โรคแพ้ความหล่อ ตอนที่ 1

    +++

    คำเตือน

    คนที่แพ้ความหล่อ ระดับรุนแรง 7 ริคเตอร์ ไม่ควรอ่านเรื่องนี้โดยเด็ดขาด เพราะจะกระทบกระเทือนจิตใจอันบอบบางและละเอียดอ่อน อันจะนำพาซึ่งอารมณ์ฆาตกรรมทางความคิดต่อคนเขียนโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม


    ฮี่ๆๆๆ

    ++++++++++++

    โรคแพ้ความหล่อ

    กรี๊ดดดดด!!!!!!!!!

    เสียงกรีดร้องกึกก้องโหยหวนแหลมสูงของผู้หญิงสองคนประสานเสียงกันขึ้นจนแสบแก้วหู ติดตามด้วยเสียงโครมครามของแผงขายสินค้าข้างถนนล้มของกระจัดกระจาย ผู้คนวิ่งเบียดเสียดสับสนชนผมซึ่งกำลังเดินชมถนนอยู่อย่างไม่ทันระวังตัวหัวทิ่มลงไปในแผงผลไม้ กล้วยหอม แอปเปิ้ล ลิ้นจี่ ทุเรียน กระเด็นว่อน

    “ทุกคนระวังตัว คนหล่อเดินมาทางนี่แล้ว”

    เสียงใครคนหนึ่งตะโกนดังลั่น นั่นกลับทำให้เหตุการณ์วุ่นวายหนักขึ้น พวกผู้หญิงเผ่นกระเจิงไปคนละทิศละทาง ยกเว้นผู้หญิงสองคนซึ่งคงยืนกรีดร้องอยู่อย่างนั้นจนกระอักเลือดออกมาเป็นทางเปื้อนอกเสื้อแดงฉาน สองมือดึงทึ้งผมเผ้ารุนแรงไปมาเหมือนคนบ้าคลั่ง (แต่ไม่ยอมดึงเสื้อผ้าให้ขาดวิ่นอย่างที่คิด)  พวกเธอไม่อาจควบคุมตัวเองได้เสียแล้ว สติของพวกเธอโบยบินออกจากร่างชั่วคราว กว่าจะกลับเป็นปกติก็ปางตาย หรือไม่ก็ขาดใจตายไปก็มี

    โรคแพ้ความหล่อระบาดมาถึงที่นี่เร็วกว่าที่คิด

    ที่จริงทางการก็ประกาศเตือนแล้ว แต่ผู้คนไม่ค่อยสนใจเพราะยังไม่เคยเห็นฤทธิ์โรคแพ้ความหล่อแบบเต็มตา จนกระทั่งวันนี้ซึ่งโรคร้ายลุกลามระบาดอย่างรวดเร็ว

    ผมเห็นตัวการวิ่งหนีไปตามถนนแว่บๆ ตามเส้นทางที่วิ่งผ่านมีเสียงกรีดร้องของพวกผู้หญิงเป็นทาง รวมทั้งพวกชายหนุ่มที่ผิดปกติอีกจำนวนหนึ่ง สร้างธารโลหิตสายหนึ่งเป็นแนวยาวตามไป

    ไอ้ตัวอันตราย..

    ผมคำรามลั่นในใจ ค่าหัวของไอ้คนหล่อมีค่ามากพอที่จะกระตุ้นให้ตามล่าและจัดการมัน เพื่อแลกกับเงินค่าหัวจำนวนมหาศาล

    ผมผลักหญิงค่อนข้างชราคนหนึ่งให้พ้นทาง ไม่สนใจว่าหญิงค่อนข้างชราคนนั้นจะหัวทิ่มหัวตำอย่างไร เพราะผมไม่ได้มีหน้าที่ดูแลคนหัวทิ่มหัวตำ เป้าหมายอยู่ที่ไอ้คนชั่วที่เกิดมาหล่อต่างหาก

    ที่จริงหมอนั่นก็ไม่มีพฤติกรรมชั่วอะไรหรอก แต่มันทะลึ่งเกิดมาหล่อ แถมยังทะลึ่งพาหน้าหล่อๆ ของมันมาโชว์ ในขณะที่หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้

    วิ่งก้มตัว ลัดเลาะไปตามทางเดินอย่างชำนาญ จะต้องจัดการคนชั่วร้ายให้ได้

    ผลของการฝึกมาหลายปี เพิ่งส่งผลชัดเจนวันนี้เอง ผมวิ่งตามล่าไอ้คนหล่อตัวร้ายใกล้เข้าไปทุกที ด้วยความมาดมั่น จะจับมันมัดมือ เตะก้นเข้าหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ รับเงินรางวัลก้อนโต แต่หมอนั่นเหมือนจะรู้ว่าใครกำลังตามล่ามันอยู่ ฝีเท้าของมันรวดเร็วลัดเลาะไปตามถนนซึ่งรถราขับไปมาอย่างน่าทึ่ง กระโดดข้ามรถไปหลายคันก่อนเลี้ยวโค้งลับหายไปในซอยเล็กๆ

    ผมเหนี่ยวไกปืนในจังหวะนั้นพอดี

    ผนังตึกส่วนหนึ่งของบ้านในซอย แตกกระเด็นเป็นเศษปูน ปลิวว่อนลบเงาร่างไอ้คนหล่อซึ่งหายลับไปในซอยเล็กซอยน้อยสับสน ให้ตายเถอะ มันหนีรอดไปได้อีกคนแล้ว

    ผมพยายามระงับสติอารมณ์ลงอย่างเยือกเย็นเท่าที่จะเป็นไปได้ เก็บปืนลงในซองหนังข้างเอว โดยแน่ใจว่ามันจะอยู่ในตำแหน่งที่จะชักปืนคู่ใจออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วกรอกกระสุนลงไปในปากไอ้พวกตัวเชื้อโรคร้ายสักคน อย่างเลือดเย็นและแน่ใจ

    ไม่ต้องทายก็ทราบว่า ผู้คนตอนนี้อยู่ในบ้านของตนเอง ไม่มีใครสนอหน้ามาตอแยเรื่องยุ่งยากเด็ดขาด การปรากฏตัวของบุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคือความหายนะของเมืองนี้  และแน่นอนผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

    บ้านเรือนสองฟากดูเก่าแก่และเงียบกริบ แต่ผมรู้ว่าไอ้หน้าหล่อมันจะต้องแอบอยู่ในบ้านหลังใดหลังหนึ่ง ไอ้คนที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคมคนนั้นจะต้องถูกตามล่าตามล้าง และโยนศพมันลงนรก

    ลมพัดแรง ไม่ว่าใครคิดจะยิงตอนนี้มันคงไม่แม่นเท่าไรหรอก

    ผมยืนอยู่กลางถนน ถนนซึ่งเงียบกริบ บ้านเรือนริมทางเงีบกริบ  สายลมพัดเศษขยะปลิวไปทั่วถนน และแน่นอนว่าไม่มีใครเสนอหน้ามาเก็บกวาดดูแล ท้องฟ้าเกลื่อนไปด้วยหมู่เมฆ อากาศค่อนข้างร้อน และแน่ใจเลยว่าอีกไม่นานฝนจะเทลงมาจากฟ้ารั่ว

    ลมพัดแรงเหลือเกิน จนผมไม่ได้ยินเสียงปืน กว่าจะได้ยินรั้วบ้านใกล้ๆที่ยืนอยู่ก็แตกกระจายด้วยแรงกระสุน จากผู้ไม่หวังดีและหวังชีวิตของผม เศษไม้กระเด็นเวียนว่อนราวผีเสื้อเริงระบำกลางอากาศ  ก่อนหล่นลงพื้นอย่างไร้รสนิยม

    แน่ใจว่าได้ยินเสียงลูกปืนวิ่งตัดอากาศแม้จะต้องฟังท่ามกลางแรงลม แต่ด้วยฝีมือนักฆ่าระดับมหากาพย์ก็ไม่มีอะไรจะน่าหวั่นไหว

    แรงลมทำให้ลืมตาไม่ถนัดนัก แต่ก็พอรู้ว่าเป้าหมายอยู่ตำแหน่งใด และผมก็ใจเย็นพอที่จะเดินตรงไปอย่างช้าๆ แม้ว่าจะรู้ว่าตอนนี้ศูนย์ปืนฝ่ายตรงข้ามกำลังเล็งเป้ามาที่ศีรษะหรือไม่ก็หัวใจของผม ปัญหาไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่ที่นิ้วของเจ้าของปืนผู้โชคร้ายต่างหาก หากนั่นไม่ใช่มืออาชีพ คนที่ไม่ใช่นักฆ่าลังเลพอสมควรสำหรับการตัดสินใจเหนี่ยวไก แน่นอนผมอ่านออกถึงจุดนี้

    ถนนเต็มไปด้วยฝุ่นสีน้ำตาล และมันกระจายฝุ่นอันน่ารังเกียจขึ้นมาทุกฝีก้าว

    “เอาล่ะ”

    ผมส่งเสียงทักทายคนซึ่งหลบอยู่ในบ้าน ด้วยท่าที่ผ่อนคลาย ปืนในมือชี้ลงพื้นอันเต็มไปด้วยฝุ่นและความร้อนอันไม่พึง ปรารถนา

    “โผล่หน้าหล่อๆ แกออกมาซิ ก่อนฉันจะระเบิดหัวแก”

    ผมหมายความตามนั้นจริงๆ  เงินค่าหัวมันมีอำนาจมากพอจะทำให้ลืมนึกถึงที่มาที่ไปและเหตุผลอะไรบางอย่าง หรือหลายๆอย่าง และก็ไม่ต้องรอนานเมื่อปืนสั้นกระบอกหนึ่งโยนออกมาจากหน้าต่าง และสุดท้ายประตูบ้านก็เปิดออก

    มันหล่ออย่างที่คิดไว้จริง

    พระเจ้า มันหล่อขนาดนี้ยังมีหน้าออกไปเดินลอยชายในเมือง ทั้งที่รู้ว่ากำลังเกิดโรคระบาดครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เข่นฆ่าสตรีเพศทั้งทางตรงและทางอ้อมนับไม่ถ้วน

    “บ้านแกเหรอ”

    ผมถามอย่างไม่สนใจในคำพูดของตัวเองสักเท่าไรนัก  คู่กรณีส่ายหน้าอันหล่อเหลาของมัน ให้ตายเถอะ โรบิน..... ไอ้พวกเกิดมาหล่อทำไมธรรมชาติช่างช่วยเหลือเกื้อกูลดีเหลือเกิน

    สายตาของมันก็ดูเต็มไปด้วยแววอ้อนวอนขอร้อง

    “ปล่อยผมไปเถอะครับ ผิดด้วยเหรอที่ผมเกิดมาหล่อ”

    “ผิดซิวะ”

    ผมตะโกนสวนกลับในทันที

    “ทะลึ่งเกิดมาหล่อกินเหตุ ทำให้โรคร้ายแผ่สาขาไปทุกที นายมีสิทธิ์อะไรที่ใช้ความหล่อมาทำลายสังคมมนุษยชาติแบบนี้”

    “คนเราเลือกเกิดไม่ได้ครับ”

    “แต่ฉันเลือกยิงหัวแกได้ “

    “งั้นก็ยิงสิครับ ผมจะได้หยุดหล่อเสียที”

    “ได้เลย...........”

    ผมคำราม แต่นิ้วยังไม่ทันเหนี่ยวไก และแทบจะแน่ใจว่าไม่คิดจะเหนี่ยวไกด้วยซ้ำ  กลางหน้าผากที่แสนหล่อนั้นก็ปรากฏรูโบ๋ก่อนจะระเบิดส่งชิ้นส่วนของสมองกระจัดกระจาย ลูกตาของเหยื่อกระสุนกระเด็นเฉียดใบหน้าผมไปเพียงนิดเดียว เศษสีเทาของสมองกระเด็นเซ็นซ่าน  ร่างล้มครืนลงด้านหลัง คลุกฝุ่นกลางถนนอันเต็มไปด้วยฝุ่น

    ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดแขนกุดสีขาว คร่อมมอเตอร์ไซด์ดำมะเมื่อมไม่น่าจะต่ำกว่า150 ซีซี พร้อมจะกระโจนทะยานได้ทุกเมื่อ มือขวาถือปืนซึ่งปลายกระบอกยังมีควันลอยกรุ่น ไม่รู้ว่าเธอมาตั้งแต่ตอนไหน เมื่อไร แต่ที่แน่ๆ เธอเป็นคนส่งกระสุนมรณะนัดนั้น

    ผมอ้าปากค้าง มองใบหน้าสวย

    “อย่าคิดทะลึ่ง”

    เธอเอ่ยเสียงเฉียบ สั้นและห้วน ไม่มีแววละมุนหูแม้แต่น้อย

    “ฉันตามล่ามันมานานแล้ว เพิ่งจัดการมันได้ที่นี่เอง”

    ผมเงียบเฉย หากรี่ตามองดูร่างเพรียวก้าวจากมอเตอร์ไซด์ตรงมาอย่างช้าๆ ท่าทางเดินของเธอดูไม่ค่อยเป็นปกตินัก เหมือนขาข้างใดข้างหนึ่งทำงานไม่ปกติ แต่ถ้าสังเกตให้ดีก็พอจะรู้ว่าเธอพร้อมจะตวัดปลายปืนและเหนี่ยวไกใส่ผมได้ในเวลาไม่เกินเสี้ยวพริบตา

    ผู้หญิงแบบนี้ล่ะที่น่ากลัวที่สุด

    “อย่าหันไปมอง”

    ผมเอ่ยเตือนเสียงเรียบๆ เพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าเป็นการออกคำสั่ง ผู้หญิงบางคนจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้โดยไร้เหตุผลเท่าที่ควร

    “มันตายแล้ว แต่ผมไม่แน่ใจว่าความหล่อของมันจะหลงเหลือเป็นพิษหรือเปล่า”

    ++++

    ยังมีต่อนะ

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 46 23:46:34

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 46 23:35:19

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 46 23:17:43

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 46 22:58:14

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 46 22:56:24

    จากคุณ : Psycho man - [ 24 ก.ย. 46 22:54:57 ]