เทพธิดากับปีศาจ ตอนที่ 5 - ที่สนามบิน


    “ฉันหละไม่เข้าใจกับการกระทำของนายเลยจริงๆ” เอบ่นอย่างหงุดหงิดใส่เบียร์ทันทีเมื่อเธอเดินมาถึงจุดที่เบียร์กับน้ำยืนรออยู่ในสนามบิน

    “อะไรกันเจ๊ ฉันอุตส่าห์ช่วยไม่ให้เจ๊ต้องเหนื่อยกับการทำงานช่วงบ่ายทั้งที คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี เจ๊ยังมาบ่นอีก ไม่น่ารักเลย” เบียร์พึมพำกลับ เอทำตาลุกวาว

    “ทำไมฉันต้องน่ารักให้นายดูด้วย ฉันจะบ่นยังไงมันก็เรื่องของฉัน แล้วเรื่องอะไรที่ฉันต้องขอบคุณคนที่เกือบจะทำให้ฉันตกงานด้วยล่ะ รู้มั้ยว่าไอ้การกระทำบ้าๆของนายเนี่ย มันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เฉพาะฉันเท่านั้น  ก่อนฉันออกมายังมีคนไข้อยู่ด้วยซ้ำ นายนี่มัน............บ้าที่สุด!!!”

    คำบ่นเป็นชุดหลุดออกมาทำเอาเบียร์อ้าปากค้าง เหมือนหาช่องว่างสอดแทรกหรือคำพูดแก้ตัวขึ้นมาไม่ได้ น้ำที่แอบหัวเราะตั้งแต่เมื่อกี้เริ่มเงียบลงก่อนที่ 2-3 ประโยคสุดท้ายของเพื่อนสาวเธอจะจบไป

    เอทำงานเป็นแพทย์สาวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตามความคิดของน้ำแล้ว เอเหมาะที่จะเป็นแพทย์มากทีเดียว เพราะความสามารถและนิสัยส่วนตัวที่เอมี คือ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แม้ว่าอย่างหลังนี้เมื่ออยู่กับเบียร์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ค่อยกล้าคิดว่า เกิดวันดีคืนดี เบียร์ไปเยี่ยมเอที่ที่ทำงานขณะที่เอกำลังตรวจคนไข้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น คนไข้คนนั้นจะมีชีวิตรอดหรือไม่ ............ยังไม่ทันคิดก็สยองแล้ว

    น้ำถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะชำเลืองมองคนข้างตัวสองคนผู้ถูกนินทาอยู่ในห้วงความคิด ที่ตอนนี้หน้าบึ้งทั้งคู่ ชักกลุ้มใจเลยต้องทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาจำเป็น

    “นายไปทำอะไรมา?”

    ไม่ทันที่จำเลยผู้น่าสงสารจะเอ่ยปากตอบ โจทย์ช่างบ่นก็ชิงฟ้องอย่างได้ทีขี่แพะไล่

    “เบียร์โทรไปหาคุณวิสิทธ์ หัวหน้าของฉัน แล้วบอกว่าฉันไม่ต้องการทำงานช่วงบ่าย”

    “ฉันไม่ได้บอกอย่างนั้นสักหน่อย ฉันแค่บอกว่า ‘ฉันอยากให้เธอว่างช่วงบ่ายเพื่อมาที่สนามบินในวันนี้’”

    “แต่....แต่ฉันได้ยินคุณวิสิทธ์บอกว่า........ก็นายบอกเขาอย่างนั้น!!!”

    “ตาแก่ลามกหูอื้อเอ๊ย” เบียร์บ่นอุบ  เอถลึงตาใส่เขา

    “นายไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขาอย่างนั้น”

    ทั้งสองยังแวดกันไม่เลิก น้ำมองไปทางคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างหาทางจับความให้ได้แม้จะไม่เป็นผลมากนัก ฉุกคิดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพูดแทรกให้ทั้งคู่เงียบ

    “เอ เธอรู้รึยังว่าวันนี้มาสนามบินทำไม”

    ทั้งคู่กระพริบตาปริบๆพร้อมกันอย่างน่าขัน ก่อนเสียงหวานของหญิงช่างบ่นจะตอบ

    “ทำไมจะไม่รู้” น้ำเสียงของเอมุ่งมั่น “ก็มากินข้าวน่ะสิ”



    >>>>>



    “ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยว่าเฟสกลับมาวันนี้” เอถามเสียงดังเมื่อน้ำบอกความจริงไปพร้อมกับการพยายามกลั้นหัวเราะ เบียร์สั่นศีรษะอย่างปลงๆ

    “แล้วตาแก่นั่นเป็นคนบอกเธอรึไงว่าฉันชวนเธอมากินข้าวตอนบ่าย”

    “เปล่าย่ะ   ฉันแค่......” เอหน้าขึ้นสี “ฉันแค่...คิดไปเอง”

    “เอาเถอะ” น้ำกลั้นหัวเราะสำเร็จในที่สุด “ว่าแต่.....ใกล้ถึงเวลารึยัง อีกนานมั้ย?”

    เบียร์ดูนาฬิกา คิ้วของเขาขมวดขึ้น

    “น่าจะมาได้แล้วนะ”

    เสียงของคนกลุ่มใหญ่ดังแว่วเข้ามาพร้อมเสียงถ่ายรูป นักข่าวหลายคนกำลังรุมถ่ายรูปคนที่กำลังเดินนำกลุ่มนั้นมา เป็นผู้ชายอายุประมาณ 24 - 25 ปี เขาใส่สูทเหมือนนักธุรกิจเช่นเดียวกับเบียร์แต่ดูเป็นทางการกว่า ใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนจะตอบรับกับการถ่ายภาพของนักข่าว

    เบียร์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ที่เดินมา เอสังเกตเห็นจึงถาม

    “ใครน่ะ นายรู้จักเหรอ?”

    เบียร์ยิ้มเหยียด “ทำไมจะไม่รู้จัก ในเมื่อเขาคือลูกชายประธานบริษัทแกรนด์เดียร์ คู่แข่งตลอดกาลของเนเซ่กรุ๊ป….และของฉัน”

    “แต่เขาดูดีกว่านายนะ” เอพูดเสียงหวานพลางหัวเราะ

    น้ำชำเลืองมองเบียร์ที่บัดนี้กัดริมฝีปากแน่นอย่างน่าสงสาร คู่แข่งอาจกลายเป็นคู่อริในพริบตา เธออยากสะกิดไปพูดปลอบแต่เขากลับพูดขึ้นมาก่อน

    “อย่าให้มาทางนี้เลย”

    แทนที่คำขอจะสัมฤทธิ์ผล ชายผู้ถูกรุมถ่ายภาพเดินเลี่ยงนักข่าวตรงมาที่ที่ทั้งสามยืนอยู่ทันทีที่เบียร์พูดจบ

    “สวัสดีครับ คุณเบียร์  เป็นเกียรติเหลือเกินที่คุณมารับผมด้วย” เขาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    เบียร์เหมือนจะอึ้งกับจุดประสงค์ในการมาของตนตามความคิดของชายหนุ่มอารมณ์ดีผู้นี้ เขาพยายามสงบสติก่อนจะทักกลับ

    “สวัสดี เจต  ความจริงผมมารับเพื่อนน่ะ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า...โอ๊ย!!”

    น้ำเตะเข้าที่ขาข้างหนึ่งของเบียร์ซึ่งอยู่ในรัศมีการเตะของเธอ เมื่อเบียร์หันหน้ามาเธอทำปากบอกว่า ระ วัง หน่อย

    เจตเหมือนจะไม่สนใจคำพูดของเบียร์ เขามองไปทางเอกับน้ำแล้วยิ้ม

    “ไม่เลวนะครับ ควงทีเดียวสองคน”

    เบียร์หน้าขึ้นสีเรื่อ น้ำเดาไม่ออกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ “พวกเธอเป็นเพื่อนผม”

    “ถ้าอย่างนั้น  ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เจตยื่นมือไปทางเอ

    เอชะงักไปเล็กน้อย แต่ก่อนที่เอจะยื่นมือไป เบียร์ก็จับเข้าที่แขนของเจต

    “พอดีเธอไม่รู้ธรรมเนียมอังกฤษ คงไม่เหมาะที่จะทักทายแบบนี้”

    เอถลึงตาใส่เบียร์อย่างต่อว่าที่เขาหาว่าเธอไม่รู้ธรรมเนียมต่างชาติแม้เบียร์จะไม่ได้สังเกต แต่ก่อนที่เอจะพูดอะไรออกมา เจตยิ้มอย่างรู้ทัน เมื่อเบียร์ยอมปล่อยมือเขา เขายื่นมือไปทางน้ำบ้าง

    “คนนี้น่าจะรู้”

    เจตเอื้อมมือไปจับมือของน้ำอย่างไม่คิดจะรอเธอตอบรับ แต่ก่อนที่มือของเจตจะสัมผัสกับมือของน้ำ ก็มีมือของใครบางคนจับแทนที่

    “เธอคนนี้...” เสียงของเฟสดังขึ้น “....ก็ไม่รู้ธรรมเนียมอังกฤษเช่นกัน”


    จากคุณ : asagao - [ 25 ก.ย. 46 16:19:11 A:203.209.21.33 X: ]