ท้องฟ้าหม่นมืด..เมฆเทาครื้มฝนโปรยปรายลงมาสู่เบื้องล่างยามค่ำ ..
..ย่านการค้าบนถนนสายใหญ่ยังเเออัดคับคั่งไปด้วยรถราและผู้คนมากมายซึ่งเดินขวักไขว่เบียดเสียดกันอยู่ริมทางเท้าชื้นเเฉะ ..ตามด้วยเสียงเอะอะจอแจและความสับสนวุ่นวายซึ่งดูจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอันเร่งรีบในสังคมเมืองหลวง..
กระจกหน้าต่างบานใหญ่บนอาคารชั้น13ซึ่งเคยสกปรกไปด้วยฝุ่นละอองเขม่าควัน..ถูกฝนชะล้างจนใสวาววับ..บานหน้าต่างเปิดอ้าทำให้ ละอองน้ำสาดกระเซ็นเข้ามายังด้านใน..ทว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องซึ่งนั่นอยู่บนเก้าอี้ไม้ใกล้กัน ก็มิได้สนใจจะปิดมันแต่อย่างใด..
สายตาของเขามองลงไป..จากตึกสูง..ผู้ที่อยู่ด้านล่างคล้ายกลุ่มมดฝูงใหญ่..ที่เดินขวักไขว่ไปมาอย่าง
รวดเร็ว..เร่งรีบ จนไม่มีเวลามาหันมามองคนที่อยู่ข้างๆตัว..ในอารมณ์รีบร้อน
จะมีใครมีใจคิดถึงคนถึงคนอื่นบ้าง..
มีไหม....?
ตัวผม
หนุ่มเจ้าของห้อง..เอนหลังบนพนักพิง..ค่อยๆหลับตาลง บนนี้ไม่มีความแออัดสับสน..ไม่มีเสียงเอะอะอึกทึก ..ให้รำคาญหู
แต่ทว่าในห้องกว้างตอนนี้กลับมีแต่ความเงียบงัน..
เดียวดาย
นานเท่าไหร่แล้วนะ..ที่เราเป็นแบบนี้
คำถามสั้นๆ...ผุดขึ้นในสมองเร็วพอๆกับคำตอบคิดอยู่ในใจ
ตั้งแต่เธอจากไป...ก็ครบ2 อาทิตย์แล้ว
เธอ...สาวน้อยคนนั้น ไม่เพียงแต่จะทำลายความเงียบเหงาในห้องใหญ่หายไป..ยังทำให้หัวใจของชายหนุ่มอบอุ่นด้วยความรู้สึกบางอย่าง...ที่เรียกกันว่าความรัก
เเต่วันเวลาแห่งความสุขช่างแสนสั้น...แล้วเธอก็จากไปพร้อมกับ..ใคร..คนหนึ่ง
เเละเป็นเวลาที่ความเดียวดายจะมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง..
ป้า..ผมอยากจะหารูมเมตใหม่...ใครก็ได้ผมไม่เกี่ยงขอให้มีก็แล้วกัน
ผมเคยกล่าวประโยคนั้นกับเจ้าของอพาทเมนท์ที่อาศัยอยู่.ตอนนั้นป้าพยักหน้าหงึกหงักอย่างรำคาญผมเสียเต็มที
เเต่ว่าตั้งอาทิตย์กว่าได้แล้ว..แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของ
ผู้ร่วมห้อง จะปรากฏตัว..
แล้วเราจะต้องอยู่อย่างเงียบเหงาไปอีกนานเท่าไหร่...
..
แอ๊ด.............................ด
เสียงประตูไม้เปิดออกช้าๆๆ ป้าเจ้าของตึกกำลังเดินมาพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งเสื้อผ้าของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ในมือถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต..
...เธอคนนี้จะมาเป็นรูมเมทของผม..?
อ่ะ..ตามสบายเลยนะ..เรื่องค่าเช่า..ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยจ่ายก็ได้
หญิงวัยกลางคนกวาดสายตาไปรอบๆมองหาอะไรสักอย่างหนึ่ง คล้ายกับกล้าๆกลัวๆ
..ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวสักหน่อย ผมแอบบ่นในใจ..รึว่ากลัวผมจะทำมิดีมิร้ายกับเพื่อนร่วมห้องหรือไง
แหม
.ใครจะกล้า...ผมเป็นคนดีนะ..เชื่อใจกันหน่อยสิ..
ขอบคุณค่ะ
ดวงหน้าใสยิ้มสวย ผมยาวของเธอมัดรวบๆไว้คงยาว
ประบ่า ส่วนเสื้อผ้าสีเข้มที่สวมมาช่วยทำให้ผิวขาวเนียนน่าดูยิ่งขึ้น..
ว่าแต่แม่หนูชื่ออะไรล่ะ..ป้าลืม
คนิชา..ค่ะ
ผมชื่อ ทศพร ครับ..
สงสัยเธอมัวแต่ยกกระเป๋าไปวางอยู่หน้าตู้ละมั้ง..
จึงไม่ได้สนใจคำทักทายของผม..แต่ไม่เป็นไรหรอก
ผมคงมีเวลาที่จะคุยทำความรู้จักกับเธออีกมาก...
คงพออยู่ได้นะ..ถ้ามีอะไรก็ลงไปเรียกป้าที่อยู่ห้องข้างล่างได้
สาวน้อยที่ชื่อคนิชา เพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของผมรับคำสั้นๆ ก่อนที่เจ้าของตึกจะปิดประตูออกไป
..ในที่สุด..ก็คงถึงตาผมคุยบ้างแล้วล่ะ..
คุณคนิชาครับ...
ผมลองเรียกเบาๆ แต่เธอก็ยังไม่หันมามอง เอาแต่สาละวนกับการเอาเสื้อผ้าใส่ลงไปในตู้
เอาเป็นว่าคืนนี้ผมนอนตรงโซฟา หน้าทีวีตรงมุมห้องโน้นละกันครับ..คุณนอนที่เตียงผมนั่นแหละ..ถ้าคุณกลัวผมจะคิดจะทำอะไรคุณละก็..เอาฉากบานพับที่อยู่หน้าห้องน้ำมากั้นก็ได้..เชิญตามสบายนะครับ มาอยู่ด้วยกันก็ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วยละกัน.
.คนละครึ่งเดือนนึงผมคงใช้ไม่มากหรอก.. อ้อ..เกือบลืม คุณคงหิวใช่ไหมล่ะแต่ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ในตู้เย็นไม่มีอะไรกินเลย..งั้นผมจะลงไปซื้อให้..ดีไหม
ผมพูดซะยืดยาว..ก็จะมีคนมาอยู่ด้วยทั้งที..แถมน่ารักอย่างนี้จะไม่ดีใจอย่างไรไหว
แต่สาวน้อยคนนั้นก็ยังคงเงียบ..เธอคงเป็นคนขี้อายล่ะมั้งถึงไม่กล้าคุยกับผม
ผมจะลงไปซื้อของนะ..คุณจะฝากซื้ออะไรไหม
ผมถามย้ำก่อนที่จะเปิดประตูออกไปข้างนอก..ปล่อยให้เพื่อนร่วมห้องที่น่ารักเดินชื่นชมห้องใหม่ตามสบาย
......
กว่าฝนจะขาดเม็ด..ก็ดึกมากแล้ว เพราะผมมัวแต่เดินเล่นชมวิวป่าคอนกรีตยามกลางคืน ในสวนสาธารณะนี่แหละ ทำให้ลืมเรื่องของกินต้อนรับรูมเมทเสียสนิท..มานึกออกอีกที ก็อยู่หน้าประตูห้องโน่นแล้ว..
จะลงไปใหม่รึ..ก็ขี้เกียจ..นอนดีกว่า..
สำหรับผมน่ะ..เรื่องกินน่ะไม่เท่าไหร่หรอก..ก็อดอยู่บ่อยๆถึงได้ผอมแห้งแบบนี้
แต่เพื่อนร่วมห้องสาวสวยนี่ละสิ..
ผมค่อยๆไขประตูเปิดออกให้เสียงดังน้อยที่สุด..ดึกดื่นป่านนี้เธอคงจะหลับแล้วมั้ง..
ผมกลับมาแล้วนะ...
ผมเดินเข้ามาในห้อง..ไฟกลางดับแล้วเหลือแต่ โคมไฟดวงเล็กๆที่หัวเตียงยังคงเปิดอยู่ เธอนอนหลับอยู่บนเตียงอันหนานุ่มซึ่งถูกเปลี่ยนผ้าปูเเละปลอกหมอนใหม่ทั้งหมด..ผมเดินสำรวจไปรอบห้องพบว่า..
ข้าวของต่างๆถูกจัดเก็บวางเป็นระเบียบเรียบร้อย..บนพื้นห้องที่เคยมีฝุ่นหนาถูกปัดกวาดเช็ดถูจนสะอาดเอี่ยม ..บนโต๊ะอาหารข้างหน้าต่างมีส้มสามสี่ลูกวางอยู่ตะกร้าสาน ข้างๆกันมีกระปุกน้ำพริกหนุ่มกับห่อข้าวเหนียวนึ่ง เเละ น้ำดื่มในขวดพลาสติคที่เหลื่ออยู่กว่าครึ่ง..
..นั่นคงจะเป็นอาหารเย็นของเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของผม
เดาว่าคงจะเหลือไว้เผื่อผมด้วย
ขอบใจนะ..ที่ยังนึกถึงกันบ้าง คราวผมเเอบยิ้มน้อยๆอยู่คนเดียว
บนโต๊ะเครื่องเเป้งใกล้ห้องน้ำที่เคยรกรุงรังเต็มไปด้วยหยากไหย้..ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยกระป๋องเเป้ง..
ขวดน้ำหอม..ตลับเครื่องสำอางอันเล็กๆ
เเละที่ใส่ของกระจุกกระจิกตามประสาผู้หญิงของเธอวางอยู่เต็มหน้ากระจกเงา..
ผมค่อยๆเอนหลังนอนลงบนโซฟาหน้าทีวี..ตอนนั้นที่เธอยังอยู่..ห้องของผมก็เป็นอย่างนี้..จะมองไปทางไหนก็มีเเต่ความสวยงามไปหมด..
นี่ล่ะหนา..ยามรัก..น้ำต้มผักก็ว่าหวาน
ไม่ว่าอะไรๆก็ดูดีไปเสียทุกอย่าง
เเต่พอถึงคราวหน่าย
ทุกสิ่งก็สามารถเเปรเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามได้อย่างรวดเร็ว..
ผมเเอบมองไปที่เตียงมุมห้อง..สาวน้อยผู้สวมชุดนอนลายหมีพูห์กำลังนอนหลับอย่างสบาย..ดวงตาโตคู่นั้นพริ้มหลับ..จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากน้อยๆบนเเก้มนวลระเรื่อ..
น่ารักอย่างนี้ ..จะให้ผมนอนจ้องมองเธออย่างนี้ทั้งคืนก็ยังได้
..หรือผมเริ่มหลงรักเธอเข้าเเล้ว
เเล้วจะเป็นไรไปล่ะ
ถ้าคิดจะมีความรักอีกสักหน
.ถ้าตอนนี้คนิชารู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เเล้วล่ะก็
เธอจะเกลียดจะกลัวผมไหมนะ..
สักครู่
ร่างน้อยบนเตียงค่อยๆขดกายด้วยความหนาว..
ผมมองไปที่เครื่องปรับอากาศ..มันอาจเย็นเกินไปสำหรับเธอ..
เเต่ผมเลือกที่จะไม่หรี่เเอร์
เพราะคิดว่ามีวิธีที่ดีกว่านั้น..
ไปห่มผ้าให้ดีกว่า..
ผมค่อยๆเดินไปที่ปลายเตียง..หยิบผ้าห่มนวมผืนโตที่อยู่ตรงเท้าของเธอคลี่ออก..
คล้ายหัวใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น..นานเเล้วที่ไม่ได้รู้สึกดีๆอย่างนี้
คือการที่ได้ดูเเลคนที่ผมรักไงล่ะ..
ทว่า
ทันทีที่ผ้าห่มนุ่มสัมผัสกายเธอ..ดวงตากลมใสก็พลันตื่นลืมขึ้นมา..
ผมไม่ได้คิดจะมาล่วงเกินคุณหรอกนะ
เห็นคุณหนาวเลยจะเอาผ้ามาห่มให้เท่านั้นเอง
ผมพยายามพูดเเก้ตัวละล่ำละลัก.
.หากใบหน้าที่สวยน่ารักอยู่เมื่อครู่กลับบิดเบี้ยวด้วยความหวาดผวา..ก่อนที่จะกรีดร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง เเล้วรีบวิ่งออกไปนอกห้องราวกับคนเสียสติ
นี่เราทำอะไรลงไป
ตอนนี้ผมงุนงงเเละสับสนไปหมด..ผมเดาว่า เธอคงจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของผม..
ด้วยการได้สัมผัสตัวของเธอ
เเล้วมันเป็นเรื่องเลวร้ายนักหรือ..เเค่เพียงมองหรือรู้สึกว่ามีผมอยู่ในโลกใบนี้
ตอนนี้..ผมลองเดินไปยังโต๊ะเครื่องเเป้งตัวนั้น
กระจกเงาบานใสก็ยังคงอยู่ ณ ที่เดิมของมัน
เเล้วผมก็เข้าใจในทันที
ว่าทำไมเธอถึงได้เเสดงอาการหวาดกลัวเช่นนั้น..
รอยยิ้มเศร้าๆ
ผุดขึ้นบนใบหน้าของผม
นั่นคือเรื่องที่ผมลืมไปเสียสนิท
ที่เเทบมิได้นึกถึงมันเลยตั้งเเต่เจ็ดวันมานี้..
คงเพราะยังไม่ชินนั่นกับสภาวะใหม่นั่นเอง..
เเละหลักฐานหนึ่งซึ่งยืนยันถึงความหลงลืมของผมอยู่ในกระจกบานนั้น
ซึ่งสะท้อนเงาของข้าวทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง
ยกเว้นอยู่เพียงอย่างเดียวก็คือ
.ร่างกายของผม
.
มันจะช่วยตอกย้ำความมีตัวตนของผมในเวลานี้ได้อย่างดี
..
.............จบ.........
เหอๆๆลองเขียนเรื่องสั้นดูมั่งดีฝ่า..มีเวลาว่างอยู่นิดนึง
(เรื่องยาวยังไม่ไปถึงไหนเลย)..งานเยอะค่ะตั้ง4ชิ้น เเละรายงานตัวที่1กำลังจะเสร็จในเร็ววันนี้..อาทิตย์หน้าคงมา
ต่อเพลิงพระคงคาบทที่10ได้..
(ไม่ได้ตั้งใจดองเลยค่ะ..)
นี่เรื่องสั้นเรื่องเเรกเลยนะที่ลองเปลี่ยนเเนวดู...ติชมได้ตามสะดวก.
ขอบคุณค่ะ
จากคุณ :
อชันฏา
- [
10 ก.ย. 46 21:53:36
A:203.107.211.188 X:
]