กระทงไม่หลงทาง - ตอนที่ 2 (เรื่องสั้น 10 ตอนจบ)

    ความเดิมตอนที่แล้ว :

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2447895/W2447895.html

    (ตอนที่ 1 ต่ออีกนิดนึงจ้ะ)
             เช้า สาย บ่าย เย็น ทุกทีที่ว่างดูเหมือนโลกจะมีเพียงออมกับเขาสองคน จนใน
    วันหนึ่งก็เป็นไปตามสเต็บของการจีบสาว เขานัดเจอกันกับออม  เธอไม่แน่ใจนักก็ปรึกษา
    กับเพื่อนที่ออฟฟิศก็หนุ่มวิศวเกิน เอ๊ย !  วิศวกรผู้มากประสบการณ์เหลือเกินนั่นแหละ
    หลายคนจารไนให้เธอฟังชนิดถึงกึ๋นเลยก็ว่าได้ แถมด่ามาอีกชุดใหญ่ เรื่องนี้มันก็เหมือน
    เล่นกับไฟดี ๆ นี่เอง ผู้ชายนะ ถือว่านัดได้ ก็ถือว่าได้ชัยชนะก็ได้ใจไปแล้วครึ่งหนึ่งแล้ว
    อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงไม่มีค่าสิยายออม เพื่อนมีเยอะแยะมากมายเธอไปแคร์อะไรกับหนุ่ม
    ที่รู้จักกันทางโทรศัพท์อย่างนั้นเล้า..โธ่..จะเป็นไรไปเล่าคนเราสมัยนี้การศึกษาก็ออกสูง
    แล้วคุณพรพจน์ก็เป็นถึงผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อคงไม่บุ่มบ่าม คงไม่มีอะไรที่เสียหาย เขาต้อง
    อยู่ในสังคม เขาจะยอมเสียชื่อเสียงตัวเองเพียงเพราะ
    ตัณหาหน้ามืดหรือ.. ออมนั่ง
    ถกเถียงกับตัวเองในใจอยู่ครึ่งค่อนวัน  แล้วในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ

    เธอนั่งรถปรับอากาศประจำทางไปยังที่จุดนัดพบ กว่าจะถึงเธอก็ช้าไปเกือบชั่วโมง
    เหมือนฟ้าฝนไม่เป็นใจ ฝนตกและรถก็ติดมากจนเธอเองก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้  ก็ถือว่าเขา
    ใช้ได้เพราะรถกระบะสีบอร์อนยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียนที่เธอไม่ต้องท่องก็จำได้
    ขี้นใจยังจอดรออยู่ที่นั่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปเคาะกระจก ชายหนุ่ม
    ผิวสีแทน จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถหันมามองแล้วยิ้มรับ เขาเอื้อมมือมาเปิดประตู

    “สวัสดีค่ะ รอนานมั๊ยคะ”       เธอเอ่ยทักก่อน ส่งแววตาที่บ่งบอกว่าเสียใจที่มาช้า
    ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ

    “รถติดใช่มั๊ยครับ ไม่เป็นไรผมก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน”  

    “ขอบคุณค่ะ  หิวหรือยังคะไปไหนกันดี”

    “ว่าจะชวนไปดูหนังสักรอบ”

    “ค่ะ”   รับคำแล้วไม่กล้ามองเขาตรง ๆ อีก และไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่แอบใช้
    สายตาสำรวจขณะฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนรถออกจากที่เพื่อจะมุ่งไปที่จอดรถในอาคารของ
    ห้างสรรพสินค้าใหญ่

    เขาจัดว่าเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง คือใบหน้านั้นไม่มีสิวเขรอะ ไม่มีแผลเป็น
    แม้ว่ารอยด่างดำประปรายจะปรากฏบาง ๆ ก็ดูไม่น่าเกลียด กางเกงยีนส์สีซีดจนเกือบ
    ขาวเข้ากันได้กับเสื้อเชิ้ตสีเดียวกัน แขนยาวถูกพับขึ้นมาครึ่งศอก เหลือบตาดูเบาะหลัง
    รกระเกะระกะไปด้วยเครื่องมือของช่างไฟ ไม่เหมือนรถคนมีภรรยาแล้วอย่างที่เขาเคยบอก
    ออมว่า

                  “อ้าวก็บอกกันไว้ก่อนว่า..เออ..มีแล้วนะ เผื่อรู้ทีหลังจะได้ไม่เสียความรู้สึก”  
    จำได้ออมก็ตอบเขาว่าออมเองก็มีคนของหัวใจเหมือนกัน กลัวน้อยหน้านี่นะ ยังบอกเขา
    อีกว่าที่คบกับเขาเพียงต้องการเพื่อนใหม่สักคน เพื่อนในวันที่ไม่มีใครมันสำคัญมากสำหรับ
    คนขี้เหงา..หวังว่าเขาคงเข้าใจ

    เขาจอดรถแล้วหันมายิ้ม เธอยิ้มตอบ เขาลงจากรถเธอก็รีบลงตามไม่รอให้เขา
    มาเปิดประตูให้ ต่างก็เดินตามกันไปจุดมุ่งหมายคือโรงภาพยนตร์ซึ่งอยู่ชั้น 3 ของ
    ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้

    “เรื่องอะไรดี”      เขาหันมาและเลิกคิ้วถามเมื่อถึงช่องตีตั๋ว เธอส่ายหน้าเมื่อ
    เขาเอ่ยชื่อเรื่องแรก และพยักหน้าเมื่อเขาเอ่ยถึงเรื่องต่อไป ตีตั๋วเสร็จก็ต้องเดินเข้าโรง
    ภาพยนตร์เลยเพราะว่าเกินเวลาฉายมาสิบนาทีแล้ว เดินตามเขาเงียบ ๆ เมื่อเขาเลือกนั่ง
    ตัวถัดไปเธอจึงต้องนั่งเก้าอี้ตัวริมสุดโดยปริยาย บนจอกำลังฉายภาพยนตร์ตัวอย่าง
    ตั้งใจดูอย่างจรดจ่อ ก็ไม่รู้จะทำอะไรนี่ ชวนมาดูหนังไม่ได้ชวนมาคุยซักหน่อย จริงหรือ
    เปล่าล่ะ

    “ตั้งใจดูจังนะ”       เขากระซิบ

    “ค่ะ..ก็ชวนมาดูหนังไม่ได้ชวนมาคุยนี่นา”      
    เขายิ้มดูกันไปเรื่อย ๆ  โรงนี้คนไม่เยอะนัก อาจจะเป็นเพราะหนังเรื่องนี้ฉายมาหลายวัน
    แล้วก็ได้ เธอหันไปมองข้างหลังก็พบว่าเธอและเขาเป็นเพียงคู่เดียวที่นั่งแถวนี้และ
    แถวหลังก็ว่างไปอีกสามสี่แถว ถึงจะคุยกันก็คงไม่รบกวนใคร จึงเริ่มชวนเขาคุยบ้าง

    “เนี่ยะค่ะ..อยากดูเรื่องนี้จัง”

    “ฮื่อ..ก็น่ารักดี” เขาถูมือตัวเองไปมา บ่นเบา ๆ ว่ามือชื้นเหงื่อไปหมด เอ้อ..
    แล้วจะให้หาผ้ามาเช็ดให้หรืออย่างไรล่ะ..
    “ไหนดูมือหน่อยสิ”       แสงสว่างจากจอภาพข้างหน้าทำให้มองเห็นเพียงรูปร่าง
    ของมือ ออมมองมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้า

    “ทำไมคะ..มือออมมีอะไรผิดปกติหรือ”       พูดพลางยกมือเล็ก ๆ พลิกไปพลิกมา
    อย่างงง ๆ เขายังยื่นมือมาตรงหน้า สายตาจ้องมาที่หน้าเธอไม่เปลี่ยน เธอหลบตา เสมองไป
    บนจอภาพยนตร์เบื้องหน้าเริ่มจะไม่รู้เรื่องแล้วสิ เมื่อเขายังจ้องไม่เลิกก็เลยถอนหายใจ สบตา
    เขาแว่บนึงก่อนจะวางมือลงไปบนมือเขา วาว..มือเขานุ่มกว่าที่คิดอีกแน่ะ แต่หัวใจสิเต้นไม่เป็น
    จังหวะแล้ว  จนกระทั่งภาพยนตร์เรื่องนั้นจบเธอยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเล้ย..เฮ้อ..ยายออม
    พยายามที่จะดึงมือกลับมาอย่างสุภาพที่สุด แล้วลุกขึ้นเดินนำออกจากโรงภาพยนตร์

    “เดี๋ยวติดรถไปลงข้างหน้านะคะ”  

    “อ้าวแล้วจะกลับเลยหรือเปล่า พี่ไปส่งก็ได้”

    “ไม่ค่ะ ยังไม่อยากกลับบ้านเลย ว่าจะไปหาซื้อหนังสือสักเล่มสองเล่มไว้อ่าน
    เล่นน่ะค่ะ”

    “ตามใจ พี่ก็ว่าจะเข้าออฟฟิศสั่งงานลูกน้องสักหน่อย”   ออมยื่นธนบัตรแบงก์ละ
    ร้อยให้เขาสองใบ

    “ค่าตั๋วค่ะ”  เขายิ้มส่ายศรีษะเบา ๆ

    “เลี้ยง”

    “ขอบคุณค่ะ  แล้วจะใช้หนี้ให้ละกัน”

    “โอเค..ถ้าจะสบายใจขึ้น”  เขาชลอรถและจอดตรงป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้า
    แห่งนั้นออมลงจากรถแล้วมองเขาจนลับตา แปลกที่ความรู้สึกคิดถึงมากมายที่มี คิดถึงแทบทุก
    ลมหายใจเข้าออก คิดจนเก็บไปฝันจางหายไปกับควันรถกระบะสีบรอนซ์ ยี่ห้อโตโยต้าคันนั้น
    จนหมดสิ้น เออ..เลิกคิดถึงเขาแล้วเธอจะคิดถึงใครดี ตัวเองเหรอ  ความดี วีรกรรมชั้นยอด
    อันแปลกมนุษย์ของตัวเองเริ่มหลั่งไหลมาสู่ความคิดจนต้องหัวเราะเบา ๆ เออ..หัวเราะให้ตัวเอง
    ใครจะว่าบ้ามั๊ยเนี่ย..

                                           **********

    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 9 ก.ย. 46 20:14:05 ]