***** ทะเลธาร ***** (ธารรัก)



    ตอน   ธารรัก


    “คืนนี้เราไปเกาะละวะ กางเต็นท์นอนริมทะเลกันมั้ย”
    ธีรเอ่ยชวน เมื่อมาหาสามสาวแห่งบ้านทรายงามในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ แดดยามเช้าสาดไปทั่วผืนทรายและแผ่นน้ำ ระยิบระยับราวเกล็ดแก้วล้อแสง ลมทะเลพัดผ่านเป็นระยะพาเอายอดมะพร้าวไหวเอนตามลม  แปลญวนที่ผูกระหว่างต้นไม้ใหญ่แกว่งไปมาด้วยแรงของธารตาที่นอนเล่นมองท้องฟ้าสลับผืนน้ำพลางฟังเสียงคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าที่ทยอยซัดเข้าหาฝั่ง  บนเสื่อไม่ไกลนักทรายแก้วกับคลื่นขวัญนั่งเล่นหมากขุม รางไม้เนื้ออ่อนที่เกลาให้มีรูปร่างคล้ายเรือขนาดเล็ก ตรงกลางขุดเป็นหลุมสองฟาก ฟากละแปดหลุม แต่ละหลุมใส่ลูกหมากซึ่งนิยมใช้เมล็ดสวาดหรือเมล็ดอย่างอื่นที่ลักษณะใกล้เคียงกัน

    “ไกลน่ากลัวหรือเปล่าค่ะ”   ทรายแก้วเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย เพราะเป็นที่ที่หญิงสาวไม่เคยไป

    “ไม่น่ากลัวหรอกครับ มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้คอยดูแลอยู่ แล้วยิ่งมีทหารเรือไปด้วย รับรองปลอยภัยแน่นอน”

    “พี่นทีไปด้วยเหรอค่ะ ไชโย้ ...  ดีใจจัง  ไปค่า ... ไป ... หนูอยากนั่งเรือเที่ยว”  
    คลื่นขวัญร้องอย่างดีใจ ร่าเริงเป็นพิเศษที่จะได้เที่ยว เดี๋ยวนี้นทนทีกลายเป็นแขกประจำของบ้านเหมือนธีรเป็นแขกประจำของทรายแก้วอย่างไรอย่างนั้น  ทุกครั้งที่เขาไม่ต้องออกทะเล ชายหนุ่มจะเทียวไปเทียวมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ จนธารตาอ่อนใจจะไล่  ฝ่ายนทนทีลองได้ปักใจแล้ว เขาก็เดินหน้า คิดว่าถึงตอนนี้แม้ฝ่ายหญิงจะยังไม่ใจอ่อน แต่สักวันคงแพ้ความจริงใจจนได้

    “น้อย ๆ หน่อยจ้ะยัยคลื่น ชอบทำตัวเป็นมะพร้าวตื่นดกไปได้  แต่ก็ดีเหมือนกันนะคะ เปลี่ยนบรรยากาศไปนอนชมดาวชมเดือนที่หาดอื่นบ้าง”  ทรายแก้วปรามน้องสาวแต่ก็ไม่วายสนับสนุน

    “ไปกันนะคะพี่ธาร”  น้องสาวทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน

    “ตามใจจ้ะ”   เห็นแววตาหวานประจบของทรายแก้วและสายตาขี้อ้อนของคลื่นขวัญ พี่สาวก็อดใจอ่อนไม่ได้

    “อื๋อ … พี่ธารคนจ๋วย ใจดีที่ซู้ดดดดด”  คลื่นขวัญโผเข้ามาจะหอมแก้มพี่สาวคนดี แต่อีกฝ่ายแกล้งปิดหน้าปิดตาไม่ยอม หยอกกันจนธารตาถึงกับตกแปล

    “ถ้างั้นเดี๋ยวทรายไปเตรียมเสบียงสำหรับคืนนี้ก่อนนะคะ  พี่ธารกับคลื่นเก็บเสื้อผ้ากันเองน้าาาา”  น้องสาวคนกลางของบ้านควบคุมความประพฤติพี่และน้องสาวที่บัดนี้เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเม็ดทราย เพราะมัวแต่แกล้งกันไปมา

    “เจ้าค่ะ”   เสียงตอบรับพร้อมกันของทั้งคู่ ทำเอาทรายแก้วอมยิ้มอย่างขำ ๆ เออหนอ … ราวกับหล่อนเป็นแม่ก็ไม่ปาน


    ******************************************************************



    เรือยนต์ลำเล็กของนทนทีวิ่งตัดคลื่นพาสองหนุ่มและสามสาวมุ่งตรงไปยังเกาะละวะ  เกาะขนาดเล็กกลางทะเลอันดามันที่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทิวมะพร้าวเรียงเป็นระเบียบตามแนวชายหาดไหวเอนไปมาราวรอรับทักทายผู้มาเยือน บ้างโน้มลำต้นเรี่ยล้อผืนทรายขาวละเอียดเพื่อยื่นไปเย้าน้ำทะเลเขียวสวยใส ก่อนจะหักยอดขึ้นท้าแผ่นฟ้าที่กว้างกว่ากว้าง

    ชายหนุ่มทั้งคู่จัดแจงเกลี่ยบริเวณ ปักหมุด กางเต็นท์ ก่อยจะแยกย้ายกันเตรียมอุปกรณ์ประกอบอาหารมื้อเย็น นทนทีจัดแจงตัดมะพร้าวหลายทะลายลงมาให้คลื่นขวัญที่บ่นอยากกินน้ำมะพร้าวอ่อน  ส่วนธีรตรงเข้าดงจากที่ขึ้นอยู่ริมฝั่งน้ำกร่อยเพื่อตัดใบนำมาให้คนรักห่องบปิ้ง พร้อมได้ลูกจากที่กำลังสุกงอมเป็นของแถม ขณะที่ฝ่ายธารตากับทรายแก้วล้วนช่วยกันลำเลียงข้าวของจากเรือมายังที่พักและลงมือตระเตรียมกับข้าวกับปลา พลางแบ่งงานให้คลื่นขวัญช่วยออกหาเศษไม้ฟืนเตรียมก่อกองไฟย่างอาหารทะเล แต่เด็กสาวก็ไม่วายแอบซนหนีไปแซะหอยนางรมริมโขดหินมาได้กอบใหญ่

    “ดูสิ ... ทำบาปอีกแล้ว ไปแงะหอยมาทำไม  ของสดเรามีออกตั้งเยอะตั้งแยะ”  ธารตาไม่วายดุน้องสาวคนเล็ก

    “นิดเดียวเองค่ะ เห็นมันตัวหย้ายยย หย่ายยยย น่ากิ๊น น่ากินน้า”

    “แล้วนั่นนิ้วไปโดนอะไรมา”   ทรายแก้วจับมือน้องสาวขึ้นพิจารณาเมื่อเห็นปลายนิ้วชี้บวมแดงผิดสังเกต

    “หนูโดนปูหนีบ  เผลอเอานิ้วลงไปแหย่มันหน่อยเดียว  ดันงับมาด้ายยย ...  เจ๊บ เจ็บอ่ะ”

    “ซนจริง ๆ เลยนะเรา  ไม่มีเรียบร้อยเหมือนทรายเลยสักนิด พี่เห็นแล้วอ่อนใจ”  พี่สาวคนโตถึงกับถอนใจ ส่ายหน้าอย่างระอา

    “อย่าพึ่งเป็นลมน้าพี่ธาร  อย่างหนูเนี่ย ดีหนึ่งประเภทหนึ่งแล้วนะเจ้าค่ะ  ถ้าพี่เจอเพื่อน ๆ คลื่นนะ รับรองช็อค ... ชักตาตั้งไปเล้ย”    หน้าชื่นตาบานอวดสรรพคุณตนเอง

    “จ้า ... ขอบคุณนะจ๊ะ น้องที่นับถือ”   ธารตาส่ายหัวอย่างอ่อนใจ  แต่ก็เป็นความอ่อนใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม


    กว่าอาหารมื้อเย็นจะเสร็จสิ้น ความมืดก็เริ่มคืบคลานมาแทนที่แสงตะวันอย่างช้า ๆ  คลื่นขวัญออกไปวิ่งเล่นไล่จับปูลมอย่างสนุกสนานอยู่คนเดียว ปล่อยให้ธีรและทรายแก้วนั่งชมพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีสวยลับฟ้าด้วยกันตามลำพัง ส่วนธารตาไม่อยากขัดคอเพื่อนกับน้องสาวคนกลางจึงออกเดินเล่นย่ำทรายที่เนียมนุ่มเท้าน่าสัมผัส นทนทีเลยถือโอกาสเดินตามมาเป็นเพื่อนหญิงสาว หาดทรายกว้างร้างผู้คนเช่นเดียวกับท้องทะเลที่เวิ้งว้างว่างเปล่าไกลแสนไกลจนจรดเส้นขอบฟ้า ทั้งคู่คงเดินเคียงกันไปเรื่อย ๆ ฟังเสียงคลื่นเสียงลมแทนเสียงคน จนชายหนุ่มเป็นฝ่ายกล่าวชวนขึ้นก่อนเมื่อเห็นเรือไม้ลำเล็กจอดอยู่ริมฝั่งไม่ไกลนัก

    “ไปลอยเรือเล่นกันมั้ยครับ”

    หญิงสาวไม่ตอบ ยังคงเดินตามคนตัวโตไปเงียบ ๆ

    “อืม ... มีหมาด้วย ไม่รู้เรือมีรอยรั่วหรือเปล่า”  ชายหนุ่มหมายถึงหมาวิดน้ำรูปร่างคล้ายกระบวยอันใหญ่มีด้ามถือสั้น ล้วนสานด้วยใบจากแน่นเสียจนกระทั่งอุ้มน้ำไว้ได้

    “ไม่เป็นไร ... ถ้ารั่วก็อาสาวิดน้ำให้  ไปหรือเปล่า”  ธารตาไม่สน เพราะความอยากนั่งเรือเล่นมีมากกว่า แล้วที่ว่าไม่สนของหล่อนนี่คือไม่สนจริง ๆ ทั้งรอยรั่วของเรือ และความน่ากลัวของท้องทะเลยามค่ำ

    “ไปสิครับ คุณมากับทหารเรือนะ รับรองว่าไม่ต้องกลัวล่ม”  นทนทียิ้มเอ็นดูคนอาสา ไม่สนใจท่าทางไม่ยินดียินร้ายของธารตา ภายนอกแม้จะดูแข็ง แต่รู้ว่าภายในแล้วหญิงสาวเป็นคนใจดี ...

    “ไม่กลัวหรอกค่าาาาา ...”   เสียงตอบกลับมา กลายเป็นเสียงคลื่นขวัญ ที่มายืนแอบหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

    “นั่นแน่ ... จะหนีหนูไปเที่ยวกันสองคน ไม่ยอมด้วย”    คลื่นขวัญยื่นหน้ายื่นตามาล้อชายหนุ่ม

    “พี่นึกว่าคลื่นห่วงคู่นั้น เลยไม่ชวน”   นทนทียิ้มเป็นนัย ๆ พลางพยักพเยิดไปทางธีรกับทรายแก้วที่นั่งเล่นอยู่ริมหาด

    “อ๋อ ...  คู่นั้นนะหายห่วง หายหวงไปตั้งนานแล้ว  คนนี้น่าห่วงกว่าเยอะ  ขอบอก ...”  
    กระซิบตอบเบา ๆ พร้อมแอบยักคิ้วหลิ่วตาไปทางคนที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ไม่ไกล พลางรุนหลังชายหนุ่มให้รีบลงเรือก่อนที่พี่สาวตนจะเปลี่ยนใจ



    จากคุณ : ธราธร - [ 16 ก.ย. 46 04:37:32 ]