กระทงไม่หลงทาง - ตอนที่ 5 (เรื่องสั้น 10 ตอนจบ)

    ตอน 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2447895/W2447895.html

    ตอน 2  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2448092/W2448092.html

    ตอน 3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2448201/W2448201.html

    ตอน 4  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2448399/W2448399.html


    ออมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขียนถึงบรรทัดสุดท้าย นาฬิกาบอกเวลาสี่นาฬิกาของวันใหม่แต่เธอยังไม่ง่วงสักนิดจึงดึงลิ้นชักชั้นที่สองโต๊ะออกมาเพื่อหยิบกระดาษจดหมายออกมาปึกหนึ่ง กระดาษนี้เป็นสีเขียวใบตองอ่อน แล้วมีขนนกสีเงินพิมพ์นูนแทรกกระจายอยู่ทั่วทั้งแผ่น มองคล้ายกับขนนกร่วงจากฟ้ามาเกลื่อนบนพรมผืนหญ้า เธอชอบกระดาษลายนี้มาก เพราะดูหรูแบบเรียบ ๆ  กระดาษลายนี้มีหลายสีเธอจะตามใจผู้รับคือใครชอบสีอะไรก็มักจะใช้สีนั้น ๆ เขียนข้อความไปให้อ่าน ก็มีบ้างที่อุตริส่งสีหวานแหว๋วไปให้ผู้ชาย เพราะเกิดอาการหมั่นไส้คนอ่านประมาณนั้น หนนี้เลือกสีเขียวเพราะรู้ว่าคนอ่านชอบ

    7. 11. 42

    คุณกฤชพล

    ตีสี่ยี่สิบนาทีแล้วค่ะ คุณพลแต่ออมยังไม่ง่วง เล่าถึงความหลังซะหน่อย ก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนึง จุ๊ .. จุ๊ .. อย่าเอ็ดไปเชียวถ้าจะเล่าให้ฟังว่าสมัยโน้นหลงรักหนุ่ม (อายุ) ไม่น้อยคนหนึ่ง รักของเด็ก ๆ ค่ะ รักเหมือนที่ใคร ๆ เขาก็มี อาจจะเป็นหลงรักดารา นักร้อง หรือนักกีฬา ฮีโร่ในดวงใจทำนองนั้น รักของออมเป็นรักที่ใกล้ตัว ทายสิคะว่าใคร ออมว่าคุณน่าจะเดาถูกนะคะ เพราะในโรงเรียนก็มีแค่ครู นักเรียน  อย่าเฉไฉค่ะ ภารโรงที่ไหนมั่งจะมาหนุ่มฟ้อขนาดทำให้สาวสิบเจ็ดหลงรักได้ค่ะก็หลงรักอาจารย์คนหนึ่ง นึกแล้วก็อดเขินไม่ได้ เด็กน่ะ เก็บความรู้สึกเป็นที่ไหน มีอะไร ไม่ออกจากปาก นัยน์ตามันก็ฟ้องเต็มเปาอยู่แล้วใช่ม๊า มีอยู่วันหนึ่งเข้าแถวหน้าเสาธงเคารพธงชาติตามปกติ ออมก็ไปสาย (ธรรมดาค่ะ คนนอนดึก) วิ่งหน้าตั้งไปต่อท้ายแถว อาจารย์คนนี้ก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ
    เราก็เลยตั้งใจเต็มที่ ที่จะยิ้มให้ จังหวะเขาหันไปทางอื่น พอดี๊ พอดี โห!  แค่นั้นแหละเก็บมาเฮิร์ทซะมากมาย เขียนกลอนต่อว่าไว้ บทนึงด้วยนะคะ บทนี้จำได้ว่าเอาไปลอกไว้ในสมุดเฟรนด์ซิปด้วย  ก็ไม่รู้อาจารย์จะรู้ หรือเปล่า เห็นเขาเขียนคำไว้หน้าถัดไปจากกลอนบทนี้ด้วย อ่านหน่อยไหมคะ บทนี้เป็นอะไรที่จำขึ้นใจมาก

      -- น้อยใจเหลือเกิน  คุณหมางเมินผินหลังให้
      รอยยิ้มที่ตั้งใจ   เก้อจนได้สินะเรา
      น้ำตาแทบหยาดหยด  รันทดหัวใจช่างเหงา
      โลกวันนี้สีหม่นเทา  ความเหงาระบายเต็มเงาตา
      คุณคนดีฉันขอโทษ  บอกสิโกรธอะไรนักหนา
      ใยหมางเมินเย็นชา  ให้น้ำตาท่วมใจคนอ่อนแอ

    เก็บมาอ่าน เก็บมาคิดแล้วบางครั้งก็ขำนะคะ แหมช่าง เป็นไปได้ อาจารย์เขาจะไปรู้ไปเห็นอะไรด้วยว่าการกระทำที่ว่าหันไปคุยกับเพื่อนอาจารย์ด้วยกันเนี่ย มีความผิดมาก และก็สร้างความเจ็บปวดให้เด็กน้อยคนหนึ่งมากมายขนาดร้องห่มร้องไห้น้ำตาท่วมห้อง
             
                    เล่าให้ฟังซะ..เหมือนเริ่มต้นด้วยคำว่า ตั้งแต่สมัยอยุธยาโน้นของนายบุญชูสระอูย้าว ..ยาว เพียงเพราะอยากบอกว่าชอบหนุ่มนิสัยแบบอาจารย์ค่ะ อาจารย์เรียกว่าเป็นคนดุ เข้ม ตรงเวลา เฮี๊ยบมากเรื่องส่งการบ้าน แต่ด้วยความที่นิสัยดี เป็นเด็กดีในสายตาอาจารย์ ก็จะอาศัยตรงนั้นให้เป็นประโยชน์เสมอ ๆ คือขอส่งการบ้านเลทแทบทุกครั้ง  สารพัดจะอ้างแหละค่ะ อาจารย์ก็เอือมมั้ง รับไว้ตลอดเหมือนกัน โธ่การบ้านโหด ๆ ใครจะไปทำเสร็จทันเวลาล่ะ หรือความจริงก็เสร็จแหละแต่ตื่นสายไปเรียนไม่ทัน แล้วอาจารย์จะให้ส่งก่อนเข้าแถว ใคร๊จะ
    สามารถล่ะ ไปส่งหลังเข้าแถวเสร็จทุกที

    หืมม์..สงสัยความแก่จะมาเยือนเพราะนั่งเล่าความหลังได้ เป็นฉาก ๆ ขนาดนี้ เล่าซะฟ้าสว่างแล้วเห็นทีต้องไปงีบสักนิดก่อนจะไปทำงาน เหนื่อยหรือยังล่ะคะอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ไว้จะเขียนมาใหม่ค่ะรับคำขอของออมไว้ด้วยก็แล้วกัน


      -- คนของหัวใจ
      ถ้าฉันห่างหายไป
      คุณจะรู้สึกอย่างไรนะเออ
      ฉันเป็นของฉันอย่างนี้เสมอ
      อยากเจอก็หาข้ออ้างจนได้เจอ
      บทจะเบื่อก็รอคุณเผลอค่อยจากมา
      คุณคงไม่ทันได้รู้สึกอะไรมั๊ง..ใช่ไหม
      เพราะฉันไม่ใช่คนที่มีค่ะ
      ควรจะให้คุณกล่าวคำว่าลา
      ฉันเป็นเพื่อนที่ธรรมดาเกินไป
      ถ้าฉันห่างจนหายไปวันหนึ่ง
      ขอให้คิดถึงฉันบ้างก็แล้วกัน
      เพราะไม่มีวัน ที่ฉันจะตัดใจให้ขาดได้
      เถอะ..แล้วจะเขียนจดหมายมาหาประปราย
      จนกว่าจะตาย..จากกัน..นะ..
      แค่ช่วยอ่านเรื่องราวในจดหมาย
      จนกว่าฉันจะตายจากไป
      นะ..คนของหัวใจ (คนแรก)

           คิดถึงค่ะ

             ออม

    มันคงเป็นคำขอที่ยาวที่สุดในโลกเลยใช่ไหมคะนี่.. เธอยิ้มก่อนเก็บกระดาษและจัดหนังสือต่าง ๆ ให้เข้าที่ ก่อนจะเดินไปปิดโทรทัศน์ ปิดไฟ ล้มตัวลงนอนเพื่ออีกสามชั่วโมงข้างหน้าต้องกระวีกระวาดตื่นให้ทัน  ไปทำงานให้ทันเวลาเข้างาน ถอนหายใจลึก ๆ  ทำอย่างไรจะแก้ให้หายนะไอ้เจ้านิสัยชอบนอนดึกตื่นสายเนี่ย

                                                            ********

    เช้าวันอาทิตย์แดดวันนี้ค่อนข้างแรง ทำให้ออมเซ็งเพราะขี้เกียจออกไปผจญแดดข้างนอก หมุนไป หันมา ก็ไม่พ้นเขาอีกจนได้

    “สวัสดีค่ะ คุณพล”

    “ครับ อยู่ไหนล่ะ”

    “อยู่บ้านค่ะ”

    “เป็นเด็กดีเป็นด้วยหรือเราน่ะ”

    “แหมดูถูกจัง”

    “แล้วทำไม่ไปเดินห้าง ไปดูหนังเหมือนเคยล่ะ”

    “แดดข้างนอกร้อนค่ะ ขี้เกียจตัวดำกว่าที่เป็น คุณพลล่ะคะไม่ไปไหนหรือ”

    “ไม่อยู่กับต้นไม้ที่บ้านสบายใจกว่า”

    “น่าอิจฉาจัง ปลูกต้นอะไรง่าย ๆ บ้างคะออมจะได้หามาปลูกไว้ที่โต๊ะบ้าง เอาเล็ก ๆ นะมีดอกสวย ๆ ให้ดูด้วย”

    “หลายอย่างกุหลาบหินก็ทน มีดอกด้วย พวกออมเพชร ออมทอง ก็ดีเหมือนกัน”

    “พรุ่งนี้วันเกิดออมค่ะ คุณพล”    เธอโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

    “อือ..แล้วไง”  เสียงเขาตอบมาเนือย ๆ

    “ไปทานข้าวกัน มื้อสุดท้ายอะไรอย่างเงี้ย”

    “เว่อร์”  เขาหัวเราะก่อน ออมเลยหัวเราะบ้าง

    “นานมากเลยนะที่ไม่เจอกันไม่รู้ออมจะจำคุณได้ไหม ไปหน่อยค่ะ”

    “ไปไหน ไปร้านหน่อย ไม่เห็นรู้จักชื่อร้านอาหารนี้เลย แหวะโนเนมไม่ไป”

    “แหม..มุขเยอะ เล่นคำก็เป็นด้วยจะสมัครคณะไหนคะ จะได้ไม่ตามไปดู”

    “คณะอะไรครับ”

    “เฮ้อ! กลุ้มใจคุยกับเพื่อนต่างวัยนี่ลำบากนะคะ”

    “ว่าเราแก่อีกสิ  โธ่พึ่งจะสี่สิบเอ๊ง”

    “หนูพึ่งจะยี่สิบค่ะ อา”

    “ตกลงคณะอะไร”

    “อ๋อ..จะสมัครเล่นตลกกับคณะไหน โน้ต ยาว โย่ง หรืออีก หลาย ๆ คณะไง้ คณะไหนรับคุณพลออมจะได้ไปไม่ตามไปดู กลัวค่ะ”

    “กลัวอะไรครับ”

    “กลัวหน้าแตกแทนเวลาเล่นแล้วคนดูไม่ขำ”

    “ไม่ต้องหวังดีหรอกจ้ะ”

    “ไปนะคะ พรุ่งนี้เย็นเจอกันที่...”  เธอเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ

    “เอาสิ”

    “หืมม์..ทำไมใจง่ายจัง”

    “อ้าว..ก็อยากเจอสาว ๆ บ้างสิ”

    “ไม่สาวน่ะ..ยังเด็กอยู่เลย กะโปโลด้วย”

    “ตกลงจะให้ไปหรือไม่ให้ไป”

    “ไปค่ะ กี่โมงดี”

    “ทุ่มนึง”

    “ค่ะ ออมไปรอในร้านเลยนะคะ ไปตามหาเอาเองละกัน”

    “ต้องเสียบกุหลาบแดงที่อกเสื้อไหมครับ”  ออมหัวเราะ

    “ไม่ต้องเว่อร์ค่ะ  ออมคงจำคุณได้บ้างหรอกไม่กี่ปีเอง เอ๊ะวันนี้ที่สภากาชาดเปิดทำการไหมคะคุณพล”

    “ผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่สภากาชาดนะครับ ถามทำไม”

    “จะไปบริจาคเลือดค่ะ พรุ่งนี้จะครบยี่สิบปีเต็มแล้วนะคะ
    ทำบุญซะหน่อยดีกว่า”

    “เปิดครับ วันอาทิตย์เปิดเที่ยงถึงบ่ายสี่โมงไปสิยังทันนี่”

    “ก็ดีค่ะ งั้นเดี๋ยวไปเลยดีกว่า”

    “ไปเลยก็ไม่ถึงสภากาชาดสิครับ”

    “โธ่..คุณพลนี่”

    “ตกลง บ๊าย..บาย”

    “ค่ะ สวัสดีค่ะ”  เมื่อวางหูโทรศัพท์เธอก็หยิบงานเขียนที่จะส่งเข้าประกวดในหัวข้อเรื่องทองคำเพื่อนแท้ยามยาก มาอ่านทบทวนอีกครั้ง

    แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 13:56:18

    แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 13:04:26

    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 10 ก.ย. 46 09:55:41 ]