หัวใจสั่งให้มา ++ ตอนที่ 4 ++ (เรื่องสั้น 9 ตอน จบ)

    ตอน 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2452707/W2452707.html#4

    ตอน 2  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453204/W2453204.html

    ตอน 3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453293/W2453293.html

    กลางเดือนมีนาครับ

              สวัสดีครับ คุณแตงรีบตอบกลับมา เพราะคำว่าจะหยุดคิดถึงหนึ่งอาทิตย์นั่นล่ะ ได้ไง..ฮึ ถ้าไม่คิดถึงพี่แล้วจะไปคิดถึงใครที่ไหน อุตส่าห์เลี้ยงต้อยมาตั้งสามปีแล้วเชียว อิ..อิ..ล้อเล่นครับ พูดไปก็นานเหมือนกันนะ สามปีสำหรับเพื่อนที่รู้จักกันเฉพาะตัวหนังสือ ไม่เคยได้ยินเสียง ไม่เคยเห็นหน้าเอ๊ะ..หรือจะเคยแล้ว (ไม่แน่) แต่เท่าที่จำได้ยังไม่เคยถูกใครจับถ่ายรูปลงหนังสือเล่มไหนสักที แม้แต่เล่มที่ตัวเองเขียนก็เถอะ

              สมัยนี้เขาเห่อกันแปลก ๆ เนอะ ..พี่เห็นพวกรวมบทกวีของเด็ก ๆ สมัยนี้เขาจะโชว์รูปที่ปกหลังแทบทุกเล่ม แตงเองก็เห็นว่าจะรวม ๆ ไม่เห็นวางแผงสักทีนะ ดีเหมือนกันนะรวมเล่ม มีเงินให้กินขนมด้วย อย่างน้อย ๆ (อันนี้รายได้คร่าว ๆ จากประสบการณ์นะครับ) จะได้ค่าต้นฉบับจำนวนหนึ่งแล้วแต่ตกลงกัน สามพัน ห้าพันก็ว่ากันไป พิมพ์ครั้งแรกอย่างน้อยก็ห้าพันเล่ม (อาจจะไม่ถึงก็ได้นะแล้วแต่สำนักพิมพ์อีกแหละ) บางที่ก็จะให้เป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายอีกด้วย อาจจะเป็น 0.5%หรือ1% หรือมากกว่าแล้วแต่จะตกลงกันอีกแหละ หรือถ้าเป็นพวกนวนิยายเล่มละสิบบาทที่แตงบอกว่าชอบอ่านเป็นนักเป็นหนานั่น ส่วนมากเขาจะพิมพ์เป็นชุด ชุดละแปดเล่มเป็นต้นไป เล่มหนึ่ง ๆ เขียนให้ได้เจ็ดถึงแปดสิบแผ่นกระดาษ A4 หรืออีกทีก็คือเล่มละเจ็ดถึงแปดบท บทละ 6-7 หน้าค่าต้นฉบับให้เล่มละประมาณ ประมาณนะ พันห้า แต่พวกที่เล่มหนากว่านั้นพี่ไม่ทราบนะครับเพราะไม่เคยเขียนสักที เอาไว้จะถามเพื่อนที่ทำสำนักพิมพ์ให้ก็แล้วกัน

              ฉบับนี้พี่แนบข่าวงานประกวดต่าง ๆ มาให้ฝึกปรือฝีมือลองส่งไปดูนะครับ แล้วพี่จะคอยติดตามผลงานให้ ว่าของขวัญสำหรับคนเก่งของพี่จะได้ส่งไปถึงมือแตงด้วย นี่ไม่ได้ติดสินบนนะครับเพียงแค่อยากเป็นหนึ่งแรงจูงใจเพื่อให้แตงได้ขยันเพิ่มอีกหน่อยเท่านั้น

                          ฝันดีครับ

                           มนตรี


              ตรีแนบกระดาษอีกแผ่นแล้วพับกระดาษทั้งหมด จ่าหน้าซองหยิบแสตมป์ในลิ้นชักมาติดเรียบร้อย ก็วางซองไว้บนโต๊ะ  ฟางหรือดนัยเดินเข้าห้องมาขณะที่เขากำลังลุกขึ้นบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบ เพื่อนเขาเหลือบมองจดหมาย

    “ตอบจดหมายแฟน ๆ อีกแล้วสิ”

    “ฮื่อ..”

    “ขยันเขียนจริง ..เออ..ลืมไปนายเป็นนักเขียนมืออาชีพนี่หว่า”

    “ซื้ออะไรมาทานหรือเปล่า”

    “เปล่า เรียบร้อยมาแล้วนายล่ะ”       ดนัยถามไถ่เพื่อนร่วมห้อง

    “รี ๆ รอ ๆ อยู่ว่าจะชวนนายไปทานสุกี้ แต่นายทานมาแล้วนี่ เราก็คงไปหาทานแถวหน้ามหาวิทยาลัยนี่ก็พอ”

    “แหม..เสียดาย ไม่ได้นัดไว้ก่อน”       มนตรีหยิบกระเป๋าเงินใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเตรียมเดินออกไป ส่วนฟางก็เตรียมตัวอาบน้ำ

    “นายสอบวิชาสุดท้ายวันไหนนะ”

    “สิบสาม  นายล่ะ”

    “เหมือนกัน”

    “สอบเสร็จแล้วนายกลับเลยหรือเปล่า”

    “ก็..รอเคลียร์ถ้าไม่ติดอะไรก็กลับเลย ว่าแต่นายไปแน่นะ”

    “แน่สิ..แต่อย่าบอกใครนะ”

    “มีเซอร์ไพรส์ว่างั้นเถอะ”

    “งั้นสิ..”

    “ตามใจ”

    “ไปก่อน”

    “อือ..”       ฟางเดินไปหยิบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ

    “อ้าว..เขียนถึงแตงหรอกหรือ”       เขาเอ่ยถึงน้องสาวเมื่อเห็นชื่อที่ตรีจ่าหน้าซองไว้

    “เอ้ารีบเอาไปหยอดตู้เลยดีกว่า เดี๋ยวแม่เจ้าประคุณงอนอีกหรอก”       เขาบอกยิ้ม ๆ ตรียิ้มตอบรับมาแต่โดยดี แล้วเดินออกจากห้องไป

              เขากับดนัยสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แห่งนี้ได้ แต่คนละคณะ รู้จักกันก็วันที่มาดูผลสอบ เขามาช้าเลยเดินรีบ ๆ ไม่ทันสังเกตอะไร เลยชนโครมเอาชายหนุ่มผิวขาว ร่างสูงคนนี้เข้า แล้วนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็เลยครบกันมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาย้ายออกจากบ้านมาเพราะไม่สะดวกในการเดินทางมาเรียน เนื่องจากบ้านเขาอยู่คนละฝั่งกับมหาวิทยาลัย เขาจึงปรึกษาดนัยเรื่องหอพัก เพื่อนคนนี้ก็ชวนมาอยู่ด้วยกัน เพราะเขาเช่าอพาร์ทเม้นท์หน้ามหาวิทยาลัยอยู่คนเดียว จากที่คบ ๆ กันมากรอปกับนิสัยเข้ากันได้ เขาจึงตกลง เขาเป็นคนชอบเขียนหนังสือ เขียนมาตั้งแต่สมัยเรียนประถม และเขียนเรื่อยมาจนเริ่มส่งไปลงตามนิตยสารต่าง ๆ และเมื่อเป็นที่รู้จัก คุ้นตานามปากกานี้ทางสำนักพิมพ์เลยติดต่อมาขอพิมพ์งานของเขาเป็นรวมเล่มเรื่องสั้น พอหนังสือออกวางตลาดก็ติดอันดับขายดีอย่างไม่ผิดความคาดหวังของแต่ละฝ่าย เขาเลยกลายเป็นนักเขียนอาชีพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีแฟนหนังสือเขาเขียนจดหมายเข้ามามากมายและเขาก็ตอบทุกฉบับ นับรวมถึงแตงกวาน้องสาวของฟางด้วย ตอนแรก ๆ เขาก็ไม่ทราบว่าแตงกวาเป็นน้องของเพื่อน แต่ต่อมาพอทราบชื่อจริง นามสกุลเลยเก็บมาถาม ฟางก็เลยบอกว่าน้องสาวเขาเอง ชอบเขียนหนังสือเหมือนกันถึงแม้จะชอบเขียนคนละแนวกับเขา แต่เธอก็เขียนได้ไม่เลวนัก สำหรับอายุเท่านั้น

              เขารู้จักแตงตั้งแต่เธอเริ่มเรียนมอสี่ เมื่อเธอเขียนมาถึงเขาโดยผ่านสำนักพิมพ์ เริ่มรู้จักกันมากขึ้นเมื่อเขาเป็นคนส่งหนังสือฉบับที่เธอหาซื้อไม่ได้อีกแล้วในเชียงใหม่ เธอบอกว่าเป็นหนังสือเล่มแรกที่มีงานเขียนของเธอลงพิมพ์ พอให้เพื่อนยืมหนังสือไปกลับทำขาด เขากับแตงสนิทกันพอสมควร สนิทกันได้เหมือนคนคบกันมานาน ถึงแม้แตงจะไม่เคยเห็นหน้าเขา เธอก็ไม่เคยเรียกร้องเหมือนคนอื่น  ที่รบเร้าอยากให้เขาส่งรูปไปให้ดู หรือขอมาพบกันที่สำนักพิมพ์บ้าง เขาจริงใจกับทุกคนที่เขียนเข้ามาชื่นชมผลงานของเขา ก็เลยให้พบแต่ยังไม่เคยส่งรูปไปให้เพื่อนคนไหนสักที จะว่าเขินก็ไม่เชิงนัก เขาไม่ชอบมากกว่า อีกอย่างที่เขียนมาคุยกับเขาส่วนมากก็เป็นเด็กสาว ๆ ทั้งนั้น เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเชิงชู้สาวไปอีก  บอกอที่สำนักพิมพ์เคยเล่าเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งชื่นชมนักเขียนชายแบบนี้ ติดตามตลอด นักเขียนคนนั้นส่งรูปไปให้ก็ชอบใจและหลงรัก ตอนหลังพอนักเขียนคนนั้นแต่งงาน เธอก็เลยอกหัก เขียนมาต่อว่าหาว่านักเขียนคนนั้นหลอกลวง เขาเลยตัดปัญหาตรงนี้ไป และเขาก็ไม่อยากมีรักในตอนนี้ อยากเรียนให้จบ ๆ ไป เขาคิดว่าความรักและการที่จะคิดมีครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่สมควรรักเล่น ๆ พออกหักก็หาใหม่ หรือบางคู่ก็ทดลองอยู่ด้วยกันก่อนแต่งเหมือนคนสมัย ใครว่าหัวโบราณเขาก็ยอมรับล่ะ

              มนตรีเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนถึงร้านอาหารเจ้าประจำ เลยเข้าไปนั่ง เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงอ้วน ๆ วัยประมาณสี่สิบกว่า ๆ รีบกุลีกุจอมาต้อนรับเอง ซึ่งก็อย่างนี้แต่แรก ๆ เขาเลยถูกใจมาใช้บริการกันเป็นประจำ

    “ทานอะไรดีคะคุณตรี”

    “อะไรก็ได้ครับวันนี้ จานด่วนอร่อย ๆ สักจานก็พอ จะรีบไปอ่านหนังสือต่อน่ะครับ”

    “ค่ะ ๆ “       เธอหันไปสั่งเด็กยกน้ำส้มคั้นมาให้

    “วันนี้อากาศอบอ้าว ทานน้ำส้มดีกว่าค่ะป้าเตรียมไว้ให้คุณตรีโดยเฉพาะ”

    “ขอบคุณครับ ไม่ต้องลำบากก็ได้ผมเองบางวันก็ไม่ได้มา”

    “ไม่เป็นไรค่ะ ป้าก็ทำเผื่อไว้ คุณไม่มาป้าก็ทำไว้ทานเองอยู่แล้ว”

    “ครับ อ้อ..เดี๋ยวผมมานะครับขอไปส่งจดหมายแป๊ปนึง”

    “ให้เด็กไปหยอดตู้ให้ก็ได้คุณตรี”

    “ไม่เป็นไรครับป้า ผมไปเองดีกว่า”       เขาตอบยิ้ม ๆ และเดินไปหย่อนจดหมายลงตู้ ส่งใจไปพร้อม ๆ ป่านนี้เพื่อนของเขาคนนี้จะทำอะไรอยู่หนอ

                                                          aaaaaaaaaa

              แตงซึ่งนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่อย่างขะมักเขม้นในตอนนี้ จามออกมาเบา ๆ หันซ้ายหันขวา ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ บ่นพึมพำเบา ๆ

    “เออ..แฮะ..ไม่เห็นมีอะไรปลิวเข้าเข้าจมูกซักหน่อย ทำไมจู่ ๆ ก็จาม ใครแอบนินทาเราล่ะ”      แล้วจิตเธอก็ประหวัดถึงเพื่อนอีกคนที่อยู่แสนไกลอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะสลัดศรีษะยิ้ม ๆ  จรดสมาธิก้มอ่านหนังสือต่อ

    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 13 ก.ย. 46 17:03:34 ]