กระทงไม่หลงทาง - ตอนที่ 9 (เรื่องสั้น 10 ตอนจบ)

    ตอน 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2447895/W2447895.html

    ตอน 2  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2448092/W2448092.html

    ตอน 3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2448201/W2448201.html

    ตอน 4  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2448399/W2448399.html

    ตอน 5  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2448697/W2448697.html

    ตอน 6  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2449087/W2449087.html

    ตอน 7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2449149/W2449149.html

    ตอน 8  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2449240/W2449240.html


             เขาและเธอขยับตัวตื่นไล่เรี่ยกันเพราะเสียงอื้ออึงของผู้คนในโบกี้  ออมเหวี่ยงกระเป๋าเป้ไปข้างหลังสอดแขนเข้าไปคล้องสายสะพาย หันมาพยักหน้ากับเขา

    “ออมไปล้างหน้าก่อนค่ะ คุณพลล่ะบอกว่าหอบเสื้อผ้าหนีตามเอาไปซ่อนไว้ตรงไหน ไปเอาเร้ว..เดี๋ยวจะช่วยขนลง”

    “งั้นรออยู่นี่นะ”

    “ค่ะ”       ต่างคนต่างเดินไปคนละทางเขาไปหยิบกระเป๋า เธอไปจัดการกับตัวเองเมื่อมาเจอกันอีกครั้ง ออมเดินไปเปิดหน้าต่างขณะที่รถไฟชลอตัวเพื่อเข้าเทียบชานชาลา ขณะนี้นาฬิกาบอกเวลาหกโมงสี่สิบนาที นอกหน้าต่างซึ่งเคยมีบ้านและตึกอาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ให้สลอนตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยไอหมอกที่หนาตาจนไม่สามารถมองออกว่าตรงไหนเป็นอะไร ลมเย็น ๆ พัดวูบเข้ามาออมขยับเสื้อเจ็คเก็ตตัวหนาหันมาทางเขาก็เห็นสวมเสื้อกันหนาวเรียบร้อยแล้ว  ต่างก็เดินตาม ๆ กันไปกับฝูงชนที่เบียดเสียดกันลงจากโบกี้เล็ก ๆ ที่อุดอู้กันมาร่วมสิบกว่าชั่วโมง  ร่างเล็ก ๆ กระโดดตุ๊บลงจากบันได แล้วหันมากางแขนท่าเหมือนจะรับเด็กน้อยที่จะโผเข้าหาอ้อมกอดอย่างขี้อ้อน กฤชพลขึงตา เธอหดมือหัวเราะสดใส ร้านค้าบางร้านที่อยู่ระหว่างทางเดินเข้าสู่ตัวสถานีบางร้านพึ่งจะเปิดขายสินค้า เขามองมาทางออมเพื่อจะถามว่าจะไปไหนต่อ ก็ทันได้เห็นท่าทางที่ชะเง้อชะแง้เหมือนมองหาคนมารับงั้นแหละ

    “เราจะไปไหนกันต่อดี”

    “ไปตัวเมืองค่ะ”       ตะโกนเสียงแจ๋ว ๆ แข่งกับเสียงผู้คนที่เอ็ดอึง และพากันเดินหลบหลีกคนขับรถรับจ้างที่กรูกันเข้ามาหาลูกค้า บ้างก็ยืนชูป้ายหราเพื่อให้ผู้มาใหม่สังเกตได้ชัดเจน ออมยังทำตัวเป็นสาวมั่นเดินต่อมาเรื่อย ๆ โดยไม่ตกลงใจไปกับรถรับจ้างคันไหน ๆ  กฤชพลเดินตามเงียบ ๆ

    “อ้าว แล้วไม่ไปรถรับจ้างแล้วจะไปยังไงล่ะ”

    “อ๋อ..หวังดีค่ะกลัวคุณจะหิว ว่าจะพาไปทานไอติมตรงร้านข้างหน้าสถานีรถไฟนี่แหละ เดินอีกนิดเดียวเหนื่อยแล้วหรือคะ”

    “เฮ้ย! หนาวขนาดนี้เนี่ยนะ”        เขาสาวเท้ายาว ๆ ไปยืนมองเก้าอี้ที่เปียกน้ำค้างใต้ต้นไม้ข้างทาง แล้วก็ไม่นั่ง  ออมเดินอย่างใจเย็นหยิบกระดาษทิชชู่ในกระเป๋าไปเช็ดให้ เขาจึงยอมนั่ง เธอเปิดซิปกระเป๋าด้านข้าง ของเป้สารพัดประโยชน์ของเธอหยิบหมวกแก้ปสีน้ำตาลอ่อนส่งให้

    “ใส่หมวกค่ะ ไม่สบายไปจะแย่ หมอกจัดอย่างนี้ถ้าไม่ชินจะทำให้ไปไข้หวัดได้ง่ายมาก”

    “รู้ได้ไงว่าผมไม่ชิน ผมคนเชียงใหม่แท้ ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ”       เขายังไม่ยอมรับหมวกใบนั้นง่าย ๆ

     “แต่คุณน่ะไปอยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่อายุห้าขวบจนป่านนี้ สามสิบห้าปีผ่านไปโดยกลับมาที่นี่ก็เพราะมาธุรกิจการงาน มาก็พักอยู่โรงแรมหรู ๆ นับได้กี่ครั้งกันคะจากสามสิบห้าปี”

    “รู้ดีจริง..จ้างนักสืบตามเราด้วยหรือเนี่ย”       เขากล่าวต่ออย่างใจเย็น

    “อ้าว..แล้วให้หมวกพี่แล้วเราล่ะ”       ยังดีที่เป็นสุภาพบุรุษเสมอต้นเสมอปลาย

    “โธ่..อย่าห่วงออมเลยค่ะ ออมยังเด็ก เอ๊ย! ยังวัยรุ่นแล้วก็ชินกับสภาพแบบนี้อยู่แล้ว”       เขารับหมวกไปสวมอย่างเสียไม่ได้

    “เท้อะ.. วันไหนปอดโตขึ้นมาจะรู้สึก  แล้วถึงวันนั้นมาอ้อนนะ คุณพลขาปวดหัว ตัวร้อน อย่างนู้น อย่างนี้”       ออมไม่ตอบ ลุกขึ้นรอให้เขาขยับตาม เดินกันไปจนถึงร้านขายโจ๊ก เธอเลือกนั่งโต๊ะในสุด เพราะในร้านมีลูกค้านั่งอยู่ก่อนแล้วสาม-สี่โต๊ะ ซึ่งคงเป็นคนเดินทางที่ร่วมขบวนเดียวกับเธอ เนื่องจากกระเป๋าเดินทาง สัมภาระต่าง ๆ วางระเกะระกะอยู่บนกับพื้นใต้โต๊ะ เมื่อสั่งอาหารเสร็จเขาก็ทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว

      “ไหนมีแผนการอะไรให้ชีวิตในระหว่างสองวันนี้”

    “ออมก็หัวหก..เอ้อ..ก็สมบุกสมบันไปตามเรื่องล่ะค่ะ จะไปด้วยหรือ วันนี้ออมยังไม่เข้าบ้านจะนั่งรถเมล์ตรงป้ายข้างหน้านี่ค่ะ สายสามไปสุดสายที่น้ำตกห้วยแก้ว กะไปปีนน้ำตกเล่น ๆ เช้า ๆ แบบนี้น้ำอุ่นนะคะ ก็อยู่จนพอใจนั่นแหละแล้วค่อนลงมาเดินต่อในสวนสัตว์ หาวิวเหมาะ ๆ ถ่ายรูปสวย ๆ ไปทำปฏิทินแจกเพื่อน แล้วค่อยเข้าที่พัก นอนพักสักงีบค่อยออกไปโต๋เต๋แถวสะพานนครพิงค์ หรือสะพานนวรัฐ ข่วงประตูท่าแพ ไนท์บาร์ซ่าร์ ประมาณนั้น ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจกะไปดูหนังที่โรงหนังวิสต้า ไม่ก็ที่เซ็นทรัลกาดสวนแก้วแทน”

    “โอ้โฮ! เป็นหนึ่งวันที่แสนจะคุ้มค่าขนาดนั้น แล้วอีกวันล่ะ”

    “ไปอำเภอสันป่าตองค่ะ ไปเยี่ยมรุ่นพี่คนหนึ่งเขาเป็นนักเขียนและนักดนตรี เขาเล่นประจำอยู่ห้องอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอนั่นแหละ ไม่นึกว่าคุณพลจะมาด้วยนี่คะ กะว่าจะชวนพี่เขาไปขึ้นดอยสุเทพ ตกกลางคืนก็มาลอยกระทงก่อนกลับรถทัวร์เที่ยวสุดท้าย ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ แต่คุณพลมาด้วยหยั่งงี้อาจจะไม่ชวนพี่เขาก็ได้ เพราะ..”  

    “อย่าให้พี่เป็นภาระเลย”

    “สิ..ขนาดนี้ยังหึงเลยแล้วชวนพี่เขาไปด้วยมิงอนแย่หรือคะเนี่ย”       เธอว่ายิ้ม ๆ เขาหัวเราะ

    “เด็กบ๊องเอ๊ย! แก่แดดไปหน่อยแล้วเรา เอาไว้โตกว่านี้สักสิบปีค่อยพูดยังไม่สายนะรู้ไหม”

    “เฮ้อ! ก็เป็นได้แค่นี้แหละ เป็นน้องสาวที่แสนน่ารัก”

    “น่ารักตายเลย”       เขามองฟ้าเริ่มสว่างขึ้น ไอหมอกจางไปอย่างอ้อยอิ่ง นั่งรับประทานกันจนอิ่มเรียบร้อยแล้ว เขาเป็นคนจ่ายก่อน

    “ระวังนะคะ เดี๋ยวออมจะช่วยใช้เงินเดือนคุณหมดก่อนกำหนด”

    “เอาสิ กลับไปถึงกรุงเทพฯ จะได้หอบผ้าไปอยู่ด้วยที่อพาร์ทเม้นท์ให้เลี้ยงตอบแทนซะให้เข็ดไปอีกนาน”

    “ได้ค่ะ”       เธอแกล้งนับนิ้ว

    “หักกลบลบหนี้แล้วคุ้มออก  แลกกับข้าวไข่เจียววันละมื้อ น้ำวันละไม่กี่แก้ว อย่าเปลี่ยนใจหนีไข่เจียวของออมก็แล้วกัน เดี๋ยวรอแป๊ปนึงค่ะ ออมจะไปโทรหาป้าที่หอพักอิงฟ้าก่อนค่ะ ช่วยสวดภาวนาก็แล้วกันค่ะขอให้มีห้องว่างให้คุณด้วย”       เธอเดินไปหยอดเหรียญตู้โทรศัพท์สาธารณะที่หน้าร้าน ครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้วกลับมา

    “ไม่มีห้องว่างให้คุณค่ะ โชคร้ายจัง นอนหน้าห้องหรือจะไปเช่าโรงแรมเองคะ”

    “มีโรงแรมที่ไหนว่างช่วงวันหยุดเทศกาลลอยกระทงอย่างนี้ล่ะคู๊ณ”  

    “ไปกันเถอะค่ะ ไปตามโปรแกรมที่ออมวางไว้ก่อนก็แล้วกัน ไหน ๆ ก็มาแล้วนี่ อย่าคิดอะไรมากมาย รับรองออมไม่ปล่อยให้คุณนอนข้างถนนหรอกน่ะ”        เมื่อเดินออกจากร้านก็เห็นรถเมล์สายดังกล่าวมาแต่ไกลเลยเดินแกมวิ่งเพื่อให้ทันขึ้นรถโดยไม่ต้องเสียเวลารอคันต่อไปอีก ก้าวขึ้นรถเมล์ได้ออมมองหาที่นั่ง เธอเลือกนั่งเกือบหลังสุด อาจจะเพราะยังเช้าและเป็นเช้าของวันหยุดผู้โดยสารบนรถจึงมีเพียงห้าคน เขาเป็นคนจ่ายค่าโดยสารอีก

    “ยังไม่เคลียร์เรื่องของออมเลย ว่ายังไง”

    “เรื่องอะไรคะ ไม่เข้าใจ”

    “ก็ยังมีอะไรจะบอกเล่าอีกบ้าง เอาแบบหมดไส้หมดพุงนะ ไม่ใช่แบบไม่โกหกแต่บอกไม่หมดเหมือนที่ผ่านมา”

    “รับจ้อบแผนกสำรวจมะโนประชากรหรือคะ”  เขามองหน้าเธอ ทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ

    “มาเรียนที่นี่ตอนมอปลายค่ะ สามปีนี่แค่พอทำให้ออมรู้จักที่ทางในจังหวัดนี้บ้างก็เท่านั้นเองไม่มีอะไรมาก”

    “สั้นจัง”

    “อ้าว ทีคุณพลไม่เห็นบอกเลยว่าคนที่โทรมาตามไปทานข้าววันนั้นน่ะใคร”

    “เรื่องของผู้ใหญ่นี่ครับ”

    “งั้นนี่ก็เรื่องของเด็กเหมือนกันค่ะ  นี่ดูตรงนี้ดีกว่าสะพานนครพิงค์เคยมาเดินเล่นแถวนี้บ้างไหมคะ”

    “ไม่ได้เหมือนออมนี่”        ออมก้มหน้าหลบตา

    “อะไรแค่นี้ น้อยใจ ร้องไห้”       เขาเอะอะ ออมเงยหน้าหัวเราะเสียงใส

    “โธ่..ก็ออมแย่จริง ๆ นี่คะ ว่างจนคนอื่นอิจฉา”

    “เด็กเลี้ยงแกะ คอยดูเถอสักวันจะไม่มีใครเชื่อ”       เขางึมงำ

    “ตรงนี้ก็หอพักค่ะ ขากลับเราจะขึ้นลงมาลงตรงนี้ค่ะ นั่นไง ๆ เห็นป้ายไหมคะ”

    “ตกลงคืนนี้จะให้ผมนอนหน้าห้องจริง ๆ หรือ”

    “แล้วแต่พฤติกรรมค่ะ”

    “รับรองสุภาพบุรุษร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”

    “ตกลงจะพี่หรือจะผมคะ”

    “ก็คุณไม่เรียกพี่นี่ครับ ผมหรือจะกล้าสนิทชิดเชื้อ”

    “โอ๊ะ..โอ๋..คิดมากค่ะ คุณพลก็เรียกออมว่าออมได้ ส่วนจะให้ออมเรียกคุณว่าพี่นี่..”       กอดอกเอียงคอมองอย่างพิจารณา

    “ไม่ดีม๊าง..”       นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ล้อเลียน

    “เออ..”       เขากระแทกเสียง
    “ผมแก่เกินที่จะเป็นพี่คุณ”       แกล้งสะบัดหน้าหนี
    “ไม่ว่าได้ว่าซักหน่อย โอ๋ ๆ อย่างอนนะคะ แต่ช้าแต่”       ออมชูมือไปตรงหน้าเขาแล้วหมุนไปมา เสียงหัวเราะประสานกันลั่นรถ แล้วเสียงห้าวทุ้มดังสลับกับเสียงเจื้อยแจ้วกับเสียงหวานใสตลอดการเดินทาง

    แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 18:36:14

    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 10 ก.ย. 46 16:57:48 ]