หัวใจสั่งให้มา ++ ตอนที่ 6 ++ (เรื่องสั้น 9 ตอน จบ)

    ตอน 1  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2452707/W2452707.html#4

    ตอน 2  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453204/W2453204.html

    ตอน 3  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453293/W2453293.html

    ตอน 4  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2453331/W2453331.html

    ตอน 5  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2454302/W2454302.html


             แตงกวา, ตรอง, กลอย, เปิ้ล, สี่สาวและหนึ่งหนุ่มคือน้องไผ่ เด็กรุ่นน้องพึ่งเรียนมอสองเดินออกจากโรงเรียนมาพร้อม ๆ กันคุยกันเฮฮาทีเดียว ผลัดกันเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่ซ้ำกัน แต่อย่างไรก็ไม่ลืมกัดเรื่องการเลือกประธานนักเรียนเมื่อวานด้วย แตงยิ้มรับความพ่ายแพ้อย่างเริงร่า ไม่เห็นต้องเสียใจนี่นา ก็ไม่ได้ไปทำผิดคิดร้ายกับใครทำไมจะต้องอาย บ้านของแตงอยู่ใกล้กว่าใครเพื่อนในกลุ่มนี้ดังนั้นจึงเริ่มเดินรั้งท้าย น้องไผ่เห็นจึงผ่อนฝีเท้าบ้าง

    “พี่แตงเสียใจหรือฮะ ที่ถูกล้อ”   แตงยิ้ม

    “เปล่าจ้ะ แต่ใกล้ถึงบ้านแล้ว”

    “จริงฮะ..อิจฉาจังบ้านพี่กับโรงเรียนอยู่แค่นี้เอง”  แตงหยุดเมื่อถึงหน้าบ้าน ใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากหนุ่มน้อยเบา ๆ

    “ทำเป็นพูดดี ทีที่บ้านมารับมาส่งก็ไม่ชอบ บอกจะขอเดิน”

    “ถ้าเดินแล้วมีพี่แตงเป็นเพื่อน มันก็น่าเดินไม่ใช่หรือฮะ”   ดวงตาคู่นั้นพราวระยับ

    “น้อย ๆ จ้ะ หนุ่มน้อย”

    “พี่แตงจะว่าผมแก่แดด อีกสิ..”

    “ว่าแล้วจะเป็นไง”

    “ไม่เป็นไรหรอกฮะ..แต่อยากให้รู้ไว้ว่าจริงใจจริง ๆ”

    “นู่น..สาว ๆ กลุ่มนู้นเค้าหยุดรอแล้วไปได้แล้วจ้ะ..บาย”  ตบไหล่เขาเบา ๆ  โบกมือลาไล่หลัง หนุ่มน้อยส่งจูบมาตามลม เธอเลยยกมะเหงกให้ เดินผ่านประตูรั้วเข้าสู่บ้าน

    “อะแฮ้ม..”  เสียงลอยลมมาจากในบ้าน แตงแหงนมองหน้าต่างชั้นสองของบ้าน ใบหน้าใครบางคนที่โผล่มานั้นแต้มยิ้มหวาน ถ้าอยู่ระยะใกล้คงได้เห็นแววล้อเลียนในดวงตา แตงยิ้มรับ ถอดรองเท้านักเรียนที่เชิงบันได แล้วเดินขึ้นอย่างเรียบร้อยผิดกับทุกที เดินเลยไปห้องรับแขก มนตรีกอดอกพิงหน้าหน้าหันมองมาที่ประตูทางเข้า แววล้อเลียนยังไม่จางเท่าไหร่ แตงกวาได้แต่หน้าแดง

    “เห็นหนุ่มสมัยนี้จีบสาวแล้วอายจังแฮะ”

    “คุณตรี”   เรียกเขาเสียงหนัก ๆ

    “อ้าว..เห็นส่งจ่งส่งจูบ”

    “คุณแม่ไปไหนคะ”  

    “ไปตลาดครับผม”

    “คุณพ่อกับพี่ฟาง”

    “ไปไร่ยังไม่กลับ”

    “อ้อ..ให้แขกเฝ้าบ้าน ดีเนอะ”

    “ผมไม่ใช่แขกที่ไหน .. ไทยแท้ครับร้อยเปอร์เซ็นต์”

    “เหรอคะ งั้นช่วยเฝ้าบ้านต่อไปอีกสักครู่นะคะ แตงขอตัวก่อนค่ะ คุณไทยแท้อิฉันจะรีบไปอาบน้ำก่อนที่คุณแม่จะกลับจากตลาด เดี๋ยวจะได้แสดงสีมือทำกับข้าวอวดแขก เอ๊ย! อวดคุณไทยแท้ซักหน่อย”

    “ครับ รับรองพ้มจะรักษาสมบัติทุกชิ้นในบ้านยิ่งชีพเชียว เพื่อสนองพระคุณแม่ครัวหัวป่าก์คนนี้”   เสียงหัวเราะประสานกันอย่างกลั้นไม่ไหว มนตรีหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง แตงกวาเลยถือโอกาสฉวยกระเป๋าเข้าห้องตนเงียบไป ครู่เดียวรถจักรยานสามล้อก็มาจอดหน้าบ้าน คุณแม่ของแตงกวาถือข้าวของมาพะรุงพะรัง เขารีบลงมาช่วย

    “ใครล่ะแม่ติ๋ว”   คนขับสามล้อถาม เมื่อเห็นชายหนุ่มลงบันไดบ้านมา

    “เพื่อนของฟางน่ะลุง มาเที่ยว”  

    “อ้อ..คราวหลังจะได้รับมาส่ง เมื่อเช้าเห็นเดินมาจากตลาด”

    “เอ้านี่จ้ะ ค่าโดยสาร”  

    “ขอบใจ..ไปล่ะ”    ชายเหนุ่มเดินมาถึงพอดี

    “มาครับผมช่วย”

    “เห็นแตงกลับมาหรือยัง คุณตรี”

    “กลับมาเมื่อสักครู่นี่เองครับ เห็นบอกจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวจะมาช่วยทำกับข้าว”

    “อ๋อ..”

    “วันนี้พ่อเขานัดประชุมคนงานในไร่ คงเลิกมืดหน่อยทานข้าวกันก่อนได้เลย วันนี้แม่ตั้งใจจะทำอาหารเหนือแบบไม่เผ็ดให้คุณตรีลองทานดู”

    “ขอบคุณครับ แต่คุณแม่เรียกผมตรีเฉย ๆ ดีกว่า ผมมาขอเป็นลูกแม่อีกคนนะครับไม่ได้ตั้งใจมาเป็นแขก”

    “แหม..ฟังพูดเข้า..ดีว่าเจ้าแตงมันยังเด็กนะนี่ ไม่งั้นคิดว่ามาจีบลูกสาวแม่เด็ด ๆ เลย”  มนตรีหัวเราะแหะ ๆ ไม่เอ่ยแก้ตัวใด ๆ คุณแม่คนสวยชี้มือไปที่โต๊ะอาหารกลางห้องครัว

    “วาง ๆ ไว้เถอะ แล้วไปนั่งดูโทรทัศน์หรือเดินเที่ยวได้ตามสบาย จักรยานก็มีนะขี่เป็นหรือเปล่า”

    “เป็นครับ แต่ไกด์ผมคนนึงไปช่วยงานพ่อเสียแล้ว อีกคนก็ขอตัวมาช่วยคุณแม่ทำกับข้าว ผมว่าผมอยู่ช่วยทำกับข้าวดีกว่าครับ”

    “ตามใจ”

    “ฟางก็บอกว่าจะพาไปในเมืองนะครับคืนนี้ ขับมอเตอร์ไซด์ไปกัน”

    “ฮั่นแน่ !  แว่วเสียงพรายกระซิบบอกแตงว่าคืนนี้มีรายการบันเทิงของหนุ่ม ๆ นะคะ”  แตงกวาโผล่หน้ามาพร้อมกับชุดใส่อยู่บ้านสีสดใส เป็นเสื้อยืดสีเหลืองสดตัวโคร่ง และกางเกงยีนส์ขาสามส่วนรัดรูป

    “แอบฟังคนคุยกัน เป็นนิสัยที่ไม่ดีนะครับ”

    “มาทันได้ยินความตอนท้าย ๆ ต่างหาก แม่ขา..วันนี้แกงอะไรคะ”

    “ว่าจะแกงฮังเล กับน้ำพริกอ่อง แล้วก็แกงจืดอีกอย่างหนึ่งไว้ เผื่อตรีเขาไม่ชอบทานอาหารรสชาดแบบเหนือ ๆ ของเรา”

    “มาค่ะ แตงช่วย แตงแสดงฝีมือเองเลยดีกว่า คุณตรีหลบไป”  ปากว่าแต่นัยน์ตายิ้ม

    “มาครับพี่ช่วย ทำอย่างไรบ้าง”

    “งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ ขั้นตอนแรกก็นี่เลย เอาหมูสับในตู้ตรงช่องฟรีซออกมาแช่น้ำก่อนค่ะ แม่คะมะเขือเทศหมดหรือยัง”  ถือโอกาสใช้เสียเลย ไงล่ะ แสบไหมสาวน้อยของเรา

    “ยังจ้ะ อยู่ในตู้นั่นแหละ”  ตอบพลางนำผักสดที่เตรียมไว้แล้วไปล้าง และแช่น้ำเกลือไว้ ตรีเพชรเป็นคนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบหมูออกมา แตงขยับเข้าไปใกล้

    “เดี๋ยวค่ะอย่างพึ่งปิด แตงขอมะเขือเทศก่อน มะเขือเทศนี่แตงปลูกเองกับมือเชียวนะคะ ดูสิสวยไหม”  หยิบขึ้นมาชูอวด เขายิ้มบาง ๆ ตอบคำถามด้วยสายตา ว่าสวย สวยเหมือนคนปลูกนั่นแหละ คนถามเลยหน้าแตงเป็นลูกมะเขือเทศแทน เสกลบเกลื่อนด้วยการทำงานต่อไป

    “นำมะเขือเทศสวย ๆ เนี่ยไปล้างนะคะ” พูดพลางทำพลาง

    “เสร็จแล้วเอามาหั่นเป็นซีกสวย ๆ พอคำอย่างนี้”  เขาหันไปหาเก้าอี้ว่าง นั่งมองแม่ครัวทั้งสอง พอจะหยิบจับอะไรส่งให้ได้ก็ทำ

    “แตงเป็นแม่ครัวสมัยใหม่ที่ยังต้องใช้ครกเก่า ๆ อยู่ค่ะ นี่ตามมาชมการโขลกพริกกันเลยดีกว่า” เธอเดินไปหยิบชามแก้วมาใบหนึ่ง หยิบพริกแดงใส่ไปสี่ห้าเม็ด กระเทียม เกลือ อย่างละนิดละหน่อย ตรีเพชรรีบตามไปยกครกหินที่หนักเอาการสำหรับเด็กสาว ไปวางไว้มุมตู้ซึ่งว่างโล่งอยู่ ห้องครัวนี่ค่อนข้างกว้างและทันสมัย เขาทราบว่าห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยวิศวกรฟาง เพราะเขาเองก็เคยเป็นเพื่อนที่ปรึกษาให้ฟางเรื่องต่อเติมห้องครัวนี้ เมื่อเริ่มเข้าปีสี่ ฉะนั้นตรีเองก็พอจะนึกออกบ้างว่าอะไรวางตรงไหนแม้จะไม่เคยมาบ้านนี้เลยก็ตาม ฟากหนึ่งจากประตูทางเข้าห้องเป็นตู้เคาน์เตอร์ หักเข้ามุมทำด้วยไม้อัดอย่างดี ไว้สำหรับวางของแห้งต่าง ๆ  รวมถึงจัดมุมหนึ่งสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกกาต้มน้ำ หม้อหุงข้าว สุดมุมตู้ก็จะมีตู้เย็นแบบสองประตูขนาด 7.5 คิวสีฟ้าสดใสอีกฟากหนึ่งเป็นอ่างสำหรับการล้างต่าง ๆ  จะล้างจาน ล้างผักก็แล้วแต่เพราะมีอยู่สองอ่าง ต่อก๊อกน้ำไว้สองอันเช่นกัน อ่างที่ว่าทำเหล็กเคลือบสารกันสนิมพ่นทับด้วยสีเงินบอร์นเพื่อให้ดูสะอาดตา  ข้างล่างอ่างเป็นตะแกรงโปร่ง ๆ สำหรับวางอุปกรณ์พวกครก เขียงหรือกะละมังใบใหญ่ อันนี้ไปหาซื้อของมาต่อกันเองสองคนกับฟางแล้วส่งมาทาง ร.ส.พ. ให้พ่อ เตาแก๊สหัวนิรภัยตั้งอยู่เยื้องหน้าต่าง มีสองหัวเตาเพื่อความสะดวก ติดปล่องดูดควันไว้เหนือระดับขอบหน้าต่าง  อีกฟากหนึ่งจัดวางโต๊ะไม้ยาวพอประมาณ มีเก้าอี้เข้าชุดวางไว้ข้างละสามตัว หัวท้ายอีกอย่างละตัว รวมเป็นหกคนด้วยกัน เผื่อมีแขกมารับประทานอาหารกับคนในบ้านซึ่งมีอยู่แล้วสี่  เขายิ้มส่งมือไปขอถ้วยเครื่องแกง

    “มาครับ..ให้พี่ช่วยโขลกดีกว่า น้องแตงไปทำอย่างอื่นเถอะ”   เขามักเรียกเธอว่าน้องเวลาอยู่ต่อหน้าคนในครอบครัว แล้วก็ยังแทนตัวเองว่าพี่อีกแน่ะ แตงไม่อยากเรียกเขาว่าพี่เพราะไม่ชิน ไม่ได้ถือตัวหรือเกี่ยงใด ๆ

    “ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ไหวแน่นะ”

    “อ๊ะ..อ๊ะ..อย่าดูถูกกันเชียว”  หรี่ตายิ้ม ๆ  แตงชอบยิ้มของเขา มันทำให้โลกสว่างไสวขึ้นตั้งเยอะ เขาเป็นคนตาคม เวลายิ้มนัยน์ตาก็ยิ้มด้วยติดแววหวานนิด ๆ แต่ไม่ถึงกับหยาดเยิ้มเหมือนนักร้องนัยน์ตาชวนฝันคนหนึ่งที่เธอชอบ นักร้องคนที่ว่าเขาร้องเพลงได้ไพเราะ แต่งเพลงได้ถูกใจ แถมยังเป็นนักเขียนยอดนิยมคนหนึ่งของเมืองไทย โธ่..จะห้ามใจอย่างไรอยู่

    “นี่ค่ะ”  แตงส่งเครื่องแกงให้ เขารับไปแล้วเริ่มลงมือ คงจะตั้งใจมากเลยเงียบเสียงไป ได้ยินแต่เสียงโขลกพริกเป็นจังหวะ  แตงซึ่งล้างผักที่แม่แช่เกลือไว้ขึ้นมาจัดใส่จานอย่างสวยงาม แล้วนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นอีกต่อหนึ่ง คนบ้านนี้ชอบที่จะรับประทานกันอย่างนี้ ผักสดที่ล้างแล้วนี้จะเย็นและกรอบน่ารับประทานใครที่มาทานผักสดที่นี่มักจะชอบและนำวิธีนี้ไปใช้ที่บ้านตัวเองเสมอ

    มนตรีโขลกพริกเสร็จก็นำใส่ถ้วยแก้วใบเดิมมาให้ แล้วนำครกไปล้างครอบไว้ที่เดิม แตงเตรียมหมูสับ พริกแกงและมะเขือเทศใส่ถาดมาที่น่าเตา ตรีมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ แตงเลยส่งตะหลิวให้เขา เขารับไปอย่างเต็มใจ แตงเป็นหยิบกระทะมาตั้งบนเตา จุดเตาเสร็จก็เทน้ำมันพืชลงไป รอให้มันร้อนก็เทน้ำพริกในถ้วยลงไป ตรีเป็นฝ่ายคน ๆ กลิ่นพริกทอดกับน้ำมันหอมอบอวลไปทั้งครัว เทหมูไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน

    “หอมจัง..”   เขาเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

    “ค่ะ เดี๋ยวแตงไปกดน้ำมาก่อนนะคะ”   เขายังคงผัดหมูกับพริกแกงอยู่เหย็ง ๆ  คุณแม่เตรียมเครื่องแกงฮังเลไว้เรียบร้อยแล้ว ก็นำหมูออกมาหั่นเป็นชิ้น ๆ  ใส่ไปในหม้อที่เตรียมไว้ยกขึ้นอีกเตาหนึ่ง

    “เอาล่ะ ของแม่เสร็จแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวจะไปเด็ดกระถินซักหน่อย ฟางเขาชอบทานกับน้ำพริกได้ทุกชนิดเลย ตรีล่ะทานเป็นมั๊ย”   ประโยคท้ายหันมาทางตรี

    “ไม่ครับ แต่คงต้องลองแน่นอนครับ”

    “แตงดู ๆ แกงให้แม่ด้วยนา”

    “ค่ะแม่”  ตอบพลางกดน้ำใส่แก้วมาเทลงในกระทะ  

    “ตั้งเคี่ยวไว้สักเดี๋ยวค่ะ คุณตรี เดี๋ยวค่อยเอามะเขือเทศลงแล้วปิดฝาไว้สักพักก็ใช้ได้แล้วล่ะ”

    “ครับผม”  

    “ของแตงเสร็จแล้ว ถ้าน้ำพริกอ่องเสร็จคงขอตัวไปอาบน้ำก่อน ก็พอดีแกงของแม่เสร็จจะได้ทานข้าวกัน คุณตรีก็เชิญตามสบายนะคะ”

    “ครับ”  

    “เอาแต่คับ ๆ เดี๋ยวก็อึดอัดแย่เลย เล่าให้แตงฟังดีกว่าว่าคืนนี้มีโปรแกรมไปไหนกัน”  ยิ้มล้อเลียน เขายิ้มตอบ

    “งานนี้สงวนสิทธิ์สำหรับหนุ่ม ๆ ด้วยหรือเปล่า”

    “ไม่หรอกครับ ก็ไปเดินไนท์บาร์ซ่าร์ หาซื้อพวกของฝากแล้วก็คงจะกลับ”

    “ทำไมรีบไปจังคะ คุณตรีจะมาพักที่นี่สักกี่วันคะ”

    “ก็..คาดว่าจะเป็นเดือนเหมือนกันนะ ไม่ทราบว่าคนแถวนี้จะเบื่อหรือเปล่า”

    “แล้วทำไมรีบซื้อของฝากจัง เอามาเป็นข้ออ้างมากว่ามั๊ง”

    “ไม่หรอกครับ จะส่งทางไปรษณีย์ไปให้คุณป้า เห็นว่าอยากได้ของไปทำบุญที่วัด หลวงลุง คือ..หมายถึงคุณลุงผมเขาไปบวชและไม่ยอมสึกอีกเลยน่ะครับ หลวงลุงท่านชอบอาหารที่ร้านนี้ ร้านที่ฟางจะพาผมไปนี่แหละครับ นัยว่าเป็นลูกค้าเก่าแก่กันมานาน สมัยที่ท่านมาเที่ยวเชียงใหม่”  

    “หืมม์…อ๊ะ..แตงไปดูน้ำพริกก่อนแล้วกัน เชิญคุณตรีตามสบายค่ะ เสร็จแล้วจะได้ตั้งโต๊ะกัน”

    “จ้ะ”  เขาทำท่าจะเดินออกจากครัวไป

    “ถามอะไรอย่างหนึ่งสิ”  แตงกวาชะงักหันมามอง

    “เมื่อไหร่จะเรียกพี่ซะที”  แตงยิ้ม

    “รอให้ไปหัดร้องเพลง เรียกพี่ได้ไหมก่อนมังคะ”  เธอเอ่ยชื่อเพลงลูกทุ่งที่กำลังฮิต

    “โอ.เค”  เขาตอบยิ้ม ๆ

    “แตงล้อเล่นค่ะ แตงไม่ชินน่ะค่ะ แตงเขียนถึงคุณตรีเสียจนติด ใครจะไปคิดละคะว่าคุณตรีเป็นเพื่อนพี่ชาย แต่คุณตรีเรียกตัวเองว่าพี่กับแตงได้นะคะ แตงไม่ได้ถืออะไรมากมาย เพียงแค่ไม่ชินเท่านั้นเอง”

    “โธ่..เราก็หวังดี คิดว่าถืออะไรไว้หนัก ๆ เลยลองถามดู โอ.เค พี่ขอตัวก่อน”

    “ค่ะ”
                                                               aaaaaaaaaa


    จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 15 ก.ย. 46 14:51:52 ]