ผมเขียนเรื่องสั้นเรื่องผ้าเช็ดหน้ายังไม่จบ เรื่องเศร้าเกินไปสำหรับใจเหงา ยามอยู่ตามลำพัง รู้สึกเหนื่อยกับการไล่ล่าความฝัน ปล่อยให้มันเคว้งคว้างในอากาศบ้าง ดวงดาวทอแสงบนปลายฟ้าเคยเป็นทำหน้าที่ส่งความหมายในใจไปหาคนรักก็แยกตัวห่างไกล ยกกาแฟขึ้นจิบช้า ๆ และใช้ความคิด ความมืดยามคืนเดือนมืดช่วยให้ผมหลบสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี บนเก้าอี้ไม้นอกชาน ทุกอย่างดูมืดมิด ใจของผมก็เหมือนกัน
ผมเริ่มเรื่องผ้าเช็ดหน้าเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยปมด้อยของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาเป็นคนจีน ตัวเล็ก ผอมกะหร่อง สวมแว่นตาหนาเตอะ ถูกเพื่อนล้อเลียนว่า ตี๋ บ้าง แว่นบ้าง ซึ่งเขาไม่ชอบชื่อนี้เสียเลย เวลาเดินเขาจะเดินเหมือนคนโซ หัวปักไปข้างหน้า ขายาวไม่เท่ากัน ลักษณะดังกล่าวเป็นปมด้อยทำให้อับอายอย่างน่าสงสาร แต่เขาก็เรียนเก่งเพราะไม่มีใครอยากคบด้วยจึงหลบหน้าเพื่อน ๆ ในห้องเข้าห้องสมุด แต่ทว่าปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดกับเขาเหมือนแฮรีพอร์ตเตอร์นิยายที่เขาอ่าน เขายังคงเป็นอ้ายตี๋ อ้ายแว่น ที่ถูกล้ออยู่ดี
เขารู้จักเพียง ว่าน เพื่อนสาวร่วมห้องที่รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ จนอยู่ ม. 6 เขาแอบชอบว่านมานานแล้ว แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวว่านจะเกลียดเขาเหมือนคนอื่น ยิ่งว่านโตขึ้นก็ยิ่งสวย มีหนุ่ม ๆ ตามจีบทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน เขาเป็นเพียงคนที่แอบชอบเท่านั้นเอง
มาวันหนึ่งที่ว่านอกหัก ทำให้เขาเสียใจและโกรธแค้นหนุ่มคนนั้นจนคลั่ง เขาแอบวิ่งเข้าป่าแล้วร้องไห้ดัง ๆ คนเดียวด้วยความเสียใจ แค้นที่เขาช่วยปกป้องคนที่ตนรักไม่ได้จึงชกต้นไม้จนเลือดเขรอะมือ เขาฟูมฟายอยู่นานแสนนาน เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเขาคิดอะไรบางอย่างได้ ขบกรามจนเป็นสันนูน กำมือแน่น ดวงตากร้าวราวนักสู้กำลังก้าวสู่สังเวียน คืนนั้นเขาหลับไปพร้อมกับแผนการบางอย่างในใจเขา แล้วเรื่องเขียนของผมก็ดำเนินต่อไปไม่ได้
หากผมเป็นอย่าง ธาร ธรรมโฆษณ์ คงจบเรื่องสั้นเรื่องนี้ไปได้อย่างสวยงามแล้ว แต่ผมจบมันไม่ได้ เพราะผมสงสารอ้ายตี๋หากจะเขียนให้มันเป็นผู้ผิดหวังบนปมด้อยที่ตัวเองไม่ได้สร้าง ผมเห็นว่าอ้ายตี๋มันไม่ได้ผิดที่มันเกิดมาอย่างนั้น และก็ไม่ใช่ความผิดของมันที่หลงรักว่านแล้วอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้บอกรัก (ถึงตรงนี้ผมเองก็แยกไม่ออกระหว่างผมกับอ้ายตี๋) หรือผมจะหักมุมเหมือนหนังเรื่องวาเลนไทม์ โหดเหี้ยมไปเลย โดยให้อ้ายตี๋ที่เรียนเก่งย่อมมีแนวคิดที่หักมุม ทำในสิ่งเหนือคาดคิด วางแผนฆ่าอ้ายหนุ่มคนนั้นตายด้วยแผนการอันแยบยล สามารถทำให้การตายเป็นปริศนาที่มืดดำไปชั่วกัลป์ปาวสาน แล้วเขาก็มาปลอบว่านให้หายเสียใจ อยู่เคียงข้างกับว่านไปอย่างมีความสุข ถ้าจะเขียนแนวนี้ก็ดูหักมุมได้ดี คนส่วนมากก็อาจชอบเรื่องหักมุมอย่างนี้ แต่ความรู้สึกของผมสิ ไม่อยากเห็นเขาเศร้ากับการกระทำของตัวเองไปตราบชั่วชีวิต ตราบาปที่ไม่อาจหยิบยื่นให้อ้ายตี๋ได้ แล้วผมจะจบเรื่องผ้าเช็ดหน้าของผมได้ยังไงหละมันถึงจะสมกับชื่อเรื่อง อ้ายตี๋ต้องเช็ดน้ำตาให้นางเอก แล้วมันก็ถูกลืมเหมือนน้ำตาที่แห้งไปจากผ้าเช็ดหน้าสิถึงจะถูก อ้ายตี๋ตาตี่นั่นมันต้องอกหัก มันต้องตรมไปตราบชั่วชีวิต มันต้องเป็นทุกข์กับปมด้อยของมันโทษฐานที่มันเกิดมาเป็นมนุษย์ หัวอกอ้ายตี๋คงทรมานมาก นึกถึงความทุกข์ของอ้ายตี๋แล้วก็ยิ่งหดหู่ใจ คิดดูเถอะว่าหากเกิดมาเป็นอย่างอ้ายตี๋จะแก้ไขโชคชะตาตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อไม่ว่าเราหรืออ้ายตี๋ก็มีความต้องการไม่ต่างกัน แตกต่างเพียงการยอมรับและการได้มาเท่านั้นเอง
ผมจิบกาแฟไปเรื่อย ๆ เอนกายกับพนักเก้าอี้ มองดวงดาวบนท้องฟ้าที่คล้อยต่ำลงไปทุกที อากาศเย็น ลมพัดไอหนาวกระทบผิวกายเป็นระยะ แต่ไม่หาผ้าปกกาย เพราะใจร้อนกว่านั้นหลายเท่า มองออกไปที่ถนนใหญ่ แสงไฟรถจอดหน้าบ้านครู่หนึ่งแล้วก็จากไป แม่คงมาจากทำงานแล้ว ผมนั่งจิบกาแฟต่อไปเงียบ ๆ ไม่อยากให้แม่รู้ว่าผมยังไม่นอน แม่จะไม่สบายใจ ผมไม่อยากเห็นแม่เป็นทุกข์เพราะผม แค่แม่ลำบากเพราะผมก็สงสารแม่มากพออยู่แล้ว แต่คืนนี้ผมร้อนใจเหลือเกินจึงตัดสินใจไปหาแม่ ผมยกกาแฟขึ้นซดรวดเดียวหมดแก้วแล้วเดินไปหาแม่อย่างซึม ๆ เรื่องผ้าเช็ดหน้าของผมก็คงจบไม่ลงอีกเช่นเคย แม่หันมามองผมอย่างแปลกใจ มีผู้หญิงมากับแม่ด้วย
ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ แม่ถาม ว่านจะมาค้างที่บ้านเราสักอาทิตย์ แม่บอก ว่านยิ้มให้ผม รอยยิ้มเธอยังทำให้ผมอ่อนไหวอยู่เช่นเดิม
มือมีเลือด เธอไปทำอะไรมา เธอถามอย่างตกใจ ทำให้แม่หันมามองด้วยความสนใจ
มะไม่มีอะไรหรอก ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนหละ พรุ่งนี้คุยกันใหม่ ผมรีบตัดบทก่อนที่แม่จะจับได้ว่าผมทำอะไรมา แล้วเดินหัวปักเข้าห้องนอนไป พรุ่งนี้เจอกันใหม่หละกันฯ
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 46 13:22:46
จากคุณ :
น้ำบ่อทราย (babybabe)
- [
24 ก.ย. 46 13:21:08
]