ย้อนความไปตอนแรก วันเกิดพ่อ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2298254/W2298254.html
เสียงรถประจำทางค่อย ๆ ชะลอ และจอดที่หน้าบ้าน สายตาของพ่อมองฝ่าความมืดออกไปจากหน้าต่าง รอยยิ้มแต้มบนเรียวปาก เขายิ้มชื่นชมลูกสาวคนเดียว ซึ่งตอนนี้เธอเต็มสายด้วยวัย 18 ปี สูงราว 170 เซนติเมตร ผมยาวสลวยประบ่า ผิวพรรณเนียนละเอียดเหมือนแม่ที่เป็นคนเหนือแท้ ๆ หน้าตาหมดจด เกลี้ยงเกลา สวมกระโปรงบานสีดำกับเสื้อสีเหลืองอ่อนซ่อนอยู่หลังเสื้อสูทสีเดียวกับกระโปรง สีเสื้อตัวในตัดกัน ยิ่งขับผิวสาวให้ยองใยยิ่งนัก เธอก้าวพ้นประตูมาแล้ว
วางกระเป๋าแอบไว้ข้างฝา เดินเข่ามาสวมกอดเขาแน่น.. พ่อกอดตอบ..ลูบไล้เส้นผมที่ดำขลับดุจไหมเนื้อดีนั้นพลาง.. ไม่มีคำพูดใด ๆ ระหว่างพ่อ-ลูก เสียงหรีดหริ่งเรไร ดังแหวกความเงียบสงบของบรรยากาศบ้านชนบทแห่งนี้ไม่ขาดระยะ
"จอย..." แม่หลุดปากมาเบา ๆ เมื่อโผล่หน้ามาจากห้องครัวเห็นภาพพ่อ-ลูก กำลังซาบซึ้ง กระนั้นเสียงก็เรียกความสนใจจากสาวน้อย เธอยิ้มทั้งน้ำตา ผละจากอกพ่อไปซบอกมารดา ครู่ใหญ่ก่อนกดจมูกบนแก้มนวลเบา ๆ แม่ยังสาวและสวยในสายตาของเธอ แม้วัยเลขสี่ไปหลายปีแล้วก็ตาม .. พ่อก็ยังหล่อไม่สร่าง วันไหนที่ออกงานคู่กัน ทั้งคู่จะเด่นที่สุดในงานเสมอ
"เหม็นกับข้าว .. ลูก" แม่เอียงหลบ เธอหัวเราะคิก ๆ
"หิวข้าวจังค่ะ แม่ หิ้วท้องมาจากมหาวิทยาลัยตั้งแต่บ่ายน่ะค่ะ" เจ้าตัวดีออดอ้อน
"ไปอาบน้ำไป๊.. แม่มีแกงเลียง ตำน้ำพริกกะปิ เดี๋ยวเจียวไข่ใส่ชะอม อีกอย่างหนึ่งก็เสร็จแล้วล่ะ"
"ค่ะ ๆๆ" เธอรับปาก หันหลังไปหยิบกระเป๋าดินทางใบเล็กที่วางไว้ก่อนเข้ามา ลิ่ว ไปยังห้องของตัวเอง พลางร้องเพลงหงุงหงิง พ่อกับแม่สบตา ยิ้มให้แก่กัน.. ก่อนที่แม่จะผละเข้าครัวไป
****************************************************
อากาศยามเช้าของปลายฤดูหนาวยังเย็น ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหนาวจนต้องสวมเสื้อกันหนาว สายหมอกโรยตัวอ้อยอิ่งอยู่เหนือยอดไม้.. สีขุ่นมัวของอากาศไม่ได้ทำให้จิตใจของสาวน้อยขุ่นตามนั้นสักนิด เธอชื่นชมความงามของธรรมชาติและซึมซับเอาทุกอย่างไว้ในใจ
ครอบครัวของจอยย้ายมาอยู่ที่เชียงรายตั้งแต่ต้นปีการศึกษาที่จอยสอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ พร้อม ๆ กับคุณตาเสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ตายกบ้านหลังนี้ให้แม่ พร้อมกับสวนลิ้นจี่หลายร้อยไร่ เป็นที่ดินบนเนินเขาเล็ก ๆ ที่ถนนสายหลักตัดผ่านหน้าบ้าน เมื่อก่อนตาปลูกบ้านอยู่กลางสวน ต่อมาถนนสายหลักตัดผ่าน และคุณตาก็ได้รับเลือกให้เป็นกำนัน จึงย้ายบ้านจากกลางสวนมาปลูกริมถนนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านในการมาติดต่อการงานต่าง ๆ ของทางราชการ ยายเสียชีวิตก่อนตาหลายปี ท่านทั้งสองมีแม่เป็นลูกสาวคนเดียว มิใยที่ท่านจะกล่อมให้แม่ย้ายมาอยู่ที่นี่สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แม่บ่ายเบี่ยงเพราะอยากให้จอยได้เรียนโรงเรียนในกรุงเทพฯ และอยู่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ..
แต่บ้านหลังนี้และคนงานก็ไม่ใช่อะไรที่แปลกหน้าสำหรับจอย เพราะแม่กับพ่อพาเธอมาที่นี่เสมอ ๆ ตาเป็นคนอารมณ์ดี ชอบเล่าเรื่องขำขันให้ฟัง จนบางครั้งจอยก็หัวเราะจนตัวงอลงไปนอนกับพื้น จอยยิ้มกับรูปถ่ายของตา-ยาย ที่ แขวนประดับข้างฝาบ้าน ก่อนจะเดินไปเปิดโทรทัศน์ แล้วพาตัวเองไปนอนเอกเขนกบนโซฟา แม่เดินตามมาสมทบหลังจากใส่ผ้าลงในเครื่องซักผ้าเสร็จ เจ้าจอสี่เหลี่ยมขนาด 29 นิ้วกำลังเสนอรายการสารคดีท่องเที่ยวจังหวัดชายทะเลแห่งหนึ่ง ดูกันไปเงียบ ๆ สักพักจอยก็สะกิดแม่เบา ๆ แม่ยิ้ม บุ้ยใบ้ไปทางหน้าบ้าน พ่อกำลังเดินเข้ามาสีหน้าแช่มชื่น เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าทางกระฉับกระเฉง
"ดูกี่ปี ๆ พ่อก็ยังไม่แก่นะคะ" ขยับตัวให้พ่อนั่งลงใกล้ ๆ เขานั่งลงพร้อมกับเกี่ยวคอลูกสาวมาหอมที่ไรผม
"ดูรายการอะไรฮึ"
"เที่ยวทั่วไทย ไม่ไปไม่รู้ค่ะ"
"แล้วจะไปเที่ยวไหนล่ะ" พ่อก็ยังเป็นพ่อที่ใจดีและรู้ใจลูกสาวเสมอ เธอกอดคอหอมแก้มทั้งซ้าย-ขวา
"พ่อเก่งจัง"
"ก็พ่อเป็นพ่อนี่นา มีหรือจะไม่รู้ใจลูกสาว ในเมื่อลองวีคเอนด์ พ่อไปเคลียร์งานไว้แล้วล่ะ ให้ตาผันเฝ้าบ้านให้สักสอง-สามวัน จอยหยุดกี่วันล่ะลูก"
"ก็วันนี้อาทิตย์..ใช่ไหมคะ..อืมม.. วันอังคารที่ 18 กุมภาจอยไม่มีเรียนค่ะ.. เราไปกันแล้วกลับวันที่ 18 ดีไหมคะ"
"อือฮึ .. ได้ ๆ ลูก วันจันทร์ชดเชยมาฆบูชาใช่ไหมลูก"
"ค่ะ.. ยาวได้ถึงวันจันทร์ กลับมาเย็นวันอังคาร"
"อยากไปที่ไหนล่ะ"
"ทะเลกระบี่ค่ะพ่อ.. เขาบอกว่าสวย จอยดูจากโทรทัศน์เมื่อกี้อ่ะค่ะ"
"งั้นก็นั่งเครื่องบินไปกรุงเทพฯ ต่อไปลงภูเก็ตแล้วนั่งเรือจากภูเก็ตไปกระบี่ ไปพักกันที่เกาะพีพีก็แล้วกันนะ.. จะได้ดำน้ำดูปะการังได้สบายหน่อย"
"ว้าว.. พ่อ" จอยอ้าปากหวอ ตาค้าง..กับสิ่งที่ได้ยิน
"สมัยหนุ่ม ๆ พ่อเค้าไปมาทะลุปรุโปร่งแล้วไงลูก" แม่อดกระเซ้าเสียไม่ได้ พ่อหัวเราะแหะ ๆ ไม่แก้ตัวใด ๆ กลัวจะไปสะกิดต่อมงอนของแม่เข้า
"นี่พึ่งจะเจ็ดโมง ไปเตรียมตัวกันไป.. เดี๋ยวจะได้ให้ตาผันขับรถไปส่งในเมือง"
"เย้...."
****************************************************
จอยมองความเวิ้งว้างของทะเล พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กลิ่นน้ำเค็มลอยมากระทบจมูก เสียงเรือวิ่งฉิวออกไปจากฝั่งพร้อมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 - 4 คน พ่อกับแม่ควงกันไปเดินเล่น เธอแอบฉากตัวมานั่งริมหาดซึ่งคนที่นี่เรียกกันว่าหาดหลัง หรืออ่าวโละดารัม เป็นหาดทรายที่ไม่กว้างนัก มองจากตาเปล่าจะเห็นภูเขาสองลูกถูกคั่นด้วยน้ำทะเลเพียงไม่กี่เมตร แต่หากจะเดินทางด้วยเรือ แล้วคนที่นี่บอกว่าจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งต้องใช้เวลานานหลายนาทีเหมือนกัน พรุ่งนี้เช้าพ่อจัดโปรแกรมให้เที่ยวไปกับเรือที่พาวนรอบเกาะ โดยเรือจะพาไปดำน้ำดูปะการังในจุดต่าง ๆ และรุ่งขึ้นอีกวันก็ขึ้นไปดูวิว บนจุดชมวิวของเกาะก่อนจะกลับบ่ายวันเดียวกัน
เสียงเพลงลอยลมมาจากร้านอาหารริมหาด .. จอยนั่งอยู่ใต้ต้นปอที่ยื่นกิ่งก้านมุ่งออกทะเล บางต้นก็มีนักท่องเที่ยวเอาเปลญวนมาผูกนอนอ่านหนังสือ บางก็นอนอาบแดด .. หลายคนที่ดำผุดดำว่ายล้อคลื่นที่ซัดซ่าเข้าหาฝั่งไม่ขาดสาย.. ดอกปอดอกหนึ่งหล่นปุกลงมาข้างตัว.. สีของดอกเป็นสีโอรส กลีบดอกบอบบางคล้ายดอกชบา มีเกสรสีแดงเข้มตรงกลางดอก .. เธอหยิบมันไว้จะแล้วมองหา ดอกปอหล่นกระจายเต็มพื้นทราย เธอเก็บใส่อุ้งมือนับสิบดอก จะเอาไปทับแล้วทำการ์ดให้พ่อหลังจากกลับจากที่นี่..เป็นการขอบคุณที่พ่อพามาเที่ยวทะเลในวันที่ดอกปอบานสวยเต็มต้นแบบนี้ สาวน้อยเอียงคอยิ้ม ๆ เมื่อแม่กับพ่อจูงมือกันเดินใกล้เข้ามา
"เป็นไงลูก นั่นหอบดอกอะไรเต็มมือ"
"ดอกปอค่ะแม่ ลุงคนนู้นบอกหนู" เธอชี้มือไปที่ร้านค้าที่อยู่ริมหาด
"สวยดีจ้ะ"
"ไปอาบน้ำกันดีกว่าเดี๋ยวจะได้ไปทานข้าวกันดีกว่า พ่อเริ่มหิวแล้วล่ะ"
"ดีเหมือนกัน แม่ก็เหนียวตัวเต็มที" ..
ทั้งสามเดินเคลียคลอกันเข้าสู่ที่พัก อย่างมีความสุข .. พ่อก็ยังเป็นพ่อที่ใจดีกับจอยเสมอ ๆ .. ขอบคุณค่ะพ่อ.. เธอกล่าวในใจพร้อมกับมองดอกปอในมืออย่างหมายมั่น ที่จะทำการ์ดขอบคุณให้พ่อหลังจากกลับจากที่นี่
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 46 09:35:46
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 46 01:43:29
จากคุณ :
สีน้ำฟ้า
- [
21 ก.ย. 46 01:40:52
]