ความคิดเห็นที่ 2
พอ พี่เขาสั่งเลิกแถว ผมหันไปหาผู้หญิงคนนั้น เธอเงยหน้ามองเห็นผม ก็วิ่งอ้าวไปเลย ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ น้ำเสียงของเขาแผ่วลง
หลังจากนั้นผมก็สืบจนรู้ว่าเธออยู่คณะเดียวกัน ผมพยายามจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ แต่ทุกครั้งที่เธอเห็นผมนะ ทำหน้าตื่นอย่างกับเห็นผีแล้วก็หลบแว๊บไปไหนไม่รู้ จนผมเหนื่อยใจและคิดว่าเธอคงเกลียดขี้หน้าผมจริงๆ อาจเพราะการที่ผมถือวิสาสะจับมือถือแขนเธอก็ได้ เพราะชื่อเสียงผมด้านผู้หญิงมันไม่ค่อยดีนัก
ตายล่ะ! นี่นารินทร์ทำให้เขาคิดได้ขนาดนั้นเชียวหรือ นารินทร์มักชอบแอบมองใบหน้าคมๆของเขาเวลายิ้มหัว ถึงมันจะไม่ได้ให้หล่อนแต่มันก็ช่วยให้กลับไปนอนฝันดีได้นี่นา ทีนี้พอกำลังมองเพลินๆ เขากลับรู้ตัวมองกลับมาซะนี่ ใครจะไม่ตกใจบ้างล่ะ นารินทร์ก็ต้องรีบหลบสายตาเขาน่ะซิ แล้วเขาก็ยังจ้องเอาๆ เหมือนจะคาดคั้นว่า เมื่อกี้ เธอ แอบมองผมใช่ม๊ะ แล้วนารินทร์จะด้านหน้าอยู่ให้เขาเห็นได้ยังไง ก็ต้องรีบหลบให้เร็วที่สุดถ้าหายตัวได้ก็คงหายไปแล้ว
ก่อนหน้านี้นะ ผมค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมากเลย โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง แต่เพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นทำให้ผมเสียความมั่นใจหมด ผมทำใจให้ควงใครต่อใครได้พักหนึ่งเพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวเองก็ยังน่าสนใจอยู่นี่ แต่นานวันผมก็รู้สึกว่าตัวเองน่ะต่ำช้าน่ารังเกียจ ส่วนเธอก็อยู่สูงราวกับเทพธิดาที่ไม่สมควรมาเกลือกกลั้วกับไอ้กะล่อน เหลวไหล ไร้สาระ ลอยชายไปวันๆอย่างผม
ต้อมน่ะเหรอ เหลวไหล ไร้สาระ คนที่ได้รางวัล นักศึกษาที่บำเพ็ญประโยชน์กับชุมชน 2 ปีซ้อนนี่นะ นารินทร์แปลกใจที่เขาว่าตัวเองอย่างนั้น เพราะอย่างที่ใครก็รู้กันว่าทุกปิดเทอมหรือต่อให้เปิดเทอมก็เถอะเขามักจะไปทำงานช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล มีคนกล่าวว่า ตฤณชาติเป็นประธานชมรมอาสาพัฒนาที่หน้าตาดีที่สุดตั้งแต่ตั้งชมรมมาเลย
นั่นก็เพราะผมอยากทำตัวให้มีคุณค่าบ้างน่ะซิ เผื่อเธอคนนั้นจะหันมามองผมบ้าง
แต่เปล่าเล้ย โธ่ เขาจะรู้ไหมเนี่ยว่าตอนเขาได้รางวัลน่ะ นารินทร์ปลื้มจะตายอยากเข้าไปแสดงความยินดีด้วยแต่ก็ต้องถอยทัพเพราะสาวๆที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่นะซิ
แต่แล้วผมก็ได้มีโอกาสใกล้ชิดเธออีกครั้ง นารู้ไหม ตอนแรกผมไม่อยากรับเล่นละครหรอกนะ อยากทำฉากมากกว่า แต่พอได้รู้ว่า นาเป็นคนเขียนบทนั่นแหละ ผมจึงตัดสินใจเล่น เพราะว่า
.อยากเป็น พระเอก ของนาน่ะซิ
คราวนี้ดูเหมือนว่าโลกมีแค่ เธอ กับ เขา ที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น สายตาฉ่ำเยิ้มที่มองลงมาของเขาทำให้หญิงสาวยืนนิ่งเหมือนถูกสะกด รู้สึกเพียงแค่ว่ามืออุ่นๆของเขาค่อยๆกุมมือเล็กๆของหล่อน อย่างทะนุถนอม นิ่มนวล ผมคงพูดอะไรไม่ได้มากในตอนนี้ มันแค่เป็นการเริ่มต้นเท่านั้นเอง ถ้านาจะให้โอกาสผมกรุณารับเจ้านี่ไปหน่อยนะ ผมไม่เคยให้ดอกไม้ผู้หญิงคนไหน นาอย่าทารุณผมเหมือนตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเลยนะครับ
นี่
เป็นดอกไม้ช่อแรกในชีวิตของนาเลยนะเนี่ย นารินทร์ตอบเขินๆ แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ายิ้มอย่างเบิกบาน แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เสียงเพื่อนซีดีของเขาก็โว๊กว๊ากมา ตฤณชาติจึงเรียบปล่อยมือหญิงสาวก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า
คงต้องไปแล้วนะนา ไว้สอบเสร็จเราไปทานข้าวฉลองเรียนจบกันซักมื้อนะ เฮ้อ..ความจริงผมอยากจะพูดประโยคนี้ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว เลิกคลาสเชียร์แล้วเราไปทานข้าวกันนะครับ พูดจบทั้ง เขา และ หล่อนก็พากันหัวเราะร่วน ก่อนที่เขาจะขอตัวจากไป
อย่าดื่มมากนะต้อม นาเป็นห่วง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้นารินทร์ตะโกนบอกเขาไปอย่างนั้น พอพูดจบก็หน้าแดงเองซะนี่ อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้าง พูดแกมหัวเราะตอบกลับมา ผมไม่ชอบดื่มเหล้าหรอก ที่ไปน่ะเพราะต้องคอยลากตัวเพื่อนๆที่มันเมาไม่รู้เรื่องกลับหอต่างหาก แต่ก็ดีใจที่นาเป็นห่วง
เมื่อตฤณชาติจากไปแล้ว นารินทร์ก็หยิบเอาเจ้าช่อกุหลาบมาดูอีกครั้ง เขาช่างไปหามาจากไหนนะ กุหลาบสีขาวครีมมีสีแดงระเรื่อระบายที่ขอบกลีบ ไม่ถึงกับขาวเรียบจนจืด แต่ก็ไม่ได้เป็นสีแดงแจ๊ดจนดูเร่าร้อน แล้วหญิงสาวก็ได้รับคำตอบในที่สุดเมื่อเห็นว่ามันมีการ์ดสีครีมเสียบอยู่ด้านในช่อ
สิ่งที่สะดุดตาในการ์ดใบนั้นก็คือ ลายเส้นที่หญิงสาวคุ้นเคยมาตลอดสี่เดือน คราวนี้เป็นภาพเด็กผู้ชายทำตาใสปิ๊งระยิบระยับยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ในมือถือช่อกุหลาบ และใต้ภาพนั้นมีบทกวีที่ทำให้นารินทร์ต้องใจเต้นแรงอีกครั้ง เพราะมันเป็นบทที่หญิงสาวเลือกเอามาอ่านให้เพื่อนฟังในงานวันวาเลนไทน์ของคณะสมัยเรียนปีสองน่ะซิ แล้วก็ทำให้จำในสิ่งที่เกือบจะลืมไปแล้วว่า ตัวเองเคยเปรยๆ กับเพื่อนๆแบบทีเล่นทีจริงว่า ถ้าใครให้ดอกไม้เราแบบนี้นะ รักตายเลย
The red rose whispers of passion, And the white rose breathes love; Oh, the red rose is a falcon, And the white rose is a dove. But I send you a cream-white rosebud, With a flush on its petal lips; For the love that is purest and sweetest Has a kiss of desire on the lips.
************************ จบแล้ว ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้เจ้าค่ะ
บทกวีของ John Boyle OReilly
จากคุณ :
พินทุอิ
- [
11 ก.ย. 46 00:54:23
]
|
|
|