*************** เจ้าดวงดอกไม้ **************




                                                          โอ ... โอ้ละเนอ ... น้องเอย
                                                           ลา ... ลา ลัน ลา ลัน ลา
                                                           ลา ... ลา ลัน ลา ลัน ลา

                                                          โอ้ ... น้องเอย ...
                                                          พี่นี้ขอชื่นเชย
                                                          จะมิเลยแรมไกล
                                                          รักเจ้าดั่งดวงใจ
                                                          มิคลายหน่ายนา

                                                          ลา ลัน ลา ลัน ลา
                                                          ลา ลา ลัน ลา ลัน ลา

                                                         พี่จะรับขวัญเจ้า
                                                         เข้ามาเป็นขวัญจิต
                                                         จะรักดังชีวิต
                                                         ใจคิดกรุณา

                                                         ลา ... ลา ลัน ลา ลัน ลา
                                                         ลา ... ลา ลัน ลา ลัน ลา ...



    เพลงบายศรีสู่ขวัญรับน้องใหม่ดังก้องไปทั่วอาณาบริเวณร่มครึ้มที่เต็มไปด้วยไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา เสียงร้องรับสลับชายหญิงที่ยืนโอบล้อมเด็กหนุ่มสาวในชุดเสื้อยืดขาวกางเกงวอร์มสีเข้มให้บรรยากาศขรึมขลังชวนศักดิ์สิทธิ์ จารลงในความทรงจำของทั้งผู้ร้องและผู้ฟังให้ทบทวนถึงช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันหลังเลิกเรียนอย่างทรหดอดทนมาเป็นเวลาเนิ่นนานจนครบเทอม กิจกรรมรับน้องที่เมื่อแรกทุกคนต่างพากันสาปส่งความใจร้ายใจดำของรุ่นพี่ ทั้งสั่งให้วิ่ง ๆ ๆ กระโดด ๆ ๆ หมุน ๆ ๆ คลุกดิน คลุนโคลน บังคับขู่เข็ญให้ทำกิจกรรมลำเข็ญสารพัด เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ดุด่าลงโทษสารพัน

    เหนื่อย ... หนัก ... จนแทบทนไม่ไหว

    เพลงบายศรีจบลงแล้ว แต่เพลงประจำคณะและมหาวิทยาลัยกลับกระหึ่มกึกก้องขึ้นมาแทนที่ เปลี่ยนความรู้สึกดื่มด่ำในห้วงสำนึกให้กลับมาเหิมฮึกคึกคักเต็มไปด้วยความภูมิใจในสี ในสถาบันอีกครั้ง รุ่นพี่เริ่มทยอยเดินแทรกระหว่างแถวมุ่งตรงไปยังน้องรหัสของตน เพื่อนำพวงมาลัยดอกมะลิไปคล้องคอมอบให้น้องปีหนึ่ง ราวกับจะปลอบประโลมขวัญและมอบกำลังใจหลังจากต้องผจญการรับน้องวิบากราวกับไม่มีวันสิ้นสุด

    “ใกล้สอบปลายภาคแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือนะเจ้าไม้”   เสียงทุ้มอ่อนโยนของคนพูดทำให้สาวน้อยหน้าใสผมซอยสั้นราวเด็กหนุ่มชื่นใจ เช่นเดียวกับกลิ่นหอมละมุนของมาลัยมะลิที่โชยมาต้อง

    ดวงดอกไม้สูดลมหายใจลึกก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มรับคำพูดของพี่รหัสปีสี่  พาลนึกไปถึงวันแรกที่เจอกับปฐพีหรือพี่ดิน  วันที่หล่อนไม่ได้ญาติดีด้วยเลยสักนิด เพราะดันถลาเข้าไปคว้าแขนเขาขึ้นมากัดจมเขี้ยวเนื่องจากความเข้าใจผิด จำได้ว่าครั้งนั้นชายหนุ่มร้องอุทธรณ์เต็มเสียงหลังจากสะบัดเท่าไหร่หล่อนก็ไม่ยอมปล่อย

    “ก็ใครใช้ให้นายมาขโมยของฉันละ”    ดวงดอกไม้เองก็ไม่ยอมแพ้ ไม่อายใครทั้งนั้น  ก็จักรยานหล่อนทั้งคัน สำคัญยิ่งกว่าอะไร  มันเป็นสมบัติที่มีราคาที่สุดเท่าที่ดวงดอกไม้เคยมี แม่เพิ่งซื้อให้ในวันเข้าหอ ไม่ถึงอาทิตย์ก็ดันทำหายเสียแล้ว

    “ของคุณที่ไหนกันละ ดูดี ๆ สิ  มันเลขรหัสผมชัด ๆ”  เขาชี้ให้ดูบริเวณด้านล่างของจักรยานที่พ่นเลขสี่ตัวเอาไว้  เล่นเอาดวงดอกไม้ถึงกับทำหน้าเหรอเมื่อรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิด

    “เออออ … ขอโทษนะ ทำไงดีละ กัดผิดตัวไปแล้ว”   เสียงอ่อย ๆ ที่ไม่ได้ไปด้วยกันกับหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ของเจ้าตัว  ไม่น่าละก่อนที่แม่จะทิ้งดวงดอกไม้ไว้คนเดียว แม่ถึงกับย้ำนักย้ำหนาว่า   ‘สตินะ ... ให้มันอยู่กับเนื้อกับตัวหน่อยนะลูก’

    นี่เพียงแค่เริ่มรู้จักก็กัดกันเสียแล้ว ...

    หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงบ่นสั่งสอนเมื่อหล่อนทำอะไรไม่ได้เรื่องได้ราวด้วยถืออภิสิทธิ์ของรุ่นพี่ที่ปกติมักจะพูดน้อยแต่ต่อยหนัก  ทว่าต่อยแต่ละทีดวงดอกไม้ก็แทบกระอักเหมือนกัน เพราะปฐพีจะเริ่มร่ายยาวตั้งแต่ความสะเพร่าของน้องรหัสตัวแสบที่เผลอจอดจักรยานไว้ใต้อาคารเรียนโดยไม่ยอมล็อค  ด้วยความกลัวเข้าเรียนไม่ทันเพราะตื่นสาย พอจอดปุ๊บก็กระโจนขึ้นอาคารเรียนรวมปั๊บ  ลงมาอีกทีเจ้าจักรยานคู่ชีพก็อันตรธานไปแล้วด้วยน้ำมือคนขี้เล่นที่ขอยืมไปถีบชั่วคราว  หญิงสาวถึงกับแค้นจัด ตั้งใจไว้ถ้าตามคืนไม่เจอ ก็จะทนเดินเรียนมันจนจบปีสี่ละวะ  กลายเป็นว่าปฐพีต้องเอาเจ้าหล่อนซ้อนท้ายตระเวนหาสมบัติกันจนทั่วมหาวิทยาลัย  จนในที่สุดพบว่ามันไปจอดอย่างสงบเสงี่ยมใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณทางเข้านั่นเอง

    จากความสะเพร่าก็เปลี่ยนมาเรื่องความซุ่มซ่ามของดวงดอกไม้ เพราะเคยทำจักรยานล้มด้วยความตกใจเมื่อเกือบปั่นไปทับเจ้าตัวเงินตัวทองที่ค่อย ๆ คืบคลานอย่างสบายอารมณ์ตัดถนนสายเล็กเลียบสระน้ำขนาดใหญ่ใจกลางมหาวิทยาลัย  มัวแต่เอาตาไปเล็งยอดสะเดาที่กำลังแตกยอดอ่อนน่ากิน หันมาอีกทีก็เบรคไม่ทันเสียแล้ว ไหนใครว่าเจอเจ้าตัวนี้แล้วจะโชคดีไงละ ไหงหล่อนเจอแต่ละครั้งทำไมมันซวยทุกคราวไป  ไม่วายเดือนร้อนเป็นภาระของพี่ดินอีกเช่นเคยที่ต้องทำหน้าที่พี่รหัสแสนดีหนีบดวงดอกไม้ซ้อนท้ายไปไหนมาไหนด้วย เพราะขาหญิงสาวถลอกปอกเปิกปั่นจักรยานไม่ได้ไปนานหลายวัน

    เรื่องบ่นยังไม่จบแค่นั้น เห็นหล่อนไม่กลัวใครแบบนี้ แต่กลับกลัวผีขึ้นสมอง มานอนหอวันแรกดวงดอกไม้ถึงกับสวดมนต์ภาวนาว่าขอให้เรียนจบตลอดรอดฝั่ง อย่าได้เห็นผีก่อนเลยเจ้าประคู้ณ ...  ด้วยความที่วิทยาเขตนี้เคยอยู่ในบริเวณพระราชวังเก่า จึงยังคงหลงเหลือเรือนไทยสมัยโบราณที่ชำรุดไปตามกาลเวลาให้เห็นอยู่บ้าง ประกอบกับต้นไม้เก่าแก่อายุนับร้อยปีซึ่งขึ้นอยู่โดยรอบ ทำให้ดวงดอกไม้หลงนึกไปว่าพลัดเข้ามาอยู่ในป่าที่ไหนสักแห่งแทนที่จะเป็นสถานศึกษา  วันดีคืนดีออกมาตากผ้าที่ระเบียงห้องพักตอนดึกกลับเห็นดวงตาวาว ๆ จ้องมา ...

    เอาละสิ ...
    เจอดีเข้าให้แล้ว

    สติกระเจิงไปคนละทิศละทาง จะวิ่งหนีก็ไม่ถนัด กลัวกระโจมอกหลุดพลอยให้คนอื่นตกใจว่าเห็นเปรต จะแย่เข้าไปใหญ่ ได้แต่มะลันดูแกมะแลดูกันอยู่เป็นนาน ถึงได้รู้ว่าที่แท้มันก็แค่นกฮูกเท่านั้น เกิดมาไม่เคยเห็นนกฮูกตัวเป็น ๆ ก็ได้เห็นที่นี่ละ  เล่นเอาใจตกไปอยู่ตาตุ่ม พลอยคิดไปว่าเจ้าที่เจ้าทางท่านเฮี้ยนไม่อยากให้หล่อนเรียนจบซะแล้ว

    เรื่องเรียนก็น่าเป็นห่วง  วิชาไหนเรียนไม่รู้เรื่อง ก็ดันโดนเรียนเอาเสียดื้อ ๆ ปรากฏว่าผลสอบกลางภาค ดวงดอกไม้สอบตกไปหนึ่งวิชา หญิงสาวพาลโทษไปว่าเป็นเพราะบรรยากาศการสอบตอนพลบค่ำที่แลดูวังเวง แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนจางของดอกปีบที่ปลูกเรียงรายอยู่หลังคณะลอยตามสายลมเย็นมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ถึงกับขนลุกขนพอง ไม่มีสมาธิทำข้อสอบ งานนี้ไม่พ้นพี่รหัสอีกเช่นเคยที่ต้องมาลากหล่อนออกจากหอหญิงไปหาที่นั่งทบทวนตำราให้ใหม่  แต่สมาธิคนเรียนคอยแต่จะเหม่อมองดูสาว ๆ นุ่งกระโปรงสั้นบ้างยาวบ้างปั่นจักรยานไปตามสะพานไม้ที่ทอดข้ามสระน้ำกว้างโอบล้อมด้วยดงมะพร้าวและไม้ยืนต้นที่ช่วยยึดดินตามตลิ่ง สายลมเย็นพัดต้องผิวน้ำเป็นระลอกทำเอาเคลิ้ม แทบพับคาหนังสือก่อนจะเข้าใจทุกที  ที่ปฐพีย้ำว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือเมื่อครู่ ก็คงกลัวหล่อนสอบตก เป็นประวัติด่างพร้อยของเลขรหัสกระมัง

    ย้อนคิดถึงเหตุการณ์เก่า ๆ แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ มันคงเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่หวนคิดคราใดก็คงไว้แต่ความอิ่มเอมใจ   วันเวลาช่างผ่านไปเร็วนัก  นับแต่วันแรกที่ย่างเท้าเข้าสู่สถาบันการศึกษาใหม่ ความไม่มั่นใจและหวั่นกลัวต่ออนาคตภายหน้าถูกขจัดให้หมดไปด้วยกิจกรรมรับน้องที่รุ่นพี่เพียรสร้าง ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ความเอาใจใส่  มุ่งหัดน้องร่วมคณะให้รู้จักคำว่าอดทน เสียสละ รักใคร่ปรองดอง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

    กิจกรรมที่ช่วยบรรเทาความเหงาคิดถึงบ้านยามเมื่อตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า ก่อให้เกิดความผูกพันและมิตรภาพอันงดงามระหว่างเพื่อนซึ่งร่วมเรียน ร่วมกินนอน ยิ้มหัวเราะด้วยกันในยามสุข แต่ก็พร้อมจะร้องไห้เป็นเพื่อนกันในยามทุกข์ ... ท้อ ...


    เพลงบายศรีสู่ขวัญดังขึ้นอีกครั้งเป็นการส่งท้ายกิจกรรมรับน้องก่อนอำลา

                                                          จะเอาด้ายยาวขาวบริสุทธิ์
                                                          พันมัดผูกไว้ที่ข้อมือของเจ้า
                                                          เหมือนดังใจที่ผูกพันเจ้าไว้ ไม่หน่ายหนี
                                                          เออ เอย ... ใจผูกพัน


    ทว่าเสียงใครคนนั้นที่อยู่เคียงข้างกลับกังวานก้องในใจของดวงดอกไม้

                                                          โอ้ ... น้องเอย ...
                                                          พี่นี้ขอชื่นเชย
                                                          จะมิเลยแรมไกล
                                                          รักเจ้าดั่งดวงใจ
                                                          มิคลายหน่ายนา

                                                         พี่จะรับขวัญเจ้า
                                                         เข้ามาเป็นขวัญจิต
                                                         จะรักดังชีวิต
                                                         ใจคิดกรุณา ...




    จากคุณ : ธราธร - [ 18 ก.ย. 46 16:36:49 ]