มิตรภาพที่เริ่มต้น

    เสียงเคาะประตูโครมครามทำเอาคนที่นอนอยู่สะดุ้งขึ้นมานั่ง ภายในห้องมืด แต่ไม่สนิทนักเพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานกว้างที่เปิดม่านเอาไว้ เสียงโครมครามจากข้างนอกเงียบไปแล้ว

    “บ้าจัง! เพิ่งตีสาม”  โยธกาบ่นอย่างหัวเสียเมื่อหันไปมองพรายน้ำบนนาฬิกาเรือนเล็กข้างโต๊ะหัวเตียง เลยล้มตัวลงไปนอนต่อ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะดังเป็นจังหวะทำให้หล่อนต้องลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง เมื่อเสียงเคาะยังดังอยู่หน้าประตู ขายาวเลยก้าวพาตัวหล่อนลุกออกมาจากเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง เอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟที่ผนังห้องโถง ไฟสีเหลืองนวลสว่างขึ้น

    “ใคร”  โยธกาตะโกนถามออกไปเมื่อเสียงเคาะยังดังอยู่

    “ผมเอง”  เสียงทุ้ม ๆ ดังตอบกลับมา

    โยธกามองคนที่ยืนอยู่ข้างนอกจากกระจกมองอันเล็กที่ติดไว้กับประตูไม้บานหนา ชายหนุ่มร่างสูง ผมรองทรงยาวติดออกจะยุ่งนิด ๆ ยืนอยู่อย่างมั่นคง

    “ผมเองนะใคร ฉันไม่รู้จักคุณสักนิด จำห้องผิดหรือเปล่า หรือถ้าจำไม่ได้ก็น่าจะมีเบอร์แฟน คุณ โทรเรียกให้เธอมารับสิ แล้วนี่มันตีสามนะคุณ คนจะหลับจะนอนมาเคาะกวนประสาทอยู่ได้ หรือคุณจะเป็นพวกหัวขโมยโรคจิต ถ้าคุณไม่ไปฉันจะโทรไปบอก รปภ. ให้ขึ้นมาจัดการกับคุณ จริง ๆ ด้วย”  

    โยธกาว่าพลางหอบไปด้วย เนื่องจากหล่อนพูดยาวรัวติดกันโดยไม่หยุดหายใจเลย

    ชายแดนอดสะดุ้งไปกับความคิดของคนที่อยู่หลังประตูไม่ได้ เออนะ..เขาดูเหมือนโจรหรือพ่อบ้านที่แอบภรรยาเที่ยวกลางคืนมากเลยหรือไงนะ หล่อนถึงกับบอกเขาอย่างนี้   แต่ความจำเป็นมันบังคับให้เขาต้องพูดกลับไปอย่างใจเย็น

    “ผมชื่อชนแดน อยู่ข้างห้องคุณ ผมเพิ่งมาจากต่างจังหวัด หาคีย์การ์ดข้าห้องไม่เจอแล้วไม่รู้มันหายไปไหนด้วยเลยเข้าห้องไม่ได้ จะขอผ่านออกไปทางระเบียงหน่อยครับ”

    “ฉันไม่เชื่อหรอก ข้างห้องฉันไม่มีคนอยู่ ฉันอยู่นี่มีเดือนกว่าแล้วยังไม่เห็นใครเข้ามาอยู่เลย”  เสียงใส ๆ ดังตอบกลับมา

    หล่อนไม่เชื่อหรอกนะ… ก็มันจริงนี่ หล่อนไม่เคยเห็นเข้าของห้องตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่แล้ว แล้วจู่ ๆ ตีสามแบบนี้ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาอ้างว่าเป็นเจ้าของห้องข้าง ๆ ใครจะไปเชื่อ …เกิดเป็นโจรขโมยขึ้นมาถึงหน้าตาไม่บ่งบอก แต่มันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี

    “อีกอย่างนะ ถ้าคุณทำคีย์การ์ดหายก็ไปติดต่อส่วนกลางสิ มาติดต่อฉันทำไม”

    ชายหนุ่มเกาหัว หันไปมองเพื่อนสนิทที่นอนคอพับอยู่ริมประตูห้องเขาอย่างสงสารปนเห็นใจ

    “โถ่คุณ นี่มันตีสามอย่างที่คุณว่า แต่ออฟฟิศส่วนกลางเลิกงานไปตั้งแต่หกโมงนะครับ แล้วจะให้ผมถ่อไปหาใคร จะติดต่อได้ก็ต้องรอพรุ่งนี้มีหวังผมกับเพื่อนไม่ต้องนอนให้ยุงหามนอกห้องเหรอคุณ”

    …มันก็จริงของเขานะ ออฟฟิศปิดไปตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว จะให้เขาไปเรียก รปภ.มาช่วยก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะประตูห้องพักแต่ละห้องต้องใช้การ์ดรูด อีกอย่าง รปภ.ข้างล่างคงไม่รู้จะไปหาคีย์การ์ดใบใหม่มาให้เขาหรอกนะ …เอาไงดี จะช่วยดีมั้ยนะ… ในที่สุดสำนึกส่วนดีก็ชนะจนได้

    “แล้วจะให้ทำไง”

    “ก็ให้ผมปีนระเบียงจากห้องคุณไปห้องผมไง ระเบียงห้องเราอยู่ใกล้กัน เดี๋ยวผมปีนข้ามไปเข้าทางระเบียงก็ได้แล้ว”  เสียงชายหนุ่มอธิบายวิธีการของเขา

    “แล้วฉันจะเชื่อใจคุณได้ไง ว่าคุณจะไม่หลอกฉัน ฉันยังไม่อยากขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งหรอกนะ ดีไม่ดีคุณปล้นฉันเสร็จแล้วเลยไปปล้นห้องเพื่อนบ้านฉันต่อ ฉันมิต้องโดนประชาชนว่าเหรอว่าเปิดประตูให้คุณเข้ามาเองหน่ะ”

    ชายแดนไม่รู้จะหัวเราะหรือปวดหัวดีกับความคิดแผลง ๆ ของเพื่อนบ้าน   “เอางี้”  ว่าแล้วเขาก็ดึงกระเป๋าสตางค์ใบเล็กออกมา หยิบบัตรประชาชนสอดเข้าไปในช่องใต้ประตูผ่านไปให้อีกฝ่ายได้ดู

    โยธกาหยิบบัตรพลาสติกที่มีรูปหน้าของชายหนุ่มนอกประตูขึ้นมาดู  ‘นายชนแดน’  เหอะชื่อตลกเป็นบ้า  ที่อยู่ 198/… ที่อยู่ที่นี่ห้องข้าง ๆ จริงด้วย
    หล่อนยังเก็บรายละเอียดที่อยู่บนบัตรไม่หมด นามบัตรใบเล็กก็ถูกสอดผ่านประตูเข้ามาอีก ตามด้วยบัตรเครดิตของธนาคารที่มีชื่อและรูปของเจ้าของโชว์หรา บัตรหลายใบถูกส่งตามเข้ามาเป็นระยะ จนกระทั่งการ์ดรูดเข้าตัวอาคารที่พักอาศัยของตึกแห่งนี้

    “พอแล้วคุณ”  หล่อนบอกกลับไป  “ฉันจะให้คุณเข้ามาก็ได้ แต่ถ้าคุณคิดตุกติกอะไร ฉันฟาดคุณคางเหลืองแน่”  
    โยธกาหยิบบัตรทั้งหมดขึ้นมาถือเอาไปวางไว้บนโต๊ะกลางห้อง เดินหายไปหลังเคาน์เตอร์ของส่วนที่แบ่งเป็นห้องครัว กลับมาในมือมีไม้เบสบอลอันยาวที่เพื่อนซื้อมาฝากติดออกมาด้วย

    ประตูไม้บานหนาเปิดกว้าง เผยให้เห็นหญิงสาวที่อายุคงไม่เกินยี่สิบห้า ร่างบาง กับหัวฟู ๆ เพราะยังไม่ได้หวีของหล่อนทำเอาชนแดนเกือบหัวเราะออกไป ดีที่กลั้นเอาไว้ได้ แต่เมื่อมองมืออีกข้างที่ถือไม้เบสบอลเอาไว้ทำให้อาการอดกลั้นของเขาหมดลง เสียงหัวเราะดังขึ้นผิดกับเจ้าตัวที่มองอย่างเอาเรื่อง

    “หัวเราะอะไร”  เสียงใส ๆ ของเจ้าหล่อนถามเขาอย่างห้วนจัด

    ชนแดนส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ พร้อมหยุดหัวเราะแต่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ตาโต ๆ ของเจ้าของห้องจ้องเขาอย่างระแวงพร้อม ๆ กับแววอาฆาต เขาเลยถอดรองเท้า ก้าวเข้าห้องโดยมีหญิงสาวตามหลังมา ปล่อยให้ประตูหน้าปิดและล็อคเองโดยอัตโนมัติ

    หล่อนเดินผ่านเขาไปเลื่อนประตูกระจกที่ออกไปสู่ระเบียงให้กว้าง หยุดยืนอยู่ริมประตู รอเขาให้แทรกตัวออกไปยังระเบียงเบื้องนอก เขาจับราวระเบียงไว้กำลังจะโหนตัวขึ้นไปแต่เจ้าของห้องร้องเรียกไว้ก่อน

    “เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”  แล้วเจ้าตัวคนพูดก็ผลุบหายไป ชนแดนมองตามอย่างงง ๆ …อะไรของเจ้าหล่อนอีกล่ะ

    ไม่นานร่างบางก็โผล่ออกมา ในมือมีเชือกไนล่อนเส้นไม่ใหญ่นักติดมือมาด้วย พร้อม ๆ กับที่ยืนให้เขา

    “เอามาทำอะไร”

    “ผูกคุณนะสิ”

    “ผูก”

    “ใช่ผูกคุณนั่นแหล่ะ ป้องกันไว้ก่อน นี่มันชั้น 19 นะคุณไม่ใช่ชั้นสองชั้นสาม อีกอย่างห้องนี้ฉันยังผ่อนไม่หมดเลย เกิดคุณโหม่งพื้นลงไปคอหักตาย แล้วรอยนิ้วมือรอยอะไรของคุณมันก็มาอยู่ในห้องฉันในระเบียงฉัน ฉันมิต้องซวยไปนอนในมุ้งสายบัวแทนนอนในห้องนี้เรอะ”

    ชนแดนอมยิ้ม เขารับเชือกมาผูกอย่างง่าย ๆ หลวม ๆ เอาใจแม่เพื่อนข้างห้องหน่อย เขามองร่างบางในชุดนอนกางเกงผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มอย่างเพลิน ๆ ตาโตของแม่หัวยุ่งเงยขึ้นมาสบตา เมื่อหล่อนจัดการผูกปลายเชือกเส้นยาวเอาไว้แน่นกับราวระเบียงแล้ว

    “มองอะไร จะไปก็ไปสิมองอยู่ได้”

    “คร้าบ ผมไปล่ะ”

    ระเบียงห้องเขากับหล่อนอยู่ห่างกันประมาณสามฟุตได้ คนตัวสูงอย่างเขาเลยไม่ลำบากอะไรนักในการกระโดดข้ามไปให้ถึงยังระเบียงอีกด้านหนึ่ง พอเท้าแตะพื้นเขาเลยแกะปมเชือกที่ผูกไว้อย่างไม่เรียบร้อน ใช้มือดันประตูให้เปิดออก เดินเข้าไปภายในห้องอันมืดมิด แล้วกลับออกมาอีกพร้อมไฟที่เปิดสว่างจ้า

    “ขอบคุณนะครับ”

    “คือผมชอบลืมล็อคประตูนี่ประจำ เลยคิดว่าคราวนี้ก็คงลืมเหมือนกัน”  ชนแดนอธิบายเมื่อเพื่อนบ้านยืนมองอยู่พร้อมสายตาฉงน เมื่อเห็นเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างง่าย ๆ โดยไม่ต้องไขกุญแจ

    “เรื่องของคุณ หมดเรื่องแล้วฉันไปล่ะ”  โยธกาเดินหันกลับ เลื่อนประตูกระจกปิดดังปัง พร้อมเสียงล็อคจากข้างใน ปล่อยให้ชนแดนมองตามไปอย่างขำ ๆ

    นึกได้ว่าปล่อยเอราวุธ เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมให้นอนคอพับอยู่กับประตูหน้าห้องนานแล้ว เลยออกไปลากเพื่อนให้เขามานอนบนเตียงในห้องนอน ออกไปเก็บรองเท้าที่ถอดไว้หน้าห้องเพื่อนบ้านเข้ามาเก็บให้เรียบร้อย

    หลังจากที่เขาได้อาบน้ำอุ่นกำลังสบายแล้วเลยนึกขึ้นได้ …ลืมบัตรไว้กับแม่สาวข้างห้องเฉยเลย นี่มันก็ตีสี่กว่าแล้ว อย่าเพิ่งไปเอาคืนตอนนี้เลยนะ…เดี๋ยวเจ้าหล่อนจะโมโหเอาเปล่า ๆ เขาคิดในใจ


    ชนแดนตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ส่วนเพื่อนสนิทยังนอนหลับอยู่ท่าเดิม เขาตั้งท่าจะปลูกแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

    …ปล่อยให้มันนอนสบาย ๆ ท่าจะดีกว่า

    เสียงมือถือของเพื่อนดังขึ้น ไม่มีชื่อบอกแต่เป็นรหัสจากต่างจังหวัด เขาเลยตัดสินใจรับสายซะเอง

    “เปล่าครับ เอ๋อ…เอมันยังไม่ตื่นเลย สบายดีเหรอ”

    “แล้วจะบอกให้มันโทรกลับนะ หวัดดี”  

    เขาวางโทรศัพท์เครื่องเล็กไว้ข้าง ๆ เจ้าของ หยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาเขียนชื่อคนที่โทรมา ติดส่วนที่เป็นกาวไว้กับโทรศัพท์


    จากคุณ : พิจิกา...ปลายฝนต้นหนาว - [ 22 ก.ย. 46 21:04:21 A:169.210.6.109 X: ]