นักเขียนเรื่องสั้น

    นักเขียนเรื่องสั้น

    ผมวางกระเป๋าลงและนั่งมองชายหนุ่มผมยาวด้านข้าง ลากดินสอจนเกิดเป็นเค้าโครงของสาวน้อยที่นั่งเป็นแบบอยู่เบื้องหน้า เธอมีใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามโดยเฉพาะลักยิ้มที่ปรากฏอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง หลุมเล็ก ๆ สองหลุมนั้นดึงดูดให้ผมตกลงไปในนานจนกระทั่งเธอรู้สึกตัว ผมเห็นคิ้วเรียวบางย่นลงนิดหน่อยเป็นเชิงสงสัย จึงหลบสายตาคมที่มองมา ก้มหน้าลงหยิบสมุดโน๊ต และอุปกรณ์ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเตี้ย ๆ  รอลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ

    สายลมเย็นพัดผ่านมาผมสังเกตเห็นยอดไม้และยอดหญ้าเริงระบำไปพร้อมกันเพื่ยงแต่หนึ่งอยู่สูงเสียดฟ้าหนึ่งอยู่ต่ำติดผืนดิน บึงน้ำเบื้องหน้ามีคลื่นเล็ก ๆ วิ่งเข้ามากระทบฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่า อีกฝั่งของบึงเป็นสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง มีทั้งเอโรบิค มวยจีน โยคะ และกิจกรรมอื่นๆ มากมาย

    ผมเคลิบเคลิ้มไปกับความสงบที่แฝงอยู่ในกระแสแห่งชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะไม่ได้รีบร้อน แต่ละคนกำลังทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ต่างกันราวฟ้าดินกับเขตเมืองเบื้องนอก เพียงแค่มีขอบรั้วและหมู่ไม้กั้นกลางเท่านั้น

    “พี่ คะ…. พี่”

    ในที่สุดผมก็ต้องกลับจากห้วงแห่งคำนึง และผู้ที่ทำลายมันลงก็คือเจ้าของหลุมเล็ก ๆ สองหลุมที่ผมเพิ่งตกลงไปเมื่อประมาณยี่สิบนาทีก่อนหน้านี้นั่นเอง

    “ครับ”
    “พี่ขายอะไรเหรอ” เสียงของเธอนั้นทำให้ผมรู้สึกถึงยามเช้าที่แสนสดใสได้เลยทีเดียว
    “เขาวาด…” ผมมองไปทางชายหนุ่มผมยาวที่กำลังเก็บรายละเอียดของรูปอยู่ จนเธอต้องมองตาม
    “ผมเขียน” ผมสบสายตาคมที่เบนกลับมาพอดี
    “แล้วเขียนอะไรล่ะคะ”
    “เรื่องสั้น… ผมเขียนเรื่องสั้น”

    “อืม เพิ่งรู้นะว่า เขามีแบบนี้กันด้วย แล้วคิดอย่างไรคะ”
    “ไม่แพงหรอก แต่ต้องใช้เวลานิดหน่อย”
    “น่าสนใจเหมือนกันนะคะ ต้องทำอย่างไรบ้างคะ”

    “ก่อนอื่นก็ต้องเลือกแนวก่อนครับ” ผมพูดพร้อมหยิบแคตตาล็อกที่ดัดแปลงจากอัลบั้มรูปขึ้นมาและส่งให้เธอ ในนั้นมีรูปหน้าปกหนังสือและคำอธิบายย่อ ๆ ปรากฏอยู่ด้านล่างของรูป รวม ๆ แล้วก็เกือบสามร้อยปกได้ ทั้งหมดถูกแบ่งเป็นประเภท ต่าง ๆ และสามารถค้นหาได้จากสารบัญ

    “หมายความว่า ถ้าฟ้าเลือกแล้ว พี่จะเขียนเลียนแบบตามหนังสือนั้น ๆ เป็นเรื่องสั้นให้หรือคะ” เธอกล่าวขึ้นมาในขณะที่ดวงตายังมองอัลบั้มอยู่อย่างสนใจ

    “ก็ไม่เชิงครับ สมมุติว่าคุณเลือกลอร์ดออฟเดอะริงมา เรื่องก็จะเป็นแนวผจญภัยแฟนตาซี เลือก เชอร์ล็อก โฮล์ม ก็จะเป็นแนวสืบสวน หรือจะเลือกจากนักเขียนก็ได้ เช่น งานของวิกเตอร์ อูโก เน้นสภาพสังคมความเหลื่อมล้ำและชนชั้นล่าง อีกทั้งเรื่องราวของเขามักจะจบลงแบบโศกนาฏกรรม ส่วนงานของวินทร์ เลียววารินทร์ ก็จะเป็นงานที่เน้นรูปแบบ แต่ทั้งหมดนั้นจะเขียนโดยสำนวนของผมเอง” ผมส่งอัลบั้มอีกอันหนึ่งให้เธอ มันเป็นแคตตาล็อกของนักเขียน ซึ่งมีรูปถ่าย ประวัติย่อ ๆ ผลงานชิ้นสำคัญ และแนวทางของผลงานแต่ละคน รวบรวมเป็นหมวดหมู่อยู่ในนั้น ผมยังไม่กล้าเรียกชื่อเล่นของเธอ แม้เธอจะแสดงความเป็นกันเองออกมาแล้วก็ตาม

    “รู้จักไม่กี่คนเองค่ะ”
    “ถามได้ครับ อย่างหน้าที่เปิดอยู่นั่นก็ โอ เฮนรี่ ถือเป็นต้นแบบในงานแนวหักมุมของนักเขียนยุคหลัง ๆ เลย”

    “นี่แสดงว่าพี่รู้จักทั้งหมดเลยหรือคะ”
    “คนที่จะเขียน ต้องอ่านเยอะ ๆ ครับ”
    “เก่งจังนะคะ ส่วนมากนี่คนนิยมให้เขียนเรื่องแบบไหนเหรอคะ”
    “ก็แล้วแต่นะครับ เห็นหลายคนชอบแบบแฟนตาซีผจญภัย บางคนก็มาแนวแปลกชอบเรื่องลึกลับสยองขวัญ มีคนหนึ่งให้ผมเขียนให้เขาเป็นฆาตรกรฆ่าต่อเนื่องด้วยซ้ำ”

    “เหรอคะ ประหลาดจริง ๆ นะ แล้วที่พี่ถนัดที่สุดล่ะคะ”
    “ก็เป็นเรื่องราวของชีวิต เพราะโดยวิธีการทำงานแล้วผมจะถามความเป็นมาคร่าว ๆ ก่อน เช่น ทำงานอะไร เกิดที่ไหน แล้วก็จะให้เขามีส่วนในการกำหนดโครงเรื่อง และแนวทาง หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นเขียนจากข้อมูลเหล่านั้น โดยจะพยายามจิตนาการถึงอุปนิสัยของตัวละครจากข้อมูลทั้งหมดที่ได้”

    “แต่ก็มีหลายคนนะที่เอาโครงเรื่องมาแล้วให้ผมแต่งให้ บอกจุดประสงค์ อย่างวันแม่ที่ผ่านมาก็มี เด็กคนหนึ่งมาขอให้ผมเขียนถึงความรักที่เขามีต่อแม่ บอกว่าจะเอาไปให้แม่น่ะ”
    “อ้อ อย่างนี้นี่เอง”
    “คือผมมองว่า หลายคนที่เรื่องที่อยากจะเล่า แต่ไม่รู้จะเรียบเรียงมันออกมาอย่างไร ก็เลยเข้ามาช่วยในจุดนี้ ถือว่าเป็นการฝึกฝีมือและรวบรวมข้อมูลด้วย”

    “ถ้าอย่างนั้นฟ้า เอาแบบนี้ดีกว่า” หล่อนปิดแคตตาล็อกลง
    “เอาเป็นเรื่องที่อ้างอิงจากเรื่องจริงนะคะ จะเอาให้คน ๆ หนึ่งน่ะ ฟ้าเกิดที่เมืองนี้ค่ะ ตอนนี้ยังเป็นนักศึกษาอยู่ และผูกพันกับสวนสาธารณะแห่งนี้มาก…” เสียงของเธอสดใสและกังวาน

    ผมจดสิ่งที่เธอพูดลงในสมุดโน๊ตเล่มเล็ก อย่างรวดเร็ว ข้างบนหน้าของสมุดโน๊ตเขียนประเภทของเรื่อง ส่วนด้านล่างเป็น หัวข้อย่อย ๆ ไล่ลงมา

    ประเภท : เรื่องเล่า

    - เกิดในเมืองนี้
    - ลักยิ้ม
    - นักศึกษา
    - สวนธารณะ
    - สายลมและบึงใหญ่

    “ฟ้าชอบที่นี่มาก ตั้งแต่เด็กแล้ว สนุกนานก็ที่นี่ แอบร้องไห้ก็เคย แต่กำลังจะต้องจากไปแล้ว…”

    ผมจดลงไปอีกสองคำ คือ แอบร้องไห้? และความผูกพัน จึงหยุดลง ในใจมีคำถามว่า ทำไม ปรากฏตัวเบ้อเร่อแต่ก็ตัดสินใจไม่ถามออกไป จากนั้นจึงจดคำว่า การจากลา ลงไปในสมุด

    “พี่เริ่มเขียนไปเลยได้ไหมคะ แล้วฟ้าจะค่อย ๆ เล่า”

    “ครับ…” ผมวางสมุดโน๊ตลง หยิบพิมพ์ดีดข้างตัวขึ้นมาวางเซ็ตกระดาษและเริ่มพิมพ์ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเพราะปกติจะต้องรู้จุดประสงค์ของผู้ใช้บริการเสียก่อน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการสื่อให้คนอ่านรับรู้ก็คือสารที่อยู่ในงานของเรา แต่คราวนี้ผมต้องอนุมานเองว่า เธอคงต้องการสิ่งที่เป็นที่ระลึกระหว่างชีวิตของเธอและสวนแห่งนี้

    ผมเริ่มจาการเซ็ตฉากชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อนเล่น ครอบครัวและความผูกพันกับสวนสาธารณะ เธอเติบโตมาพร้อม ๆ กับสถานที่แห่งนี้ เป็นที่เล่นในยามเด็ก เป็นที่หลบร้องไห้เมื่อแม่ดุ มีหมู่ไม้ปลอบประโลม มีบึงน้ำใสให้กำลังใจ สวนแห่งนี้มีไม้ดอกเบ่งบานสลับกันไปทุกฤดูกาล เธอก็มีลักยิ้มสองรอยที่พร้อมจะมอบความสดชื่นให้ทุกคนทุกฤดูกาลเช่นกัน แต่แล้ววันหนึ่งเธอกำลังจะจากไป…

    “ฟ้ากำลังจะไปเรียนต่อค่ะ ไปคราวนี้คงอีกนานกว่าจะได้กลับมา เลยอยากจะมาที่นี่อีกสักครั้งหนึ่งซึมซับบรรยากาศทั้งหมด ที่สำคัญ มาลา เขา ด้วย…”

    ผมรู้สึกว่า เขา ในความหมายของเธอไม่น่าจะใช่สวนสาธารณะ เพราะเธอดูจะพยายามพอสมควรกว่าจะเอ่ย มันออกมาได้ แต่ก็จดไปอีกสามสี่หัวข้อ ปีสี่ กำลังจะจบ ไปต่างประเทศ และเขา?

    “ในวันหนึ่ง ฟ้ามาเดินเล่นตามปกติแล้วก็ได้พบเขา ท่าทางเวลาทำงานของเขาดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ เลยค่ะ ภาพของเขาเป็นภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำจริง ๆ มันเหมือนภาพเขียนสีน้ำที่ดูอ่อนโยน มีความรู้สึกแฝงอยู่ภายใน นั่นจะคงเป็นรักแรกพบกระมัง หลังจากนั้นฟ้าจึงรู้ว่า เขามาที่นี่อย่างสม่ำเสมอ มาตรงเวลาและนั่งตรงที่เดิม แต่ฟ้าไม่กล้า ได้แต่แอบมองอยู่ไกล ๆ…” เธอจบคำพูดพร้อมกับก้มหน้าลง มือทั้งสองกำแน่นอยู่บนหน้าขา

    มือของผมยังทำงานอย่างปกติ แม้จะสั่นนิด ๆ มันจดคำว่าแอบรัก และภาพสีน้ำลงไป ต่างกับหัวใจที่แห้งเหี่ยวลง เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่ไม่นานนักมันก็กลับพองโตขึ้น แถมดูว่าจะลำพองเกินไปสักหน่อยราวกับว่ามันอยากจะกระโดดออกมาแสดงตัวข้างนอกให้เธอเห็น เพราะนึกได้ว่า ผมก็เริ่มมาที่นี่ได้นานพอสมควร แล้ว และก็มาที่เดิม เวลาเดิมเป็นประจำ และก็คุ้น ๆ เหมือนกันกับสายตาใครคนหนึ่งที่ลอบมองมา ในยามนี้ถ้าเธอจะเงยหน้าขึ้นมาสักนิดก็คงจะ สังเกตเห็นใบหน้าแดง ๆ ของผมแล้ว

    ระหว่างที่เธอเงียบเสียงพิมพ์ดีดของผมก็ดังขึ้น เรื่องราวมีจุดเปลี่ยนเมื่อเธอพบเขา สวนสาธารณะกลายเป็นตัวละครรอง มีความทุกข์จากการแอบรักเข้ามา เธอแอบรักเขาและเฝ้ามองแต่ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ทำความรู้จัก จนถึงวันหนึ่งเมื่อเธอกำลังจะจากไป จึงตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างขึ้นมา อะไรบางอย่างที่ไม่เคยทำ แล้วจากนั้นความเศร้าโศกก็กลายมาเป็นสุขสันต์ ผมพิมพ์ด้วยความเร็วสูงสุดเพราะมีฉากที่อยากจะเขียนใจจะขาดอยู่ในสมองเรียบร้อย แล้วมันเป็นฉากที่เขาบอกรักเธอตอบกลับไป ท่ามกลางสักขีพยานที่เป็นหมู่ไม้ มวลแมลงและจันทราที่เริ่มแสดงตนออกมาไกล ๆ ที่ขอบฟ้า ทั้งคู่สัญญากันว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันและเขาก็จะรอเธอกลับมา  เป็นการจบแบบสุขนาฏกรรมทั้งผมและเธอ

    กระดาษเอสี่ สี่หน้าถูกบรรจุลงซองสีน้ำตาล ผมส่งมันให้เธอ ลุ้นในใจให้เธอหยิบมันออกมาอ่าน เพื่อที่จะได้รับรู้สารของผม เธอถามราคาและจ่ายสตางค์ผมรับไว้และยิ้มให้เธอ พร้อมกับคิดว่าตอนนี้ควรจะทำตัวให้เป็นปกติที่สุดก่อน เพื่อรอรับความสุขที่กำลังจะตามมา แต่แล้วใจของผมก็ห่อเหี่ยวลงอีกครั้งคราวนี้ดูเหมือนมันจะหดตัวจนหายไปเลยทีเดียว ผมก้มหน้าลงพื้นราวกับจะมองหาหัวใจที่ตกหล่น หลังจากเห็นเธอมอบซองนั้นให้กับเจ้าหนุ่มผมยาวที่รับวาดรูปเหมือนข้าง ๆ ก่อนจะเดินจากไป ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มวิ่งออกไป

    ผมเก็บข้าวของเดินออกมาจากสวนนั้นหลังจากเห็นเธอกับเขายืนอยู่ท่ามกลางสักขีพยานซึ่งก็คือแมกไม้ มวลหมู่แมลงและจันทรา ใจหนึ่งก็ยินดีกลับทั้งคู่ แต่อีกใจก็คิดว่าทำไมเราไม่เขียนเรื่องนี้ให้จบลงแบบนิยายของวิกเตอร์ อูโกนะ

    ******************************

    แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 46 21:00:23

    จากคุณ : ริสรน (biblio) - [ 14 ก.ย. 46 19:12:46 ]