พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำและลับหายไปทางด้านหลังของแนวเขา ท้องฟ้ากว้างเริ่มมีสีคล้ำลง สีส้มแปลกตายังคงแซมให้เห็นอยู่ทั่วไป น้ำทะเลขึ้นจนถึงที่สุด ทำให้หาดทรายขาวที่เคยเห็นว่ากว้างขวางนั้น แคบลงไปถนัดตา
แนวเขาที่ทอดตัวยาวขนานคู่ไปกับหาดทรายนั้น สุดทางเป็นแหลมที่มีขนาดไม่ใหญ่นักยื่นลงไปในทะเล ห่างจากหัวแหลมไปเพียงนิด มีหินก้อนใหญ่รูปร่างลักษณะคล้ายหญิงสาวกำลังพนมมือ ชูตระหง่านอยู่เหนือน้ำและเพราะลักษณะเช่นนี้เอง ทำให้ชาวเรือเรียกบริเวณนี้ว่า แหลมเจ้าแม่
ติณภัทรเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้ายอดการจองห้องพักยาวนานไปจนถึงเดือนพฤษภานั้นทำให้เจ้าตัวแปลกใจอยู่ไม่น้อย มันคงจะไม่แปลกเลยหากรีสอร์ทแห่งนี้เปิดขึ้นมานานแล้วและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปแต่นี่เปล่าเลย รีสอร์ทแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่ถึงสองเดือนดี
ริมฝีปากบางขยับมุมขึ้นเพียงนิด หลังเอนทิ้งไปยังพนักอย่างเต็มที่ รอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นเพียงน้อยนั้น แสดงทีท่าคล้ายกับไขข้อข้องใจได้อย่างกระจ่าง คงจะไม่ใช่ใครหรอกที่ลงมาควบตำแหน่งการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้เขา นอกจาก ภัทิรา แม่น้องสาวตัวยุ่งของเขานั่นเอง
ภาพเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนยังจำติดตา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอมพอดี ภัทิรา ติดต่อมาทางสำนักงานในเมืองให้ชายหนุ่มไปรอรับที่สนามบิน ทันทีที่น้องสาวของเขาเดินออกมาทางผู้โดยสารขาเข้า รอยยิ้มกระจ่างตาก็ปรากฎขึ้นทันที่ที่พบเห็นเขา
"พี่ติณ ทางนี้ค่ะ" ภัทิรา เข็นรถที่ภายในบรรจุกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ รวมไปถึงห่อของมากมายมุ่งตรงไปหาชายหนุ่ม
"หอบอะไรมาเสียเยอะล่ะ ยัยตัวเล็ก" มือใหญ่โยกหัวหญิงสาวอย่างรักใคร่ ภัทิราสอดมือใต้แขนพี่ชายเพื่อโอบเอวร่างใหญ่
"เรียกใครยัยตัวเล็ก หา พี่ติณ"
"จะมีใคร...ก็เราน่ะสิ"
"ผิดล่ะ.....พี่ติณ ดูภัทดี ๆ ซะก่อน ปีนี้ภัทยี่สิบสองแล้วนา ดูสิ อ้วนขึ้นตั้งเยอะเลย อยู่ที่ยู ภัทกินแต่นมกับเนย จะกินอาหารไทยแต่ละทีนะต้องคิดแล้วคิดอีก หลายเหรียญซะเหลือเกิน"
หญิงสาวขยับถอยให้ผู้เป็นพี่ชายได้เห็นร่างกายที่โตขึ้นตามวัยอย่างชัดเจน
"จะมีก็แต่พี่ติณน่ะแหละ แก่ลงเยอะเลยนะเนี่ย ดูตัวสิ ดำขึ้นจนจำแทบไม่ได้ ดีนะที่โกนหนวดโกนเคราออก ไม่งั้นนะ ภัทไม่เดินด้วยแน่นอน เดี๋ยวคนเขาจะมองว่าพาคนป่าเดินเที่ยว"
"พี่น่ะแค่ห่างกับเราแค่แปดปีเอง ยังไม่แก่ซะหน่อย ยังไม่ถึงวัยกลางคนเลย เราก็พูดเกินไป ไม่เจอกันนาน น้องพี่ยังเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย"
"อะอะ จะว่าภัท ปากเสียใช่ไหม........ภัทรู้นะ ถ้าภัทปากเสีย พี่ติณก็พอกันแหล่ะ เรื่องใจร้ายใจดำงี้ที่หนึ่งเชียว บอกว่าจะไปเยี่ยมภัทที่ยูบ่อย ๆ ไอ้เราเหรอก็หลงคอย ที่ไหนได้ไปแค่หนเดียวเอง แล้วก็มาหมกตัวทำรีสอร์ทบ้าบออยู่ ที่เนี่ย น้องนุ่งลืมไปเลย"
ติณภัทร มองหน้าน้องสาว ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า ยัยตัวเล็กของเขานั้น แกล้งงอนเท่านั้น
"เอาน่ะ พี่ขอโทษ แล้วพี่จะไปเยี่ยมบ่อย ๆ "
ประตูสนามบินเปิดออกโดยอัตโนมัติ สองพี่น้องเดินเคียงกันออกไป...
.................................
ยี่สิบห้านาทีโดยเรือสปีดโบ๊ทจากท่าเรือ มาถึงเกาะ แผ่นไม้แผ่นใหญ่ถูกแกะลึกลงไปชั่วข้อนื้วเดียว สีขาวถูกทาทับลงในร่องลึกอ่านได้ว่า กษิระรีสอร์ท เป็นภาษาไทย และข้างใต้เยื้องมาเพียงนิด ถูกแกะ เป็นภาษาอังกฤษ อ่านได้เช่นเดียวกับด้านบน
แผ่นไม้ถูกวางพิงกับต้นมะพร้าว ต้นใหญ่ หนึ่งในหลายต้นที่เรียงรายกันอยู่หน้ารีสอร์ท โดยพิงหันหน้าออกสู่ทะเล
แสงแดด ยามบ่ายยังคงร้อนแรง ยัยตัวเล็กของเขานั้น บ่นพร่ำตลอดทางว่าการเดินทางโดยเรือนั้นดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียว คือเหนียวตัว
"มันก็เป็นอย่างนี้แหละ ภัท ลมทะเลน่ะ มันก็ต้องเหนียวสิ เกลือทั้งนั้น แต่ฝั่งนี้น่ะยังไม่เท่าฝั่งอ่าวไทยนะ ฝั่งโน้นน่ะ ขึ้นจากน้ำทีเหนียวไปทั้งตัว"
เสียงเครื่องยนต์ค่อย ๆ เบาลง เรือหางยาวจากทางเกาะขับตรงเข้ามาเทียบ ชายหนุ่มส่งกระเป๋าเดินทางและของอื่น ๆ ให้นายแก้วคนเรือ จากนั้นก็ ส่งน้องสาวลงสู่เรือหางยาวลำเล็ก และตามด้วยตนเอง เรือยาวแล่นช้าเข้ามาจนถึงหน้าเกาะ นายแก้ว ดับเครื่อง และก้าวลงพื้นเพื่อดันหัวเรือให้เกยหาด
ชายหนุ่มเดินนำลงไปก่อน จากนั้นก็ส่งมือให้น้องสาว
"ลงมาได้แล้วครับ เจ้าหญิง" ภัทิราก้าวตามลงมา พลางกวาดสายตาไปทั่ว ภัทิรามองอย่างไม่เชื่อสายตา
"ภัทว่ามันเหมือนกับพวก อุทยานแห่งชาติเลยนะ พี่ติณ "
"ก็ใช่น่ะสิ พี่พยายามสร้างให้มันกลมกลืนกันกับธรรมชาติมากที่สุด"
บ้านพักที่ทำจากไม้หลายหลัง ตั้งอยู่เรียงราย โดยมีห้องอาหารเป็นจุดศูนย์กลาง มีเพียงไม่กี่หลังเท่านั้นที่ตั้งอยู่สูงขึ้นไป บนภูเขา ถัดจากห้องอาหารมาเล็กน้อย ทางซ้ายมือเป็น เคาน์เตอร์บาร์เล็ก ในเพิงรูปทรงแปดเหลี่ยม ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้เพิงนี้เป็นที่สำหรับขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลยออกไปเพียงนิด จะเป็นที่ว่างบริเวณกว้างที่ชายหนุ่มตั้งใจปล่อยว่างไว้ เพื่อใช้เป็นจุดตั้งเต้นท์
"พี่ติณคิดว่าจะมีคนมาพักไหมเนี่ย ภัทว่ามันดูสมถะเกินไป แล้วอีกอย่างที่เนี่ยปีนึงเที่ยวได้กี่เดือนเอง ภัทว่ามันจะขาดทุนนะ"
"ก็ต้องดูกันไปนะภัท พี่ไม่คิดจะเอากำไรอะไรมากมายนักหรอกแค่ให้คุ้มทุนก็พอใจแล้ว อาจจะใช้เวลานานสักหน่อย ก็ไม่เป็นไร "
ชายหนุ่มชี้นิ้วกวาดไปทั่วท้องทะเล
"ภัทเห็นเกาะรอบ ๆ นี้ไหม อย่างเกาะข้างหน้าภัทเนี่ย คนแถวนี้เรียกว่าเกาะม้า เป็นเกาะที่มีกระการังน้ำลึกที่สมบูรณ์และสวยมาก คราวก่อนที่พี่ไปดำน้ำมาพี่เจอ ปลากระเบนราหูตัวใหญ่ เจอตอนแรกยังตกใจเลยนะ ส่วนหลาย ๆ เกาะถัดไป ก็มีประการังน้ำตื้นอยู่มาก พวกปลาก็อยู่กันเยอะ พี่ว่ามันคงจะเป็นจุดขายที่ดี จุดนึง เพราะจากรีสอร์ทของเรา สามารถดำน้ำ ตามเกาะบริเวณนี้ได้ทั่วภายในวันเดียว เดี๋ยวให้ถึงพรุ่งนี้เช้าก่อนเถอะ ถ้าภัทได้เห็นพระอาทิตย์ยามเช้าที่ขึ้นมาจากด้านหลังของเกาะม้านะ ภัทจะรู้สึกเหมือนพี่ ว่ามันเป็นความประทับใจ เป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
พี่มั่นใจนะ ว่าที่นี่ เป็นศูนย์รวมของความภาคภูมิใจทั้งหมดที่ธรรมชาติสร้างมา"
น้ำเสียงของชายหนุ่มแสดงความภูมิใจอย่างชัดเจน
ภัทิราเหลือบมองหน้าพี่ชาย น้ำเสียงแสดงชัดถึงความภูมิใจนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะได้ยินบ่อยนักจากปากพี่ชายของเธอ
"ภัทจะรอดูที่พี่ติณว่าค่ะ ไหน ๆ พี่ติณก็ลงมือทำมาถึงขนาดนี้ ภัทเป็นน้องสาวจะไม่ช่วยก็กระไรอยู่ ยังไงซะ ภัทจะเป็นฝ่ายหาลูกค้าให้ละกัน อาจจะได้ไม่กี่คน แต่ยังไง ก็ยังมีคนมา บางทีปาก ต่อปาก อาจจะช่วยได้ คงต้องถ่ายรูปกันยกใหญ่ล่ะคราวนี้ บางที จะแบ่งเอาไปแจกให้เพื่อน ๆ บ้างเผื่อจะมีใครสนใจพวกการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ "
"ได้ยังงั้นก็ดีสิ"
"ว่าแต่งานนี้ภัทจะได้ค่านายหน้ากี่เปอร์เซนต์ล่ะคะ" ภัทิรายื่นมือมาตรงหน้าชายหนุ่ม
"หาให้ได้ก่อนเถอะน่า แล้วจะเอาอะไรก็บอกมา พี่จะให้"
.........................
ผมดำยาวปลิวไปตามแรงลม ท้องฟ้ามืดลงไปทุกขณะ หากฉับพลัน ไฟดวงใหญ่ที่ถูกปักเรียงรายตลอดแนวชายหาดก็ติดขึ้น แสงไฟสาดส่องไปทั่ว หญิงสาวขยับกายเพียงนิด เบือนหน้าออกจากแสงไฟ สักพักหนึ่ง ก็ลุกขึ้น สะบัดทรายออกจากรองเท้า ก้าวออกจากบริเวณที่นั่ง และก้มลงเก็บ กิ่งไม้เรียวยาวที่เจ้าตัวเองเป็นคนวางไว้ก่อนหน้า
เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังขึ้นสม่ำเสมอ แววตาติดจะเฉยชา มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย รอยเท้าหลายรอยที่เกิดขึ้นตามหลังนั้นเริ่มที่จะจางหายไปตามแรงคลื่นที่ซัดสาด หญิงสาวหยุดนั่งลงบนท่อนไม้ท่อนใหญ่ ตรงหน้าเป็นที่สำหรับไว้สุมไฟ กองขี้เถ้ากองใหญ่ บอกให้รู้ว่าเคยมีคนใช้บริเวณนี้มาก่อน เมื่อไม่นาน
ชื่อ ๆ นึง ติดอยู่ในความรู้สึกของหญิงสาว ดล ใครกันนะ ผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคน ๆ นี้หลงเหลืออยู่ มือของหญิงสาวลดลงจับบริเวณหน้าท้อง แผลเป็น ยาวเกือบ สองนิ้วนูนขึ้นจนสามารถสัมผัสได้ อาการอักเสบคลายลงมากแล้ว หากแต่อาการเสียวแปลบยามขยับตัวโดยเร็ว ยังปรากฎให้เห็นอยู่ ที่มาของแผลนี้เช่นกันที่หญิงสาวยังไม่รู้.........กองขี้เถ้ากองสูงเริ่มถูกหญิงสาวเขี่ยให้ลดต่ำลง
....................
ติณภัทร ก้าวออกมาจากบริเวณที่พัก เดินตรงลงมาทางชายหาด ผ้าขนหนูผืนใหญ่ พาดอยู่บนบ่า ฝ่ามือลูบไปยังคางที่พึ่งโกนหนวดเสร็จใหม่ ๆ หากยังไปได้ไม่ไกล ชายหนุ่มก็หยุดชะงัก ดวงตาจับไปยังภาพหญิงสาวที่นั่งหันหลังอยู่ข้างกองไฟเก่าที่ชายหนุ่มสุมไว้คืนก่อน
ภาพเบื้องหลังของหญิงสาวนั้นดูคุ้นตาในความรู้สึก ติณภัทรเดินตรงไปยังบริเวณที่หญิงสาวนั่งอยู่ น้ำเสียงที่กล่าวล่องลอยไปตามสายลม
"แถวนี้ยิ่งดึกยิ่งอันตรายนะครับ"
หญิงสาวเงยหน้ามองต้นเสียง หากไม่แสดงกิริยาอันใด
"ผมพูดจริง ๆ นะ" ชายหนุ่มนั่งลงบนพื้นทราย หันหน้ามาสบสายตาหญิงสาว ความรู้สึกเคยคุ้นยังคงปรากฎอยู่ สบตาอยู่ได้ไม่นานเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น
"คงจะหมายถึงคุณล่ะมั้ง" หญิงสาวลุกขึ้นหันหลัง ตั้งท่าจะเดินกลับ
"อย่าพึ่งไปสิครับ นาน ๆ ผม จะเจอเพื่อนชาวกรุงสักที ดาวสวยดีนะครับ วิวแบบนี้คนกรุงคงไม่มีโอกาสได้เห็น"
"ใช่....คนกรุงไม่มีโอกาส"
"ผมชื่อ ติณภัทร ครับ"
หญิงสาวนิ่งไปพัก ก่อนกล่าวต่อ
"ฉัน จีรสา "
"บ้านคุณอยู่ที่นี่หรือ"
"ทำไมถึงคิดอย่างนั้น ฉันดูเหมือนคนแถวนี้มากเหรอคะ"
"ไม่หรอก สำเนียงอย่างนี้ ผมว่ากรุงเทพ แน่นอน"
การสนทนามีท่าทีว่าคงจะอีกนาน หญิงสาวนั่งลง ชี้มือไปทางด้านหลังของตนเอง"
"เห็นโต๊ะ ไม้ตรงนั้นไหมคะ เลยรีสอร์ทนี้ไปหน่อย นั่นน่ะบ้านของเพื่อนฉันเอง พอดีเมย์ เค้าได้พักร้อน เค้าก็เลยชวนฉันมาที่นี่"
หญิงสาวเริ่มเขี่ยกองขี้เถ้าเล่นเหมือนเดิม ชายหนุ่มมองตาม พลางกล่าว
"เพื่อนคุณ ปล่อยคุณออกมาเดินคนเดียวอย่างนี้บ่อยไหม"
น้ำเสียงมีเค้าของความห่วงใย นัยน์ตากลมโตของหญิงสาว ตวัดมองตรงหน้าของชายหนุ่ม ทีท่าไม่ไว้วางใจเริ่มเห็นได้ชัด หากชายหน่มกล่าวคำขึ้นขัดกิริยาหล่อน
"อย่ามองอย่างนั้น คุณเพิ่งมาใหม่ อาจจะยังไม่รู้ แต่ที่เกาะนี้ ตอนดึก ๆ พวกงูมันชอบลงมากินน้ำตามชายหาด ตัวไม่ใช่เล็ก นะคุณ พวกงูเหลือม งูหลามน่ะ ตัวใหญ่กว่าขาของผมซะอีก"
ชายหนุ่มทำมือแสดงให้เห็นถึงความกว้างพลางกล่าวต่อ
"ผมเคยเดินออกมาตอนหลังฝนตกใหม่ ๆ คุณรู้ไหม เต็มไปหมดเลย ตามหาดเนี่ย ยาวไปตลอดแนว ตอนแรกผมนึกว่าชาวบ้านเค้าเอาสายดับเพลิงมาดูดน้ำไว้ใช้ ที่ไหนได้พอเดินเข้าไปใกล้ๆ กระโดดออกมาแทบไม่ทัน บางตัวนะคุณยาวตั้ง สาม สี่เมตร"
"มากไปค่ะ งูอะไรจะยาวขนาดนั้น"
"ผมพูดจริง บนเขาน่ะยังสมบูรณ์อยู่มาก งูมันก็หากินตามสบาย คนที่นี่ไม่มีใครสนใจจะกินเจ้าพวกนี้กันหรอก ไม่ใช่แต่งูนะคุณ พวกจิ้งจก ตุ๊กแก ลองพวกชอบโด๊ปมาเห็นมีหวังน้ำลายสอ ตัวใหญ่น่าดู คงได้อร่อยกันพิลึกเชียวล่ะ"
หญิงสาวทำหน้าพิลึก เป็นเพราะนึกตามคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า
ชายหนุ่มลุกขึ้น กล่าวเสียงติดจะอารมณ์ดีกับหญิงสาว
"กลับบ้านเถอะคุณ นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวผมเดินไปส่ง"
" ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่าจะเดินเล่นอีกสักพักค่อยกลับ "
หญิงสาวลุกขึ้น สะบัดชายกางเกงไล่ทรายออกไป
"งั้นก็ตามใจคุณ เดินระวัง ๆ มองพื้นดี ๆ ล่ะ"
หญิงสาวเริ่มเดินห่างออกไป ชายหนุ่มเดินกลับมา ยังเปลที่ผูกไว้ตั้งแต่ตนเองมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ จากมุมที่ชายหนุ่มอยู่สามารถมองเห็นหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
ทิ้งตัวนอนลงคิดอะไรเรื่อย เพียงครู่เดียวก็เห็นหญิงสาวเดินกลับมาอย่างรวดเร็ว ผ่านหน้าเขาไปโดยไม่รู้สึกสักนิดว่ามีคนอยู่ เดินลับหายไปทางบ้านของตาสนชาวเรือคนหนึ่งที่ชายหนุ่มรู้จักเป็นอย่างดี
......................
จากคุณ :
นารา
- [
16 ก.ย. 46 03:16:10
A:203.118.74.32 X:
]