หัวใจสั่งให้มา ++ ตอนที่ 5 ++ (เรื่องสั้น 9 ตอน จบ)

    ตอน 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2452707/W2452707.html#4

    ตอน 2  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453204/W2453204.html

    ตอน 3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453293/W2453293.html

    ตอน 4  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453331/W2453331.html

                        เย็นวันหนึ่งของปลายเดือนมีนาคมแตงกวาเดินกอดเอวบิดามาจากหน้าบ้าน ยิ้มแย้มเชิงประจบ ออกจะอารมณ์ดีเพราะพ่อไปรับมาจากโรงเรียน มองรองเท้าผ้าใบสองคู่ที่วางอยู่ชั้นวางรองเท้าหน้าบ้านอย่างครุ่นคิด หันไปถามบิดาที่เดินตามหลังมา

    “รองเท้าใครคะพ่อ”

    “บ๊ะ..แล้วพ่อจะรู้ไหมเล่าเจ้าแตงกวา ก็เราน่ะมาพร้อมกันนา”

    “อืม..ม์  ถ้าแตงจำไม่ผิดคู่นี้ คือรองเท้าที่พี่ฟางบ่นว่าไม่ชอบใส่ ๆ เพราะแตงซื้อให้ แต่อีกคู่ล่ะ เอ้อ..ช่างมันเถอะ พี่ฟาง ๆ”        ส่งเสียงพลางออกแรงวิ่งขึ้นบันไดตึง ๆ

    “พลั่ก”       แรงส่งตัวของเธอชนกับอกนุ่ม ๆ ของใครบางคนที่กำลังจะโผล่พ้นขอบประตูมาอย่างเบรคไม่ทัน ด้วยสัญชาติญาณเธอรีบคว้าเขาไปเป็นหลักทันที ข้างฝ่ายที่ถูกชนก็ยึดตัวเธอไว้จนตัวลอย ก็เขาสูงกว่าเธอเกือบฟุต หนุ่มสาวกันกอดกันกลมดิกในสายตาของผู้อื่นโดยปริยาย คุณนพพรบิดาของแตงกวาที่ตามมาติด ๆ ยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงเชิงบันได ฟางที่เดินตามมาติด ๆ ยังโดนลูกหลงจากแรงปะทะของทั้งคู่เซถอยหลังไปสองสามก้าว หลังจากตะลึงชั่ววินาที มนตรีขยับตัวถอยหลังแล้วเขาก็ปล่อยสาวน้อยวัยสิบเจ็ดปีถึงพื้นโดยสวัสดิภาพ พยายามไม่ยิ้มกับภาพเด็กสาวที่สองแก้มเรื่อด้วยเลือดฝาด ด้วยกลัวเธอจะเขินกว่าเดิม แตงเองออกจะขาสั่นมองผู้มาใหม่แวบเดียวก่อนจะโถมตัวไปข้างหลังเขา ฟางซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวเซแซ่ด ๆ อีกหน แต่ก็กอดน้องสาวด้วยความเต็มใจ ตรีหันไปมองตาปรอย ออกจะเสียดายหน่อย ๆ ที่ปล่อยร่างนั้นเร็วไป คุณนพพรรีบสาวเท้าขึ้นมา เห็นพี่น้องกอดกันกลมก็ถอนหายใจโล่งอก แลไปสบตาผู้ชายแปลกหน้าแบบมึนตึง ความเงียบชั่วขณะนั้นถูกทำลายด้วยเสียงประท้วงอู้อี้ของเจ้าตัวดี

    “พี่ฟางปล่อยแตงได้แล้ว”

    “เรื่องอะไร ชอบนักไม่ใช่หรือเรา”      กิริยานั่นค่อนข้างขัดกับคำพูด เพราะเขาปล่อยตัวน้องสาวทันทีที่ถูกประท้วง แตงตาขวาง

    “ชอบอะไรฮึ”       แตงกวาถามงง ๆ

    “พูดจาก็ไม่เพราะ เป็นสาวเป็นนาง ก็ชอบแกล้งพี่เชื้อน่ะสิ ดูซิโถมเข้ามาเกิดหงายท้องไปว่าไง เราจะผิดหรือ ไม่มีทาง ก็แหกปากตะโกนฟ้องพ่ออีกสิว่าพี่แกล้งล้ม”

    “เอาน่า..ฟาง”       บิดาเป็นผู้หย่าศึก

    “พ่อครับ”       ฟางผละจากน้องมาทางพ่อ

    “ผมพาเพื่อนมาด้วย พึ่งชวนกันตอนจะมานี่เองเลยไม่ได้บอกล่วงหน้า”

    “มนตรี นี่พ่อเรา”      เขายกมือไหว้ทำความเคารพ คุณนพพรรับไหว้แต่ก็ยังหน้าตึงอยู่หน่อย ๆ ด้วยความที่หวงลูกสาวเอาการอยู่

    “ผมว่าเราย้ายคณะไปตรงโน้นกันเถอะ ไปตรี”      พยักไปทางห้องโถงส่วนที่ใช้รับแขกของบ้านแล้วพยักหน้าให้เพื่อน

    “ผมกำลังชวนตรีเขาไปข้างนอก ก็กะจะไปเซอร์ไพร้ส์แตงกวาน้อยของพ่อซะหน่อย เห็นว่าหกโมงแล้วยังไม่ถึงบ้าน”

    “โธ่..ไปเซอร์ไพร้ส์หรือไปจับผิดแตงล่ะไม่ว่า รู้ทันหรอก แหม..ทำเป็นรักน้อง”      เจ้าตัวดีค่อนขอด แกล้งลงส้นหนัก ๆ ตามไป

    “ตกลงไม่ดีใจเลยใช่มั้ย ที่พี่กลับมา”

    “ก็..”       แตงยักท่า

    “นิดหน่อย”

    “เออ..จำไว้คราวหลังจะได้หายไปนาน ๆ แล้วอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไปหาเขาถึงที่โน่นละกัน”       พี่ชายงอน ๆ แตงก็ไม่ง้อให้เสียฟอร์มหรอก

    “ไม่มีทาง”

    “ไม่มีทางที่จะเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”

    “พี่น้องคู่นี้ รักกันยังไงฮึ พอเจอหน้าก็จ้องทะเลาะกันพอไม่เจอกันก็บ่นคิดถึงจนหูชาไปหมด”    
    คุณนพพรบ่นไม่จริงจังนัก ความที่เขาเป็นคนก้าวขายาว ๆ จึงกลายเป็นเดินนำไปห้องรับแขกของบ้าน ถึงห้องรับแขก ต่างแยกย้ายกันไปนั่งตามเก้าอี้โซฟาสีแดงเลือดหมู ที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ด้านหลังโซฟาแถบหนึ่งเป็นตู้โชว์มีพวกเครื่องเงินเก่า ๆ พวกขันสลุงหรือผอบต่าง ๆ ที่พ่อสะสมไว้บ้าง พวกไม้แกะสลักบ้าง เครื่องเขินสวย ๆ บ้างโดยจะแบ่งกันเป็นหมวดหมู่ดูงามตา พออวดแขกกรุงเทพฯ กะเขาได้บ้างหรอก  ส่วนด้านหน้าโซฟาก็จะเป็นตู้เครื่องเล่นแผ่นเสียงของพี่ฟาง โทรทัศน์ของแม่   เครื่องเล่นวีดีโอของพ่อ ส่วนของแตงกวามีสิทธิ์เป็นเจ้าของได้แต่พวกตลับเทปเท่านั้นเอง ที่แยกว่าของชิ้นนั้นเป็นของใคร ๆ นี้ เพราะได้ซื้อในวาระต่างกันและคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของก็ออกเงินกันเอง ไม่ใช่เงินกองกลางของครอบครัว พ่อเป็นฝ่ายตอบคำถามของตรีสั้น ๆ ส่วนใหญ่เป็นการถามพื้น ๆ อย่างภูมิอากาศเสียเป็นส่วนใหญ่ แตงกวาเลยหันไปกระซิบกระซาบกับพี่ชายที่นั่งเก้าอี้ติด ๆ กัน

     “พี่ฟาง ไม่แนะนำแตงเหรอว่าหนุ่มหล่อคนนี้คือใคร”       ฟางสบตาน้องสาวแววอยากรู้อยากเห็นเต้นระริก !

    “ดี…ให้อยากรู้ให้ตายเป็นเลย”        กระซิบตอบ

    “โธ่..แตงตายซะคนพี่ฟางก็เหงาแย่สิ”        เสียงออดเป็นมอดกันไม้  ที่ได้ยินกันสองคน

    “ใสเจีย..เสียใจ พี่มีแฟนแล้วย่ะ ต่อไปไม่ต้องง้อเราอีกแล้ว”         แตงเบิกตากว้าง อุทานดังจนทุกคนเห็นมามอง

    “อะไรกัน สองคนนั่น ซุบซิบ ๆ กันอยู่ดี ๆ แล้วก็ร้องออกมาให้ลั่น แกล้งพ่อให้ตกใจเล่นเรอะเจ้าแตง”       แตงกวายิ้มแหย ๆ

    “ขอโทษค่ะ”       หันมาขอโทษพ่อแผล็บนึงก็หันไปซุบซิบกับพี่ชายอีก

    “พี่ฟางเป็นแฟนกับคุณนี่เหรอ”        เจ้าตัวดีมันมอง ‘คุณนี่’ ด้วยหางตา

    “บ้า..คิดบ้า ๆ “

    “อ้าวก็บอกมีแฟนแล้วย่ะ หยั่งเงี้ยะจะให้เข้าใจว่าไง”      ฟางจับหัวน้องโขกโซฟาเบา ๆ

    “โอ๊ย!.. พี่ฟ๊าง..”        ร้องซะยังกะถูกจับทุ่มลงพื้น อีกสองคนเลยหยุดคุยหันมามองอีก พ่อซึ่งออกจะตึง ๆ กับเรื่องเมื่อครู่ชักหมั่นไส้ลูกสาวคนโปรด

    “พ่อช่วยไหม เจ้าฟาง”

    “ไม่เกินความสามารถครับพ่อ”       ฟางตอบกลั้วเสียงหัวเราะ แตงก็หน้างอไปเท่านั้นเอง แว่วเสียงแม่เรียกมา เลยฉวยโอกาสเดินหนีไป

    “ไปทานข้าวกัน”        พ่อชวน ฟางหันไปมองเพื่อนชวนซ้ำอีกหนพลางลุกขึ้นไปเดินนำไปยังห้องอาหาร

                                                          aaaaaaaaaa

              รุ่งขึ้นแตงตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปโรงเรียนได้อย่างไม่อายแขก จะอายได้ไงล่ะนาฬิกาปลุกตั้งสามเรือน แต่ละเรือนตั้งเวลาไว้ห่างกันเพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น นาฬิกาปลุกดังพร้อมกันตั้งสามเรือนไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไปสิ แต่ถึงตื่นเช้าอย่างไรก็ไม่ทันพ่ออยู่ดี พ่อกับฟางชวนกันไปไร่ดอกไม้แต่เช้าแต่บอกว่าจะกลับมารับประทานอาหารกันประมาณเก้าโมง เหลือมนตรีที่นัยว่าขอตัวช่วยแม่ทำกับข้าว เขาคงเกรงใจมั้งให้พ่อลูกคุยกันตามลำพังบ้าง  อืม..ก็ใช้ได้นะเพื่อนพี่ฟางคนนี้แตงคิดในใจ

    “อ้าวแตง”      แม่ทักเมื่อเห็นลูกสาวเดินเข้าครัวมา

    “ทานของเช้าก่อนค่อยไปได้แล้วสิวันนี้”

    “ค่ะแม่”        พยายามประหยัดถ้อยคำ กลัวจะถูกประจานสิถามได้ ดูเหมือนแม่จะพอใจมากเวลาได้นินทาลูกสาวคนเดียวเวลามีแขกมาอย่างนี้ พอใจว่าอย่างน้อยก็ได้ดัดนิสัยลูกสาวไปในตัวว่ามีแขกนะ ห้ามตื่นสายอีกนะ อายเขา ทำนองนั้น แต่แม่ก็ไม่พูดอะไรอีก แตงจึงหย่อนตัวลงนั่งรับประทานอาหารเงียบ ๆ เหลือบมองแม่กับเพื่อนพี่ชายเห็นกำลังเตรียมทำอาหารหรือไม่แน่ว่าขนมอะไรซักอย่างแล้วรับประทานต่อ

    “แม่คะ แตงไปล่ะค่ะ”       เธอเอ่ยหลังจากที่อิ่มอาหารแล้ว

    “จ้ะ”

    “น้องแตงขับมอเตอร์ไซด์ไปเองหรือครับ”       ตรีถามอย่างสงสัย แตงหันมามองชายหนุ่มอย่างแปลกใจที่จู่เขาก็ถาม นิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะตอบเรียบ ๆ

    “เปล่าค่ะ แตงเดินไป บ้านกับโรงเรียนห่างกันไม่เท่าไหร่…“

    “และแตงก็มีทางลัด”      เขาพูดสอดขึ้นมาทำให้แตงแปลกใจเพิ่มขึ้น แต่ก็นึกว่าพี่ฟางของบอกล่ะสิ เลยไม่สนใจต่อไป

    “ค่ะ แตงไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะสายอีก”

    “พี่ไปด้วยคนได้ไหม”

    “คะ”

    “ดีเหมือนกันนะลูก พี่เขาคงอยากเดินเล่นบ้าง ฟางหนีไปไร่แต่เช้าเชียว”

    “ก็ได้ค่ะ แต่ขากลับต้องเดินกลับมาเองนะคะ ไม่งั้นส่งกันไปส่งกันมาแตงก็แย่เท่านั้นเอง”

    “ไม่มีปัญหาครับ”       ตรีรีบไปล้างมือแล้วเดินตามสาวน้อยไปทันที เธอหยุดรออยู่ที่หน้าประตูบ้านนี่เอง ชายหนุ่มกระชับเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลเข้ม มองอีกฝ่ายหนึ่งยิ้ม ๆ

    “แล้วนั่นไม่หนาวเลยหรือครับ”

    “ค่ะ แตงชินกับอากาศอุณหภูมินี้แล้วค่ะ อยู่กันมานานนี่คะ”

    “แหม..พูดเหมือนกับแก่จัง”       แตงหัวเราะ

    “แก่จริง ๆ ค่ะ”

    “อืม..งั้นพี่ก็คงชราเต็มทีแล้ว”       เขาแกล้งทำท่าเดินหลังโกง ทำทีเป็นถือไม้เท้ายันเวลาเดิน แตงหัวเราะอย่างสดใส ถนนเส้นนี้มีเพียงเขาและเธอที่เดินกัน มนตรีมองทางที่ทอดยาวไปข้างหน้ามันเป็นถนนลูกรังสีแดงที่คงผ่านมาหลายฝน เพราะดินแน่นขนัด ไม่มีฝุ่นคลุ้ง เพราะไอหมอกที่โรยตัวลงมาคงจะทำให้ละอองเล็ก ๆ พวกนั้นซึมซับกันจนเกาะเป็นกลุ่มก้อนไม่มาวิ่งเล่นเหมือนที่เคยเป็นกระมัง ความเงียบที่ครอบคลุมบรรยากาศ ทำให้ได้ยินเสียงรถแว่วมาแต่ไกล

    “อีกไม่นานก็จบแล้ว คิดจะไปเรียนต่อที่ไหนครับ”



    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 14 ก.ย. 46 13:14:38 ]