    “ให้โทรให้ได้เลยนะครับ”

    “จะให้โทรกลับภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยค่ะ”      ออมพูดติดหัวเราะ

    “จริงนะฮะ..แล้วผมจะรอ”      เขาวางหูไปก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อ ออมยิ้ม วางหูโทรศัพท์ลง
    ความจริงออมมีหน้าที่พิมพ์เอกสาร ไม่ได้เป็นโอปะเรเตอร์โดยตรงหากแต่วันนี้คนที่ทำหน้าที่นี้
    ลาหยุดเธอจึงต้องมาทำหน้าที่แทน เธอทำงานกับบริษัทนี้มาประมาณปีเศษ แล้วออมก็มีชื่อจริง
    เพราะพริ้งว่าอัญชนา เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิดด้วยความที่บรรพบุรุษที่มีเชื้อสายจีนจึงทำ
    ให้ผิวสาวขาวนวลละออตา ผมยาวประบ่า หยกศกนิดหน่อยแบบที่เจ้าตัวชอบบ่นเสมอ ๆ ว่าไม่ชอบ
    เพราะจัดทรงยาก เธอจึงมักจะรวบผมไว้มากกว่าจะปล่อยให้ผมยาวสลวยอย่างที่สาว ๆ
    หลายคนชอบ

    “กริ๊ง..”      เธอเอื้อมมือไปรับสาย

    “สวัสดีค่ะ”

    “สวัสดีครับ คุณออมหรือครับ”

    “คิดว่าใช่หรือเปล่าล่ะคะ” ออมหัวเราะ

    “คุณพรพจน์จะสั่งสินค้าใช่มั๊ยคะเดี๋ยวออมโอนสายให้ค่ะ”

    “ไม่ครับ..ตั้งใจโทรมาหาคุณ” เธอยิ้มกว้าง

    “ขอบคุณค่ะที่ยังนึกถึงเป็นอย่างไรบ้างคะ..สบายดี”      มุขหารับประทานล่ะ

    “ไม่ค่อยสบายครับ”

    “มีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ..เช่นหามส่งโรงพยาบาลทำนองนั้น”

    “คิดถึง”

    “วาว..ขอบคุณค่ะ..สักครู่นะคะจะกำจัดมดแป๊ปนึง ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมดเริ่มชักแถวกันมาตรึม”      
    เขาหัวเราะ

    “หวานมากไหมครับ”

    “หวานอยู่แล้วค่ะ น้ำตาล..น้ำอ้อยหวานได้ทุกอย่างแล้วหวานของคุณจะหมายถึงอะไรล่ะ”

    “คุณ”      โอย..เล่นวกมาลงใกล้ตัวดื้อ ๆ แบบนี้น่ะนะ

    “....”

    “ทำไมเงียบครับ”

    “อึ้งค่ะ..รับมุขไม่ทัน เอางี้ดีกว่าคุณจะสั่งสินค้าป๊ะ”

    “แหมรีบเป็นการเป็นงานเชียว โอเค ครับเดี๋ยวแฟกซ์พีโอให้”

    “ขอบคุณค่ะ”

    “จ้ะ..แล้วโทรมาใหม่นะบ่าย ๆ “

    “ค่ะ..สวัสดีค่ะ”      ออมมีโอกาสได้เงยหน้าขึ้นมองประชาชนที่อยู่รอบโต๊ะ แล้วหน้าแดง
    หลายคนในที่นั้นยิ้ม ๆ ล้อเลียน บ้า! มองกันอยู่ได้ เธอค้อนคมแล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป
    เมื่อผู้จัดการเปิดประตูห้องออกมา เธอก็เลยหวุดหวิดจากการถูก ‘กัด’ ในที่สาธารณะชนไปอีกหน

    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 9 ก.ย. 46 17:26:30 ]