(จบแล้วค่ะ...อีกนิด)
ก็แหม่..มันจำไม่ได้จริงๆ นี่ค่ะ เปลี่ยนไปตั้งเยอะ จำได้ก็เก่งละ อีกอย่างเมลคงลืมไปแล้วจริงๆล่ะ เพราะโกรธที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวนานมั้งค่ะ เราเคยมีพี่ชายคอยเป็นเพื่อนมาตั้งนาน พอไม่มี มันก็เลยเหงาๆ แล้วก็ลืมไปเองนะคะ ลืมไปจริงๆ ก็ไปเรียนซะนานนี่คะ ตอนแรกว่าจะเรียนแค่ปริญญาโท เรียนไปเรียนมาต่อเอกเฉยเลย ไม่ลืมไงไหวล่ะคะ แต่ปล่อยให้คนแก่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยเข้าใจผิดอย่างนั้นนะ บาปนะคะ
เรื่องอะไร อ๋อ
.ไม่เป็นไรหรอกเพราะนมนะรู้ใจพี่มากกว่าใครบางคนเสียอีก ที่ไม่ยอมรับรู้
.เมลจำที่ตรงโน้นได้มั้ย
อิงกุลชี้ไปยังสวนชมพู่ฟากกระโน้น เมนาพยักหน้ารับ
ยังเหมือนเดิมใช่มั้ย พี่เป็นคนบอกลุงที่ดูแลสวนว่าอย่าตกแต่งอะไรเพิ่มเติมนะที่ตรงนั้นนะ ปล่อยเอาไว้อย่างนั้นให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ถ้ารกก็ถางๆ ให้ได้ ให้ที่ตรงนั้นว่างไว้อย่างนั้นล่ะ อย่าไปทำอะไรมัน"
ใช่ค่ะ ยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน วันก่อนนี้เมลไปดูมาแล้วด้วย
ก็ยังดีที่ยังจำได้ สวนนะไม่เหมือนคนนะ คนลืมได้ง่ายกว่า ทั้งที่เมื่อก่อนพี่ก็ใจดีกับเราตั้งมากมาย แต่กลับถูกลืมจนได้ ว้า...แย่จังเนอะ
ก็ เมลบอกแล้วไงค่ะว่า พี่นะเปลี่ยนไปมาก ใครจะไปจำได้ แต่ก่อนดูขรึมๆ ไม่ค่อยพูด ติดจะดุอีกต่างหาก มาเทียบกับตอนนี้ มันคนละคนกันเลยนะค่ะ ทั้งบุคลิก ทั้งหน้าตา แต่ก่อนผอมๆขาวๆ เดี๋ยวนี้ตัวออกดำคล้ำ้าไปกว่าเดิม ผอมรึก็ไม่ผอมออกจะบึกบึน ไม่ได้บอกว่าอ้วนขึ้นจากแต่ก่อนนะคะ ยังไงก็ดูเป็นคนละคนค่ะ แล้วยังไงละ คนเค้าจำไม่ได้ ก็เลยแกล้งเสียสนุกเชียว"
" ที่ผ่านมาเมลก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องราวของพี่นี่นา พี่เมธก็ไม่เคยเห็นบอกว่าพี่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างนี้ กะล่อนเสียจนชวนปวดหัวด้วยเลยค่ะ ดูนะพอกลับมาก็มาทำหลบหน้าหลบตาเรา อยากรู้จริงว่าแบบนี้แล้วจะกล่าวโทษใครดีคะ
ก็ใครล่ะที่บอกพี่ชายทางโน้นตอนเข้าเรียนพยาบาลใหม่ๆ ว่า มีแฟนเสียเยอะแยะไปหมดล่ะ คนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง เยอะไปหมด พอเราใช้ให้ไอ้เมธมันบอกไปบ้างก็ทำเงียบ และไม่เอ่ยถามถึงเราสักคำ ไม่ถามถึงพี่คนนี้สักคำเลยนะ
ก็ไม่รู้จะเล่าอะไรนี่คะ ที่สำคัญตอนเรียนนะใครไม่มีแฟนนะจะบ๊วยมาก..กก และก็ไม่อยากกวน พอดีแฟนสาวทางโน้นเข้าใจพี่ผิดว่าพี่มีสาวอยู่ที่เมืองไทยอีกคน ที่สำคัญที่สุดข้าวสารทุกวันนี้มันแพงค่ะ แม่ไม่มีเงินมาซื้อข้าวสารแถมให้หรอก
เมนาเอ่ยถึงเรื่องที่เธอเคยถูกเขาฉีกหน้าเอาเมื่อครั้งก่อนโน้น มากล่าวอ้างอย่างขำๆ
ครั้งแรกนะพี่บอกไปอย่างนั้จริง แต่ครั้งหลังๆถูกไอ้เมธมันแกล้งเอานะสิ ใครว่าพี่มีแฟนอยู่ทางโน้น ไม่รู้หรือไงว่าไอ้เมธมันหวงน้องยังกับจงอางหวงไข่ พี่ถามถึงเราทีไร ก็บอกแต่ว่าอย่าไปยุ่งกับน้อง เมลมันมีแฟนแล้ว แฟนมันตรึม..มมม อย่างนี้จะให้พี่ว่ายังไงล่ะ แต่เนี่ย
.....เนี่ย....ยังรักษาเอาไว้กับตัวอย่างเหนียวแน่นเชียวนะ "
" เอ่อ....พี่หมายถึงหัวใจนะ ยังว่างทั้งสี่ห้องจริงๆ นะไม่รู้ว่าใครแถวนี้จะตีตราจองหรือเปล่าน้า
.ถ้าสนใจจะแถมที่ว่างๆ ตรงสวนด้านโน้นที่เมลชอบให้ด้วยนะ ฟูลออฟชั่นเลยเชียว สนใจมั้ย
เมนาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่คือความจริง แววตากรุ้มกริ่มที่มองมานั้นทำให้เมนาขวยเขินหลุบตาลงต่ำมองอยู่ที่มือของตัวเอง อย่างไม่กล้าที่จะมองสบตาดวงตาคู่นั้นอีก
เลี่ยนค่ะเลี่ยน เลี่ยนมากๆ สำนวนเมกาเค้าเลี่ยนๆ อย่างนี้เองหรอกหรือคะ ว้า..นึกว่าจะโรมานซ์กว่านี้ซะอีก
.
เมนาล้อยิ้มๆ อิงกุลก็เลยพลอยยิ้มกว้างขวางไปด้วย เอาน่า..อย่างน้อยๆเธอก็ไม่ได้กล่าวปฏิเสธไมตรีที่เขาหยิบยื่นให้ไปนั้นซะทีเดียวนี่นะ..
ถึงบ้านเมนาแล้ว เมนาคงเดินเข้าบ้านไปแล้วถ้าเขาจะไม่ชวนเมนาคุยเมื่อเห็นว่าเมนากำลังจะเอื้อมมือไปปลดเซฟตี้เบ้ว เขาถามคำถามที่ทำเอาเมนางง งง เพราะอยู่ๆ เขาก็ถามเมนาว่า
ว่ายังไง
.
คะ
เรื่องอะไรคะ
ก็ เรื่องที่พี่จะให้เราพิจารณาที่ดินร้อยไร่อย่างที่เมนาเคยพูดเอาไว้คราวก่อนโน้นไง เรืองคราวโน้น....นนน จำได้ปะ
เขาเอ่ยถามล้อๆ เมนาหัวเราะด้วยไม่คิดว่าเขาจะยังจำได้
อ๋อ..เมลพูดเล่นนะคะ อย่าถือสาเอาความกับเด็กเลยค่ะ
แต่..ที่พี่พูดมาทั้งหมด..พี่พูดกับเรานะพูดจริงนะ แล้วก็ให้เมลคิดหาคำตอบให้พี่ด้วย พี่จะรอ
อิงกุลบอกเสียงเข้ม เมนาไม่ได้รับปากใดๆ กับเขา ก้าวลงมาจากรถและเปิดประตูเดินเข้าบ้านอย่างรู้สึกงุนงง เมนายังงงๆ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอยังต้องการเวลาที่จะทบทวนความรู้สึกของตัวเธอเองอีกครั้ง คิดกับอิงกุลเพียงแค่พี่ชาย เพื่อนพี่ชาย หรือเป็นใครที่มากกว่านี้อีกมั้ย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ปล่อยให้เมนาคิดนานนักเพราะคนบนรถตะโกนเรียกชื่อเมนา พอเธอหันกลับมาเขาก็บอกเธออีกครั้งว่า
ที่ว่างตรงนี้
..มีให้เธอคนเดียว...จริงๆ นะ
เขาชี้ไปยังอกที่หนาแน่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของตน แต่มีก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นพื้นที่ขนาดสี่ห้องเล็กๆ เท่านั้นที่กำลังทำงานอยู่ของตนเอง น้ำเสียงที่ดูหนักแน่นจนเกือบทำให้เมนาหลุดปาก ตอบกลับไป และเชื่ออย่างที่เขาพูดนั้นจริงๆ แต่ก็ทำเพียงเธอยิ้มเอียงอายก่อนจะเดินจ้ำอ้าวเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ชายหนุ่มที่นั่งบนรถหัวเราะอย่างชอบใจที่เห็นท่าทีเขินอายของสาวเจ้า
เขาค่อยๆ ขับเคลื่อนรถออกจากบ้านของเธอ ในใจครุ่นคิดถึงเพื่อนรัก ถ้ารู้ความจริงว่าเขา เอาจริง และ รุกเข้าแล้ว รายนั้นคงออกโรงห้ามปรามน้องสาว เป็นแน่แท้ เพราะแต่ไหนแต่ไรเมธาก็ไม่เคยเห็นด้วยกับเขา แม้ว่าเขาจะเพียรพยายามอธิบายถึงความจริงใจที่มี ก็ตาม
บอกแล้วไงว่า น้องสาวตรูห้ามยุ่ง ห้ามจีบ ห้ามโทร ห้ามเขียนจดหมาย ห้ามไปหาด้วย ห้ามทุกอย่าง เข้าใจมั้ย
แต่...มันก็ช่วยไม่ได้ มันทำไปแล้วทุกอย่างที่ห้ามนั้น เขาทำไปหมดแล้วนี่ จะทำยังไงดีล่ะ นี่ก็รีบเรียน รีบจบ และรีบกลับมาเร็วที่สุดแล้วนะ เพื่อที่จะได้มาคุยกับเธอให้รู้เรื่อง..และวันนี้เขาก็ได้ทำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว
@@@ที่บ้านเมนา
เมนาเล่าเรื่องพี่อิงกุลพูดให้พ่อ แม่ พี่เมธน้องมิลล์ ฟังในขณะกำลังรับประทานอาหารมื้อเย็น ทันทีที่เมนาเล่าจบ เมธาก็ออกโรงอาละวาดกลางวง โดยหาได้เกรงใจพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ด้วยไม่
ห๋า
..ห๋า....ว่ายังไงนะ "
" ไอ้หนุ่มที่ยายเมลเล่ามาทั้งหมดคือไอ้อิงค์หรอกหรือ ไอ้บ้านี่ มันน่านักเชียว บอกไม่รู้ฟังเว้ย บอกว่าอย่ายุ่งๆๆกะน้องมันไม่รู้ฟังเว้ย แล้วยังไง ยายเมลแกก็จะแฮปปี้แอนดิ้งกับมัน หรือไงยายเมล "
" พ่อครับแม่ครับผมไม่ยอมนะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการมันเอง ไอ้นี่บอกไม่รู้ฟังเว้ย..บอกว่าน้องๆ ห้ามจีบๆๆๆ มันไม่รู้ฟัง
เมธาบอกเสียงดัง
มิลล์ขอออกความเห็นค่ะ มิลล์ว่ามิลล์ยอม ถ้ามีพี่เขยหล่อๆและใจดีแบบพี่อิงคฺคนนี้มิลล์ชอบ มิลล์ไม่ขัดขวางค่ะ ไฟเขียวไปเล้ย
แม่ก็ชอบนะ เออ...แล้วพ่อว่าไง
พ่อก็ชอบ ว่าไงเรายัยเมล
เมธาหันขวับไปมองน้องสาวตาขวางๆ เมนามองหน้าพี่ชายก่อนตอบ
เอ่อ..เมลก็..ก็โอ.เค.ค่ะ
เท่านั้นละเมธาก็วางช้อนในมือลงกระทบจานเสียงดัง โครม คราม พร้อมกับเอามือกอดอกพูดพูดหน้าตาขึงขังกลางวงอาหารมื้อค่ำว่า..
ไม่ว่าทุกคนจะลงความเห็นว่ายังไงก็ตาม ผมไม่ยอมเด็ดขาดเลย จะให้เอาไอ้อิงค์มาเป็นน้องเขยนะเหร้อ ยอมไม่ได้ ๆๆ แม้ว่ามันจะเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ก็เถอะ แต่ในเมื่อบอกกันแล้ว เตือนกันไปแล้ว ห้ามกันไปแล้วไม่รู้ฟัง เดี๋ยวพี่จะไปตามกระทืบมันซ้ำ ไอ้นี๋...บอกไม่รู้ฟังเว้ย เจ็บใจๆๆๆ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุมันเว้ย....ยย
เมธาพูดออกมาอย่างเข่นเขี้ยว พ่อ แม่ เมนา เมธินี ก็เลยมองอาการขวางๆ นั้นแล้วก็พากันหัวเราะ คนอะไรจะหวงน้องสาวขนาดนั้น ยิ่งคนที่เข้ามานั้นก็เป็นเพื่อนที่เขาเองก็รักเอามากๆ แล้วนี่เขาจะใจดำกับน้องและเพื่อนได้อย่างนั้นหรือ
..
+++++++++++++ จบค่ะ +++++++++++++++++++
*** 16.27 น. ไขข้อข้องใจนิดนะคะ****
+++ ที่ว่านางเองลืมนะค่ะ..พี่โอเอากลไกทางจิตของผู้ป่วยจิตเวชมาใช้นะคะ( Defense Mechanism ) มันเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่พบได้ทั้งคนปกติ และคนที่ผิดปกติทางจิตที่ใช้ในการปรับตัวต่อภาวะเครียดต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา ถ้านานๆใช้ทีไม่เป็นไรค่ะ ถ้าใช้บ่อยๆอาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยทางจิตได้ กลไกนี้ไม่ได้ใช้แค่ในคนที่ผิดปกตินะคะ คนปกติอย่างเราๆก็ใช้บ่อยค่ะ..++
+++ยกตัวอย่างง่ายนะคะ..กลไกที่ใช้นี้เรียกว่า Regression หรือการเก็บกด เป็นกลวิธีแก้ทุกข์โดย " การลืมสิ่งที่ไม่อยากจำ " เช่นความอัปยศอดสูในอดีต คนรักที่ทำเราอกหัก (หุหุ..คนเขียนแกล้งลืมเป็นบางครั้งค่ะ) อาจจะกลับมาระลึกถึงได้อีกถ้ามีสาเหตุของความวิตกกังวล ความไม่สบายใจมากระตุ้น ซึ่งจะเก็บความจำต่างๆเหล่านี้เอาไว้ในระดับจิตใต้สำนึก ในคนที่มี super egoสูงๆก็จะเก็บซ่อนเร้นไว้มาก...เป็นต้นค่ะ
+++ อธิบายง่ายๆได้ว่า เช่นเรามีเรื่องไม่สบายใจ แต่เราต้องอ่านหนังสือสอบ ใจเราก็จะเก็บเรื่องไม่สบายใจเรานั้นเอาไว้ในระดับจิตใต้สำนึก ไม่คิดถึงเรื่องราวที่ไม่สบายใจนั้น จนกว่าจะสอบเสร็จหรือเมื่อมีสิ่งมากระตุ้นให้คิดถึงมันอีกนะคะ ในกรณีนี้ก็คือจิตสั่งให้ลืมเช่นกันนะคะ และก็ช่วงเวลาที่ผ่านมานางเอกเราก็ง่วนกะการเรียนจนไม่มีเวลามาฉุกคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ และอาจจะเพราะยังอยู่ในระยะจิตสั่งให้ลืม และระยะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ไม่ได้พบหน้าค่าตา พระเอกก็เปลี่ยนไปเยอะ เลยลืมๆๆไปนะคะ อีกทั้งนางเอกก็ยังเด็ก คนไทยด้วย..ลืมง่ายค่ะ เอาง่ายๆแค่หลานชายพี่โอ...ไม่เจอหน้าสามปีกลายเป็นหนุ่มแล้ว พี่ยังจำไม่ได้ หรือแฟนเก่าพี่โอสมัยเรียนม.ต้น ที่เคยทำพี่โออกหัก พอเดี่ยวนี้มาเจอกัน เออ..คุ้นๆเหมือนเคยรู้จัก แต่ไม่น่าใช่ เพราะไม่เหมือนเดิมเปลี่ยนไปม้าก จนเพื่อนพี่โอยืนยันว่าใช่ โอเคใช่ก็ใช่ ประมาณนี้นะคะ..หุหุ...
+++ที่พิมพ์ผิดทำให้ใครหลายคนสับสนพี่โอแก้ไขให้แล้วนะคะ +++
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 46 00:58:02
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 17:07:37
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 17:02:39
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 16:36:31
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 16:23:51