ที่ร้านขายอาหารผู้คนต่อคิวเข้าซื้อข้าวแกงต่อเนื่อง สันค่อยๆ รอต่อแถวไปจนเป็นคนแรก เมื่อเขามองไปยังเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็พบว่า วันนี้ไม่อยากกินอะไรเลย เขาเดินออกมาไปต่อแถวร้านขายน้ำ เพราะคิดว่าอย่างไรได้ดื่มน้ำก็ยังดี. . . เขาซื้อน้ำอัดลมใส่เหยือกมาดื่ม ความเย็นฉ่ำของมันไหลแผ่ซ่านเข้าในกาย ไม่นานเขาก็เดินไปที่หลังตึก มีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้
นั่งอยู่สักพัก แก้มก็เดินเข้ามาทัก "มาแล้วเหรอ?" แล้วนั่งตรงข้ามกับสัน
"มาจนได้นะเธอ" สันตอบกลับไปแบบแห้ง ๆ
แก้มไม่พูดอะไรกลับมา เอาแต่นั่งมองดูน้ำอัดลมในเหยือก
ไม่นานนัก แก้มก็ขอตัวไป. . . นี่คือพิธีกรรมที่เขาและแก้มต้องทำทุกวัน
ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าพิธีกรรมนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่จริงแล้วที่มามันมีง่ายๆ ถ้าลองมีสักสอง-สามเดือนที่คุณเจอคนคนหนึ่งมานั่งที่เดิมแทบทุกวัน แล้วคุณเองก็มาที่บริเวณตรงนั้นเหมือนกันทุกวัน มันจะเริ่มเกิดกิจวัตรประจำวัน จากกิจวัตรประจำวัน ที่แม้จะไม่ได้ก่อให้เกิดความสบายใจใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่ได้เป็นบ่อเกิดของความสงสัยหรือหวาดกลัวด้วย พิธีกรรมแปลกนี้ก็ค่อยๆ เพาะบ่มขึ้น
แรกๆ มีโต๊ะอยู่สองตัว สันและแก้ม ต่างก็นั่งกันคนละตัว เขาทั้งคู่ไม่เคยคุยอะไรกัน ต่างก็มองกันว่าเป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเท่านั้น การได้มานั่งหลบผู้คนแถวนี้ เป็นความรื่นรมย์ของทั้งคู่ รอบข้างจะมีมนุษย์ร่างอื่นอยู่บ้างก็คงจะไม่แปลก. . . ทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจกันและกันเท่าใดนัก เพราะว่าถ้าเพียงแต่มองเผินๆ ไป คนที่นั่งเงียบๆ ก็เป็นคล้ายโต๊ะตัวหนึ่งเท่านั้นเอง. . . แต่ไม่นานมานี้ โต๊ะตัวหนึ่งถูกย้ายไป ทำให้ทั้งสองคนต้องมานั่งโต๊ะตัวเดียวกัน ทีนี้ การไม่สนทนากันเลย ก็กลายเป็นเรื่องแปลกที่เกิดจากความใกล้ชิดทางระยะทาง สันเป็นคนที่เริ่มพูดขึ้นก่อน แต่พวกเขาก็ทักทายกันเป็นพอเป็นพิธีเท่านั้น
ไม่มีใครรู้ว่าพิธีกรรมนี้จะดำเนินต่อไปได้ถึงเมื่อใด. . . เพราะตั้งแต่ที่เหลือโต๊ะตัวเดียว และทั้งคู่ต้องใช้โต๊ะร่วมกันแล้ว ความอึดอัดคับข้องก็ค่อยๆ เข้มข้นขึ้น แต่ทั้งคู่ต่างรอคอยว่าเมื่อใดอีกคนจะไม่มานั่ง และทั้งสองคนก็คล้ายๆ จะทราบว่าอีกฝ่ายก็รอวันนั้นอยู่อย่างไม่ย่อท้อเช่นเดียวกัน. . . และมันยิ่งทำให้พิธีกรรมอันนี้เข้มแข็งขึ้นไปอีก
เมื่อแก้มลาไปแล้ว ไม่นานสันก็ลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องเรียน
สันกลับไปที่หอ เปิดเข้าไปในห้องที่ค่อนข้างโล่ง มีเตียงวางอยู่หนึ่งตัว มีโต๊ะและโคมไฟ จะแปลกก็ตรงที่ว่าพนังของห้องนั้นปิดกระดาษแข็งสีขาวไว้จนรอบด้าน ไม่เว้นแม้แต่บริเวณที่เป็นหน้าต่าง ห้องนี้เหมือนกับเป็นห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่ให้คนเข้าไปอยู่ มันไม่ได้มีลักษณะเหมือนห้องของคนปกติทั่วไป ห้องนี้ไม่เคยมีใครคนอื่นเข้ามา พ่อแม่ของเขาก็ไม่เคยเข้ามาเยี่ยมที่ห้องนี้
สันนั่งลงและคิดว่าแก้มจะพูดว่าอย่างไร ถ้าเขาพาเธอมาที่นี่. . . แก้มเป็นคนเดียวที่เขารู้สึกว่ามีอะไรที่คล้ายกัน และพอจะเป็นเพื่อนคุยปรึกษาอะไรได้ คนอื่นก็เป็นเช่นอากาศที่ลอยอยู่รอบตัว เขาไม่ได้ขอให้มีอยู่ แต่เขารู้ว่าถ้าไม่มีคนเหล่านั้นเขาอาจจะอยู่ไม่ได้ อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ใส่ใจมากมายกับความคิดของคนอื่น ๆ เลย เขารู้เช่นเดียวกันว่า คนอื่นๆ ก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเช่นเดียวกัน ยกเว้นก็แต่แก้ม เขาเชื่อว่าอย่างนั้น. . . เพราะว่าเธอและเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และแนบแน่นยิ่งกว่าคนอื่นๆ ยิ่งกว่าใครๆ ในโลก เขาและเธอเชื่อมกันด้วยความเคยชินที่ทั้งคู่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ลึกๆ ในนั้นจะข้นคลั่กไปด้วยความรู้สึกแก่งแย่ง และเกลียดชัง แต่มันก็เป็นสิ่งที่แผ่ซ่านและกัดกินเข้าไปจนถึงแก่นของความรู้สึกประจำวันของเขาทั้งคู่แล้ว
เขาไม่สามารถโต้แย้งความรู้สึกดำมืดที่อยู่ในใจนี้ได้ ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอเดินมาที่โต๊ะ เขารู้สึกว่าตัวแมงน่ารำคาญได้โผล่เข้ามาแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะมา เขากลับเฝ้าคอยคิดว่า เมื่อใดเขาถึงจะได้เห็นเธอ เมื่อใดเธอถึงจะย่างกรายเข้ามา
เธอสวยและเป็นคนที่ใครๆ ถ้าได้เห็นก็อยากเข้าไปพบและพูดคุยด้วย อาจจะมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ได้ทราบว่า เบื้องลึกแล้ว เธอกลับเป็นคนที่มีนิสัยประหลาดนี้อยู่ เขารู้สึกว่านี่เป็นสถานะที่พิเศษ ยากนักที่ใครอื่นจะได้เข้ามาอยู่ที่ตรงนี้ แต่สถานะพิเศษนั้นดำเนินต่อไปได้อีกไม่นานนัก สันพบว่าเหลือแค่เขาเท่านั้นที่ยังคงมานั่งที่โต๊ะนี้ วันสุดท้ายที่เขามานั่งที่โต๊ะนี้เขาเอาปากกาเขียนกดไว้บนโต๊ะว่า ถ้าเธอมา โทรหาฉันหน่อย และพยายามขีดหมายเลขโทรศัพท์ลงไป
แก้มไม่เคยโทรมาหาเขา และเขาก็ไม่เคยได้เห็นเธออีกเลย
แล้ววันหนึ่ง ระหว่างที่ยืนต่อแถวซื้อน้ำดื่ม เขาก็ตัดใจเลิกคิดฝันว่าจะมีวันได้พบกับเธออีก. . . หนึ่งเดือนจากนั้น สันฉีกกระดาษขาวออกจากทุกด้านของห้องและซื้อรูปวิว และรูปดารามาแปะ ห้องเขาเปลี่ยนสภาพกลับเป็นห้องธรรมดาของนักศึกษาผู้เคร่งเครียดที่พบได้ทั่วไปคนหนึ่ง
จากคุณ :
ทัศนา
- [
23 ก.ย. 46 21:53:21
A:203.170.151.194 X:
]