<< = << หลง การเดินทาง และบอดี้การ์ด >> = >>

                 ช่วงนี้ใครต่อใคร ก็ดูจะไม่ค่อยมีเวลากันเลย    จนใครๆในถนนบ่นกันว่า ช่วงนี้ถนนเงียบจังเลยนะ  
    เห็นด้วยค่ะว่า ช่วงนี้ใครต่อใครก็ยุ่งๆๆ กันอุตลุด  หนูยีคนหนึ่งละคะ ที่ยุ่งๆๆๆ จนหัวฟูไปเหมือนกัน  

                 แล้วนอกจากหนูยีจะยุ่งแล้ว   คนอีกคนที่ยุ่งๆๆๆ  จนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลยก็คือ “พี่อู๋” ละคะ
    คนนี้ยุ่งจนปกติทุกวันพฤหัส หรือวันเสาร์ จะแวะมาทานข้าวบ้านอาม่า  วันอาทิตย์อย่างน้อยก็ได้พบกันที่โบสถ์  

                 แต่ว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาหนูยีไม่ได้เจอพี่อู๋เลย   จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาจึงค่อยได้เห็นหน้ากันบ้าง    ก็ด้วยความคิดถึงนะคะ  เนื่องจากพี่อู๋ กะหนูยีเป็นคู่กัดกันนี่  เจอกันต้องมีหยอกค่ะ    พอวันอาทิตย์ไปโบสถ์ได้พบกัน หนูยีก็เลยตรงไปหาพี่อู๋ทันที    ไปหยุดอยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหวานๆว่า

                 “พี่อู๋จ๋า...   ไม่ได้เจอกันครึ่งเดือนนี่  ยีไม่คิดถึงพี่อู๋เลยอะ”   พร้อมส่งยิ้มไปให้อย่างหวานเจี๊ยบ

                 พี่อู๋เงยหน้าขึ้นมาถามใหม่ด้วยน้ำเสียงงง ว่า  ... “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

                 
                 “ยีบอกว่า... ยีไม่คิดถึงพี่อู๋เลย”   ส่งยิ้มไปให้ใหม่อีกรอบ

                 ดูเหมือนว่าเมื่อกี้พี่อู๋จะยังตั้งตัวรับการจู่โจมของยีเมื่อกี้ไม่ทัน .. พอตั้งตัวได้ ก็ยิ้มส่งมาให้ยีใหม่ แล้วว่า

                 “ยีไม่คิดถึงพี่   แต่ว่า พี่คิดถึงยีจัง”    นั่นไงพี่อู๋เริ่มโจมตีกลับแล้ว  ยีทำตาโต  ฉีกยิ้ม ทำน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจอย่างให้รู้ว่าเสแสร้ง

                 “อุ๊ย...จริงหรือเปล่าคะ  ยีดีใจ ม๊ากกก มากกกก”

                 “เนี่ยไม่ได้เจอ 2 อาทิตย์กว่า  คิดถึงมากเลย”  พี่อู๋เล่นไม่เลิกค่ะ  แถมยังพูดซะเสียงหวานเชียว   ยีก็ยังเป็นยีค่ะ  ลอยหน้าลอยตาตอบไปอย่างให้รู้ว่าแกล้ง  ทำท่ากระดี้กระด้าใหญ่    จนชักทนไม่ไหวนี่ละ   เลยหลุดก๊าก ออกมา   ก็แหม...ยีมันเป็นพวกโรคแพ้ความหวานนี่คะ   ทำหวานได้ไม่นาน(ความจริงคนที่แกล้งทำหวานก็มีแต่พี่อู๋ 555)   เก๊กแตกเสียก่อน   พี่อู๋เลยต้องหยุดบท(แกล้ง)หวานแค่นั้น  55555  

                 แค่ยกแรกของเช้าที่ได้พบกันค่ะ    ยกที่สองเริ่มตอนกลางวัน ก่อนจะทานข้าว    พี่อู๋เป็นคนเริ่ม...   เริ่มด้วยการแกล้งขัดขาหนูยีตอนไปเอาข้าว   แต่ด้วยว่าหนูยีระวังตัวดีเยี่ยม เลยไม่ล้มไป    พอยีหันไปมองหน้าพี่อู๋เอาเรื่อง   พี่อู๋ก็ลอยหน้าลอยตามองตอบ  ส่งสายตาที่อ่านได้ว่า  “เจ็บใจ ก็มาแกล้งคืนจิ  ถ้าแกล้งคืนได้นะ”    

                      ยีได้แต่มองหน้าตาค้าง   มองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะทำไงดี  เพราะพี่อู๋ตัวก็สูงกว่า แรงก็มากกว่า..ขืนเข้าไปซึ่งๆหน้า หนูยีก็แพ้อยู่แล้ว   พอดีอาม่าเดินมา  จะอ้าปากร้องพอดีพี่อู๋ก็ขัดขึ้นก่อน

                      “อ๊ะ  เก่งจริงอย่าไปฟ้องอาม่านะ เด็กขี้ฟ้อง”  

                      หนูยีหุบปากที่จะฟ้องลงทันที  มองหน้าพี่อู๋อย่างเจ็บใจ

                      “ใครบอกว่ายีจะฟ้อง   ไม่ได้ฟ้องสักหน่อย  หาความ”  

                      “งั้นก็แล้วไป   นึกว่าจะเป็นยายขี้ฟ้อง”

                      “พี่อู๋จิ   ใครเป็นยายขี้ฟ้อง  ฮึ”   แล้วหนูยีก็เดินผ่านพี่อู๋ไป   ด้วยพอดีกับจังหวะที่พี่อู๋เผลอ  หนูยีก็ไวเท่าความคิด   เตะขาพี่อู๋ไปหนึ่งทีเป็นการแก้แค้น แล้ววิ่งหนีไปยืนอยู่ข้างๆ หม่าม๊า   ยิ้มร่าแล้วบอกพี่อู๋ผ่านสายตาว่า  “อยากแกล้งคืนก็มาเลย  ถ้าไม่กลัวหม่าม๊ายีเห็นนะ  หุ หุ”

                      พี่อู๋ก็ได้แต่มองมาละคะ  เพราะทำอะไรไม่ได้...  ได้แต่ส่งสายตามาบอกว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
    เอาเป็นว่า ยกที่สองนี้ ยีชนะ  (ฮ่า ฮ่า ฮ่า)  

                      หลังจากนั้นได้เวลาทานข้าวค่ะ  ตักข้าวเสร็จแล้วก็ไปนั่ง  พี่อู๋กะยีก็ดันมานั่งใกล้กันอีก   แต่เวลาทานข้าว  พักยกค่ะ  ไม่มีการหาเรื่องกัน  ตอนนี้ก็เลยพูดคุยกันธรรมดา

                      “ไม่ค่อยได้เจอพี่อู๋เลยอะ  จะครึ่งเดือนแล้วมั้ง  วันพฤหัสก็ไม่มา”   ยีเป็นฝ่ายเริ่มคุยก่อน

                      “อืม  ช่วงนี้พี่ไม่ว่างเลย   หมู่นี้มีแต่ประชุมยิ่งใกล้งานครบรอบยิ่งประชุมถี่สุดๆ”  พี่อู๋หมายถึงงานครบรอบวันก่อตั้งองค์กรที่พี่อู๋ทำงานอยู่

                      “ว่าแต่วันนี้เราเถอะ จะกลับหอไง ป๊าไปส่งอีกละสิ  ไม่รู้จักไปเองโตแล้วนะ”

                      “ใครบอกว่ายีไปเองไม่เป็น  แค่ไปหอ ยีก็ไปเองได้  ของแค่นี้เด็กๆ ยีเคยกลับเองไปเองแล้วด้วย”  ได้โอกาสก็อวดซะเลย

                      “แล้วทำไมไม่ไปเอง”  พี่อู๋ย้อนกลับให้

                      “ก็แล้วทำไมต้องไปเองอะ  ในเมื่อปะป๊ากะหม่าม๊าจะไปส่ง... ก็สบายกว่าไปเองเป็นไหนๆ”  

                      พี่อู๋ทำหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่ค่ะ ยีก็เลยเปลียนเรื่องดีกว่า  พูดเรื่องนี้มากๆ เดี๋ยวจะเข้าตัวไปกว่านี้

                      “พี่อู๋ยีจะไป งานสัปดาห์หนังสือฯ  วันที่ 28 นี้ละ  ปีนี้พี่อู๋ไปด้วยหรือเปล่า”

                      “ไปสิ แต่ไม่รู้ว่าจะไปวันไหนเหมือนกัน   ว่าแต่เราเถอะไปศูนย์ประชุมฯ ถูกหรือไง”  น่าน..พี่อู๋ ยีอุตสาห์เปลี่ยนเรื่องแล้วนะ  ยังวกกลับมาเรื่องการเดินทางของยีอีก

                      “ดูถูกอะ   แค่ไปศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ ยีไปเป็นหรอก  เคยไปมาหลายครั้งแล้วด้วย”
                     
                      “เอาๆ ไปยังไง  ไหนบอกมาสิว่าไปยังไง”   พี่อู๋ไม่วายถาม  เช็คจับผิดยี
     
                      “ก็นั่งรถ 184 ไปจนสุดสายแล้วต่อ 136 ไปถึงที่เลยไง  โด่  แค่นี้เอง ไม่ยากเห็นมะ”  ได้ดีคุยซ้ำค่ะ…

    หลายคนที่พึ่งมาอ่านบันทึก(ไม่)ลับ ครั้งแรก อาจจะงงว่าทำไม ดูหนูยีจะโดนว่า/เป็นห่วงเรื่องการเดินทาง  ขนาดนี้…เป็นเพราะว่า  อันตัวหนูยีนั้น เป็นคนที่มีประวัติการเดินทาง ที่ออกจะโชกโชน ในเรื่องหลงทางบ่อยๆ  พาเพื่อนๆหลงทางมาแล้ว
    (หาอ่านได้จากบันทึก(ไม่)ลับตอนเพื่อนเหยื่อรายที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2173597/W2173597.html )

    และล่าสุด…ที่ทำให้รายชื่อผู้ที่ถูกหนูยีพาหลงเพิ่มขึ้น    ก็คือ….  ตอนไปเที่ยวสวนพี่นัท(เปียร์รุส)กันค่ะ …
    (อ่านเรื่องเล่าได้ในกระทู้ของพี่พยาบาลเกเรคะ  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2418870/W2418870.html  )

    นี่เป็นเหตุการณ์ขากลับจากสวนพี่นัท  หลังจากลุงSONG982 ขับรถรถเข้ากรุงเทพได้แล้ว  ก็เวลาประมาณ 1 ทุ่มค่ะ   ลุงบอกว่าจะไปส่งหนูยีที่บ้าน   ลุงถามว่า ไปทางไหน… พอดีมีทางแยกค่ะ ให้เลือกระหว่าง ไปหลักสี่  กะบางกะปิ     หนูยีก็ได้แต่มองป้ายค่ะ…ไม่รู้เหมือนกันแฮะ..ว่าจะไปทางไหน     พอดีไฟแดงจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียวแล้ว  หนูยีก็เลยบอกลุงว่า..

                      “ไปทาง… หลักสี่ ………………..(ตอนนี้ลุงเลี้ยวรถไปทางหลักสีเรียบร้อยแล้ว) …………..มั้งค่ะ”

                 แฮะๆ…คำหลังๆ มันเสียงเบาๆอะคะ…ลุงกะพี่โอ  มาได้ยินตอนขับรถไปเรียบร้อยแล้ว….   พี่โอเลยบอกลุงว่า…นี่เป็นเพราะลุงไม่ฟังหนูยีให้จบก่อน  แล้วขับออกมาเลย  ดูสิ  ทีหลัง ฟังให้จบประโยคก่อนนะ   ( ^^”)
    กลายเป็นว่า…. ลุงถามทางหนูยี ใหม่อีกทีว่าบ้านหนูยีไปทางไหนกันแน่  ….  หนูยีก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน…ก็มันไม่เคยมาทางนี้นี่หน่า…..    สุดท้าย ลุงก็เลยบอกว่า… “งั้นหนูนั่งเฉยๆ ไม่รู้ก็ไม่ต้องบอกทางนะ..เดี๋ยวลุงพากลับเอง”      แล้วลุงก็ขับรถย้อนกลับไปทางบางกะปิใหม่    แล้วระหว่างทาง….หนูยีก็ได้รู้จักลุงเพิ่มขึ้นอีกอย่างค่ะ   ว่าลุงเป็นพวก “แค้นฝังหุ่น”  เอามากๆ เลย….   ก็ตลอดทางลุงพูดแต่อย่างนี้อะ

                      “ลุงโกรธหนูยีหรือเปล่าค่ะ    ลุงไม่โกรธเลยหนูยี  ลุงไม่โกรธ แต่ลุงแค้น” อันนี้ลุงพูดเองเออเอง

                      “นี่ไม่ใช่ความผิดของหนูยีเลย  น้ำมันหมดไปแค่ครึ่งถังเอง”

                      “เพราะหนูยีนะนี่  พี่โอเลยได้มาทัวร์กรุงเทพเลย  เป็นเพราะหนูยี”

                      “เพราะหนูยีนะ   ลุงถึงได้ขับมาทางที่ลุงไม่เคยมา”    

                 แล้วก็อีกหลายคำเลยค่ะ   ลุงจะย้ำหัวตะปูตลอดระยะทางที่ขับรถมาส่งหนูยีที่บ้านเลยอะ   หนูยีก็ได้แต่นั่งตัวลีบลง ลีบลง   พูดอะไรไม่ออกสิค่ะ      กว่าจะถึงบ้านหนูยี  ปาเข้าไป 3 ทุ่ม   เสียเวลาพาพี่โอทัวร์กรุงเทพไป 1 ชม. เต็มๆ….


                      เป็นเพราะความเป๋อ ด้วยการพาคนอื่นและตัวเองหลงทางบ่อยๆ  พี่อู๋ก็เลยมักจะหยิบยกเรื่องพวกนี้มากัดยีบ่อยๆ  …  ครั้งนี้ก็เหมือนกัน… พอยีบอกว่าจะไปงานสัปดาห์หนังสือฯ  ถึงถูกซัก  สายรถที่จะไปเสียยกใหญ่…

                      แค่นั้นไม่พอค่ะ….ประโยคถัดไปนี้อะ….ทำให้ยีเศร้าสนิท ….

                      “จะไปงานหนังสือวันที่ 28 ใช่มะ…เดี๋ยวพี่ดูงานก่อนว่ามีประชุมหรือเปล่า  ถ้าไม่มีเดี๋ยวพี่พาไป”

                      เอาละสิค่ะ…วันที่ 28 ยีวางแผนจะไปขอลายเซ็นพี่พิม  แล้วบางทีอาจได้เจอคนในถนนนักเขียนคนอื่นๆ ด้วย    ถ้าพี่อู๋ไปด้วยแผนการณ์ยีก็ล่มหมดเลยจิ   เข้าไปทักใครไม่ได้ทั้งนั้นอะ  ยีก็เลยบอกพี่อู๋ไปว่า

                      “จะไปด้วยทำไมอะพี่อู๋ ยีก็บอกแล้วไงว่า ยีไปเป็น ไปถูก เคยไปมาหลายครั้งแล้ว”

                      “อ้าว…พี่ก็จะไปด้วยอะ  จะได้ไปเป็นบอดี้การ์ดให้ด้วยไง”    

                 โอ๊ย…พี่อู๋  ยีไม่ได้อยากได้บอดี้การ์ดสักหน่อย  จะบอกไม่ให้ไปด้วยบ่อยๆ เดี๋ยวก็จะสงสัยว่ายีมีพิรุธ  เพราะงั้นที่ทำได้ตอนนี้ก็ได้แต่ ภาวนาขอให้วันนั้นพี่อู๋ไม่ว่างแระกัน….  จะได้ไม่ตามไปด้วย..   เพี้ยง
                     





                     
               
               

    จากคุณ : หนูยี - [ 19 ก.ย. 46 22:22:49 ]