ฉันนั่งรอรถมาครึ่งชั่วโมงแล้วเมื่อยกนาฬิกาขึ้นดูเป็นครั้งสุดท้าย สามทุ่มสี่สิบเจ็ดนาที
ง่วงจะตายอยู่แล้ว
ละอองเล็ก ๆ โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอันดำมืดถึงไม่หนักเม็ดไม่ใหญ่ แต่ก็ทำให้พื้นถนนเปียก แถมรถติดอีกต่างหาก คิดแล้วอดเซ็งขึ้นมาไม่ได้
เด็กผู้ชายในชุดนักเรียนที่นั่งข้าง ๆ หยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาเล่น ฉันเลยใช้มือล้วงควานหาหูฟังอันเล็กจากกระเป๋าใบโตอันแสนรกของตัวเองขึ้นมา กดปุ่มเล่น
เสียงเพลงดังเจื้อยแจ้วเข้ามากระทบโสตประสาท เลยเอนหลังพิงป้ายรถเมล์ ซึ่งมีโฆษณาหลอดไฟยี่ห้อหนึ่งที่มีตัวตุ๊กแกเกาะอยู่ลายพร้อย อดเสียวสันหลังเหมือนขนมันจะตั้งขึ้นมายังไงไม่รู้
ถ้าฉันไม่เมื่อย จ้างให้ฉันก็ไม่พิงหรอกนะ ฉันออกจะแขยะแขยงไม่น้อยแต่ก็ต้องจำใจทนนั่งต่อไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง หรือถ้ามีทางก็คงต้องเดินไปหาป้ายหน้านั่นล่ะ ไกลจะตาย
เหลือบสายตามองคนที่ยังนั่งเป็นเพื่อนฉัน การแต่งตัวบ่งบอกว่ากำลังเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งจริง ๆ แล้วฉันมานั่งเป็นเพื่อนเขามากกว่า ก็เขามานั่งก่อนฉันอยู่แล้วนี่นะ
ฉันมองด้านข้างของเด็กคนนั้น ผิวขาว จมูกสวยได้รูป แถมโด่งกว่าจมูกแบน ๆ แบบคนที่ราบสูงของฉันอีกต่างหาก
อะไรว่ะ ฉันแอบมองและแอบน้อยใจในโชคชะตาตัวเองไปด้วย เผลอยกมือขึ้นมาลูบสันจมูกที่ไม่ค่อยมีเท่าไดนัก
รถคันแล้วคันเล่าผ่านไปแต่ไม่ยักกะมีสายที่ฉันต้องขึ้นมาซะที เริ่มเซ็งเมื่อเพลงวนกลับมายังหน้าเดิม ก็ฉันมันพวกสมาธิสั้น ย่าบอกฉันเหมือนกันนะว่า
ว่าง ๆ ก็นั่งสมาธิบ้างสิ ย่าไม่เคยเห็นเรานั่งเลย มีสมาธิน่ะ ดีนะ มีสมาธิสติก็จะตามมา
ฉันได้แต่หัวเราะหึ หึ ตอบกลับไป แล้วเดินเลี่ยงออกมา
ฉันปิดเพลง เก็บหูฟังไว้ในกระเป๋า น้องผู้ชายในชุดนักเรียนยังนั่งอยู่ท่าเดิม ในมือมีหนังสือการ์ตูนเล่มเดิม แต่จำนวนหน้าที่อ่านกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เฮ้ย! ฉันอุทานเสียงดังอยู่ในใจ พยายามกลับไปมองหนังสือการ์ตูนในมือเด็กคนนั้นอีกที ลองขยี้ตาดู ก็ยังเห็นเหมือนเดิม
เปล่า
มันไม่ใช่หนังสือลามกอนาจารอะไร แต่เป็นหนังสือการ์ตูน การ์ตูนผู้หญิงซะด้วย
เออนะ
แปลกดี เด็กผู้ชายอ่านการ์ตูนผู้หญิง เห็นไม่ง่ายเลยนะ ที่จะมาอ่านแนวตาหวาน วัยเรียนอย่างนี้ น่าจะไปอ่านแนวบู๊ ต่อสู้ด้วยหมัดมหากาฬหรืออะไรที่ผู้ชายเขาชอบอ่านกันมากกว่า
...อะไรว้า หุ่นออกจะล่ำบึกบึนสมชายชาตรี เด็กคนนั้นเลยกลายเป็นจุดสนใจของฉันแทนสายรถที่ฉันต้องขึ้นไปโดยปริยาย
เขาใช้เวลาไม่นานในการอ่านส่วนที่เหลือ โดยยังมีฉันเหลือบตามองบ้าง มองรถส่วนบุคคลที่จอดติดไฟแดงบ้าง เป็นระยะ ๆ
เผื่อเจอใครใจดี
ไม่หรอกฉันมองอย่างอิจฉาต่างหากที่พวกเขามีรถขับแต่ฉันต้องนั่งรอรถอยู่
โอ๊ะ! อ่านถึงเล่มแปดแล้วด้วย เรื่องอะไรง่ะ กี่หมื่นอะไรอ่ะ มองไม่เห็น มือใหญ่เปิดกระเป๋าเป้สีดำ เก็บซะแล้ว โถ่น้อง
พี่เลยไม่รู้ว่าอ่านเรื่องอะไรเลย
ฉันมองอากัปกริยาของเด็กหนุ่ม พร้อมคิดในใจไปด้วย
เขาก้มมองนาฬิกาแถมชะเง้อมองรถอีกรอบ ในที่สุดก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน สะพายเป้ไว้บนบ่า แล้วก็เดินผ่านหน้าฉันไปอย่างช้า ๆ หายลับไปกับความมืดของข้างทางที่แสงไฟส่องไม่ถึง
ปล่อยให้ฉันนั่งเดียวดายตาละห้อย เอ๊ะ!
คงไม่เดียวดายแล้วล่ะเมื่อยังมีเด็กอาชีวะอีกคู่ ฉันกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาเข้ามาเป็นสมาชิกป้ายนี้ตอนไหน ก็มัวสนใจแต่เด็กชายกับการ์ตูนผู้หญิงอยู่นี่นะ
ผู้ชายนั่งพิงป้ายโฆษณาอย่างสบาย ๆ โดยมีผู้หญิงที่มาด้วยกันนั่งแนบข้าง ขายาว ๆ ยื่นออกมาข้างหน้าอย่างสบาย ๆ กระโปรงที่เจ้าหล่อนใส่มาคลุมเข่าพอดี
โอ้ย!
อิจฉาที่สุด ขาอะไรจะเรียวปานนั้น ทำไมขาฉันไม่สวยอย่างนั้นบ้าง ฉันเริ่มน้อยใจในโชคชะตาตัวเองอีกรอบ
ก็ดูดิน่องฉันมันใหญ่กว่าต้นขาหล่อนซะอีก โอ้ว
แถมมีหนุ่มแนบข้างอย่างน่าอิจฉาเป็นที่สุด
ฉันนั่งตัวลีบ ตาเหลือบมองหูสองข้างคอยฟังเสียงกระหนุงกระหนิงของทั้งสองคน
ฮือ
ฮือ ทำไมชีวิตสาวโสดอย่างฉันต้องมาเจอกับสภาพอย่างนี้ด้วยนะ เมื่อตอนเย็นเพื่อเก่าก็โทรมา
เฮ้ย! แกรู้ยังว่าไอ้กรแต่งงานแล้ว
หะ ว่าอะไรนะ ฉันตะโกนถามออกไป
นึกถึงชายหนุ่มผิวขาว หน้าตี๋ ยิ้มสวย คนที่ฉันเคยชอบเมื่อสมัยเรียนมัธยม ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนฉันอีกที แต่เขาไม่ชอบฉันหรอกนะ เพราะฉันมันไม่อยู่ในข่ายสเป็คที่ผู้ชายจะมาชอบกันนะสิ
ฉันว่าไอ้กรมันแต่งงานแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง มันโทรมาบอกแก้ว ไอ้แก้วเลยโทรมาเล่าให้ฉันฟัง
แล้วเพื่อนฉันก็พร่ำรำพันถึงคู่บ่าวสาวต่าง ๆ นา ๆ อย่างเมามัน ฉันได้แต่ออเออตามมันไปโดยไม่ขัด ก็ฉันอยากรู้เหมือนกันนี่
แล้วไง ฉันถามเมื่อเพื่อนเล่าจบ
อ้าวแกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ น้ำเสียงที่ถามกลับมาออกจะห่วงใย
ฉันหัวเราะ ก็ดีใจด้วยนะสิ นี่แก ฉันน่ะถึงจะเคยชอบมันแต่ฉันไม่ได้รักขนาดจะตายนะถ้ามันแต่งงานกับคนอื่น อีกอย่างสมัยนั้นฉันเจอใครก็ชอบดะไปหมดตั้งแต่มอสี่ยันมอหกเปลี่ยนทุกเทอม อาจจะมีไอ้นี่ล่ะที่นานหน่อย แล้วตอนนี้ไอ้ความรู้สึกอย่างนั้นมันก็หมดไปแล้วด้วย
ฉันอธิบายยืดยาวหวังให้เพื่อนเข้าใจในตัวฉันเสียใหม่ เผื่อจะแนะนำหนุ่ม ๆ มาให้รู้จักบ้าง
ฉันหันไปมองสองคนนั่นอีกที
เฮ้ย! ฉันอุทานในใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
สองคนนั่นหายไป เหลือฉันนั่งหน้าบื้ออยู่กับป้ายรถเมล์เพียงคนเดียว และรถก็ยังคงติดอยู่เช่นเดิม แถมสายที่ฉันรอก็ยังไม่มาอีกต่างหาก
นี่ฉันจมจ่อมอยู่ในความคิดตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ
รถตรงหน้าเริ่มขยับบ่งบอกถึงสัญญาณอันดี
ฉันอยากลุกขึ้นกระโดด
แถมอยากยิ้มกว้าง ๆ ร้องดัง ๆ จังเมื่อเห็นสายรถที่ฉันรอคอย แต่ถ้าฉันทำอย่างนั้น คนที่มองเห็นฉันต้องหาว่าฉันบ้า หรือเป็นพวกโรคประสาทแน่ ๆ เลย
ฉันขยับตัว เตรียมพร้อม มือล้วงหยิบตั๋วเดือนมาถือไว้อย่างรอคอย
รถเมล์คันที่ฉันต้องการขึ้นขับผ่านฉันไป คนบนรถยืนเบียดกันแน่นจนทะลักออกมาถึงประตูจนต้องห้อยออกมานอกรถ
ขึ้นไม่ได้
ฉันล่ะอยากร้องไห้ออกมาจริง ๆ
+++++++++
จากคุณ :
พิจิกา...ปลายฝนต้นหนาว
- [
22 ก.ย. 46 21:12:57
A:169.210.6.109 X:
]