เสื้อผ้าชุดราตรีหรูหรามากมาย
หลากสีสันหลากคนสวมใส่ เดินสวนกันไปมา
เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังระงมทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง
หนึ่งหนุ่มในชุดสูทสีครีมเดินวุ่นไปทั่ว
คอยสั่งการให้บริกรยกอาหารเสิร์ฟ
ดูแลพิธีกรว่าจะต้องขึ้นไปบนเวทีช่วงไหน
และที่สำคัญ คอยมองดูเจ้าสาวเพื่อนรัก ว่าต้องการอะไรหรือไม่
เพื่อนรักของจ๊อดแต่งงานวันนี้
เหนื่อยหน่อยนะจ๊อด ลุงขอแรงหน่อยวันนี้
เสียงชายสูงวัยพูดขึ้น ขณะที่เขากำลังเตรียมที่ทางให้นักดนตรีพักผ่อน
สบายอยู่แล้วครับคุณอา เพลินเป็นเพื่อนผมนี่ครับ ชายหนุ่มตอบ
ก่อนหน้านั้นสิบเจ็ดปี
จ๊อดในวัยสิบขวบตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าตรู่
ด้วยเสียงพูดคุยจุ๊กจิ๊กที่บ้านตรงข้าม หลังจากบ้านนั้นไร้คนอยู่อาศัยมาหลายปี
เด็กชายโผนตัวขึ้นเกาะหน้าต่างห้องนอน มองไปที่บ้านหลังนั้น
มีคนย้ายมาอยู่ที่นั่น
ครอบครัวสามคนพ่อแม่และลูกสาววันใกล้เคียงกับจ๊อด
ทั้งสามกำลังช่วยกันย้ายของลงจากรถกระบะคันใหญ่
ไม่นานนัก เจ้าหนูก็เห็นพ่อแม่ตัวเองเดินออกจากบ้านไปทักทายและช่วยย้ายของ
หลังจากนั้นหนึ่งวัน
จ๊อดพบว่าที่นั่งบนขอนไม้ริมบึงใกล้บ้าน
ที่ที่เด็กชายเคยใช้เป็นที่ตกปลาอยู่ประจำ
บัดนี้ถูกสาวน้อยคนนั้นจับจองอยู่พร้อมกับสมุดวาดเขียนเล่มโต
นั่นที่ตกปลาของเรานะ เจ้าหนูพูดขึ้น
เด็กหญิงกระเถิบตัวไปข้างๆนิดหน่อย แล้วหันมาพูดกับจ๊อด
ขอยืมหน่อย เพลินจะวาดรูป
เจ้าหนูหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ
เตรียมเหยื่อมาติดกับเบ็ดก่อนจะโยนลงน้ำ
ไม่ทันที่ปลาหรือจ๊อดจะตั้งตัว
เพลินพิศหยิบกรรไกรแล็กๆออกมาจากกระเป๋าเครื่องเขียนข้างตัว
แล้วตัดสายเบ็ดของจ๊อดไปเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก่อนที่เธอจะก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป
หลังจากนั้นห้าปี
จ๊อด ๆพาเราไปซื้อรองเท้านักเรียนใหม่หน่อยดิ
เนี่ย พ่อกับแม่ไม่อยู่อ่ะ ฝากตังค์ไว้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว
เพลินยังไม่มีรองเท้าเล๊ย
เสียงที่คุ้นเคย ของคนที่คุ้นกัน
จ๊อดไม่เคยปฏิเสธเพื่อนรัก ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
เหตุเนื่องมาจากตอนเด็กๆเมื่อห้าปีก่อน
จ๊อดโกรธที่เด็กบ้านตรงข้ามที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
อยู่ดีๆก็มาตัดสายเบ็ดตกปลาของเขา
เด็กชายบันดาลโทสะ ผลักสาวน้อยคนนั้นตกบึง
ก่อนที่อีกนาทีต่อมา เขาต้องพุ่งตัวลงไปช่วยเธอขึ้นมา
เพราะเพลินพิศว่ายน้ำไม่เป็น
หลังจากวันนั้น จ๊อดสาบานกับตัวเอง
ว่าจะไม่ทำให้เพลินต้องเจ็บอีก
เด็กชายหญิงอายุสิบห้าสองคน
เดินเข้าไปเลือกซื้อรองเท้ากันในห้างใหญ่แถวบางกะปิ
รองเท้าคู่ใหม่ สำหรับนักเรียนมอปลายคนใหม่
สาวน้อยดีใจที่ได้รองเท้าใหม่
ส่วนจ๊อดดีใจที่เห็นเพื่อนรักยิ้ม
หลังจากนั้นสามปี
ที่ขอนไม้ริมบึง ในวันที่ใครๆต่างตามหาสาวเพลินพิศกันทั่ว
ด้วยอยากจะแสดงความดีใจที่เธอเอ็นทรานซ์ติดที่ม.เชียงใหม่
ทุกคนหาตัวเธอไม่เจอ แต่จ๊อดรู้
ไปเถอะเพลิน ไม่มีอะไรต้องกลัว
ไม่เป็นไรเพื่อน ไม่เป็นไร
ถ้าเธอมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ที่โน่น โทรมาที่บ้านนะ
แล้วเราจะไปหา จ๊อดวางสองมือไว้บนไหล่หญิงสาว
เพลินหันมามองหน้าเพื่อนชายที่สนิทที่สุดในโลก
ด้วยสองตาที่มีหยาดน้ำใสๆเอ่อล้น
ทำไมจ๊อดต้องให้เราเลือกที่นั่นเป็นอันดับสุดท้ายด้วยนะ
จริงๆ เอ็นท์ไม่ติด เราก็เรียนที่อื่นในกรุงเทพได้นี่
คณะนั้น ที่เชียงใหม่เค้าก็ดีนะ มันดีต่ออนาคตเพลินนะ
แต่มันไม่มีเธอนี่
หลังจากนั้นสองปี
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พ่อตะโกนขึ้นมาบอกจ๊อดว่าเพลินโทรมา
จ๊อดเหรอ
น้ำเสียงนั้นเหงาจับใจ
...
หวูดรถไฟคำรามเป็นครั้งสุดท้าย
เท้าของชายหนุ่มแตะพื้นดินเชียงใหม่
พลันสองเท้าก็พาตัวเองไปหารถมุ่งหน้าตรงไปยังหอพักในมหาวิทยาลัยประจำจังหวัด
เราชอบอะไรไม่เหมือนกันเลยนะ หญิงสาวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
เขาไม่ชอบที่เราไปจู้จี้กับเค้ามากอ่ะ เรารู้ ... เรามันพวกชอบบ่น
แต่มันเป็นตัวเรานี่จ๊อด จะให้เรานิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอะไรเลย ... มันไม่ใช่เพลินนี่
สายตาของจ๊อดเคว้งคว้าง เขามาที่นี่เพื่อปลอบใจเพลิน
เมื่อได้รับข่าวสารว่าหญิงสาวอกหักเมื่อถูกแฟนหนุ่มต่างคณะบอกเลิก
ในใจตัวจ๊อดเองเริ่มรู้สึกสับสนตั้งแต่รับโทรศัพท์
เขารู้เรื่องที่เพลินมีแฟนดี เพราะหญิงสาวโทรมาปรึกษาเขาตลอดเวลา
แต่บนรถไฟคืนก่อน จ๊อดตอบตัวเองไม่ได้ว่าควรจะเศร้าเสียใจไปกับเพลิน
หรือว่านี่ตัวเขาเองกำลังดีใจกับเรื่องที่ได้ยิน
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้น เพลินคือเพื่อน ... เพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก
ไม่เคยมีเรื่องอื่นให้คิดกวนใจ ระหว่างเขาและเธอไม่มีเรื่องเพศมาแบ่งแยก
แต่บัดนี้ จ๊อดตอบไม่ได้ ว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไร
ชายหนุ่มได้แต่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
ส่วนปากก็ได้แต่พูดว่า ไม่เป็นไรเพื่อน ไม่เป็นไรนะ...
หลังจากนั้นห้าปี
ที่ขอนไม้เก่า ริมบึงที่เดิม
เพลินพิศก้าวเข้ามา แล้วลงนั่งลงใกล้ๆ
ไม่เป็นไรนะเพื่อน หญิงสาวพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
จ๊อดที่นั่งพิงขอนไม้เงยหน้าขึ้นช้าๆ
รอยหน้ายับยู่ยี่เหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวัน
เหนื่อยว่ะเพลิน ทำหนังนี่มันเหนื่อยเนอะ
จ๊อดเรียนจบสาขาภาพยนตร์
และวันนี้ในวัยเพียงยี่สิบห้า แต่ด้ยผลงานที่เริ่มฉายแววมาตั้งแต่สมัยเรียน
วันนี้จึงมีคนกล้าลงทุนให้เขากำกับหนังใหญ่
หนังเริ่มเปิดกล้องไปไม่เท่าไหร่
แต่ปัญหาสารพันทับถมเด็กหนุ่ม
จนวันนี้เขาต้องขอหยุดพักกอง
แล้วหลบมาพักใจที่ขอนไม้ที่เดิม ที่ๆวัยเด็กอันสนุกสนานของเขาอยู่ที่นี่
กำลังใจเรามีเยอะ จะแบ่งไปมั่งไม๊ล่ะ
หญิงสาวพูดพร้อมส่งยิ้มให้
จ๊อดยิ้มขึ้นมาได้นิดหน่อย ก่อนจะตอบ
เก็บไว้เถอะ แม่คนขี้แง เดี๋ยวอกหักขึ้นมาอีก จะได้ไม่ต้องโทรเรียกคนมาช่วยไง
หลังจากนั้นหนึ่งปี
หนังของจ๊อดเข้าฉาย แม้จะทำเงินได้ไม่มาก
แต่ก็ได้รับรางวัลมากมาย ในฐานะที่เป็นผู้กำกับหน้าใหม่
และหนังของเขาแฝงเหตุผลอะไรไว้มากมาย แสดงความมีอุดมคติของเขา
ในวันที่เขาขึ้นไปรับรางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม
เขากล่าวขอบคุณหญิงสาวไว้
รางวัลนี้ ผมได้มาเพราะหญิงสาวที่ขอนไม้คนนั้น
หากแต่น้ำเสียงที่เขาพูด มันช่างเบาหวิว
เหมือนใจคนพูดจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เพลินพิศนั่งปรบมืออยู่ในห้องประกาศรางวัลวันนั้น
เธอนั่งอยู่ข้างๆกับพระเอกของเรื่อง
ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเพลินพิศ มีแหวนวงเล็กๆประดับอยู่
.....
ก่อนนั้น หญิงสาวมาที่กองถ่ายของเพื่อนบ่อยๆ
ทุกครั้งที่มา มันทำให้จ๊อดมีแรงฮึดสู้ขึ้นทุกครั้ง
แต่เขาไม่เคยบอกเธอ บางครั้งก็ทำงานจนได้แต่มองหน้ากันห่างๆ
นั่นเพียงพอสำหรับจ๊อดแล้ว
ความลับในหัวใจเขา ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้
จนวันหนึ่งที่หญิงสาวโทรมาปรึกษาเขาตอนดึกๆ
เมื่อพระเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นเพื่อนจ็อดสมัยเรียนมหาลัย
เขามาบอกรักเพลินพิศ
จ๊อดได้แต่บอกว่า ถ้าเธอชอบก็ดี เพราะเพื่อนเขาคนนี้เป็นคนดี
ไม่เคยมีข่าวเรื่องเสียหาย เป็นคนตั้งใจทำอะไรแล้วทำจริง
จริงๆ จ๊อดรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
เพราะเพื่อนเขามาแอบบอกจ๊อดไว้ก่อนแล้วว่าชอบเพลิน
เขาเห็นเพลินมาหาจ๊อดที่กองถ่ายบ่อยครั้ง
เคยคุยกันบ้าง และในที่สุดเจ้าหนุ่มก็มาบอกผู้กำกับว่าชอบเพื่อนเขา
เพื่อนจ๊อดเป็นคนดี เขาคบหากันมานานสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
แม้ในใจจะขมขื่น แต่เมื่อเห็นอนาคตของเพื่อนว่าไปได้สวย
เขาก็ควรปล่อยให้ทั้งสองคนลองคบหากันดู
การไปกีดกัน อาจทำให้เขาสบายใจก็จริง
แต่นั่นไม่ใช่วิสัยที่เพื่อนพึงกระทำต่อเพื่อน
ทั้งสองคนหมั้นกัน
และกำหนดแต่งงานกันในปีหน้า
คืนก่อนหน้าวันงาน
ทั่วบริเวณบึงเก่านั้นเงียบสงัด
แต่หญิงสาวเดินอ้อยอิ่งมาจนถึงที่ขอนไม้
บนขอนไม้มีคนนั่งอยู่แล้ว
เพลินพิศเดินเข้าไปใกล้ๆ กลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้ง
จ๊อดหัวหน้ามาหาเธอ ดวงตาแดงก่ำ ขวดเหล้าในมือเหลือของเหลวเพียงก้นขวด
วันนี้ไม่ใช่วันที่เธอต้องมาที่นี่นะเพลิน
เธอควรจะไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าสาวจะไม่สวย
เพลินพิศมองภาพชายหนุ่มอย่างสับสน
จริงๆแล้ว มันก็ไม่ใช่วันที่เธอควรมาที่นี่เหมือนกันนะจ๊อด
เธอควรจะดีใจ ที่การเป็นพ่อสื่อครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
สุดท้าย พระเอกกับนางเอกก็ได้แต่งงานกัน ตามที่ผู้กำกับเขียนบทไว้ ใช่ไม๊ ...
หรือนี่ คือการเลียงฉลองความสำเร็จ
หญิงสาวพูดเสียงสั่นเครือ
ภาพตรงหน้าฟ้องอยู่ ว่านี่ไม่ใช่งานฉลอง
ขอนไม้แห่งนี้ มีไว้สำหรับแบกรับความทุกข์ใจของพวกเขาทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก
มันไม่ใช่ที่ที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมาดีใจเพียงลำพัง
จ๊อดถดตัวลงไปนั่งกับพื้น เอาหลังพิงขอนไม้ใหญ่ไว้
เหมือนเด็กตัวเล็กๆ พยายามหาที่หลบอะไรบางอย่าง
กับคำพูดของเพลิน ทำให้เขายิ่งสับสนไปใหญ่
เพลินพิศคิดยังไงกับเขากันแน่ ... นั่นสิ นั่นเป็นเรื่องเดียวที่เขาไม่เคยคิดจะถามเธฮเลยตลอดมา
เพลินเดินเข้ามานั่งลงข้างๆตัวเขา
ในขณะที่จ๊อดก้มหน้ามองพื้น
เขาเห็นอะไรบางอย่างหยดลงที่ข้างตัว
หญิงสาวที่เขารัก กำลังร้องไห้
จ๊อดไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีก
เขาเห็นหยดน้ำหยดพรมลงบนพื้นหญ้าข้างตัว ถี่ขึ้น ถี่ขึ้น
ในที่สุด ร่างกายก็มิอาจทนไหว
สองตาของเขาเอ่อล้น น้ำตาไหลอาบแก้มจนได้
เขารับรู้แล้ว มันไม่ใช่ด้วยคำพูดใดๆ
แต่ด้วยกิริยาของเธอที่เขาเห็น มันบอกความหมายมากกว่าคำล้านคำ
เพลินพิศก็รักเขาเหมือนกัน
เธอไม่เคยบอกเราเลยนะจ๊อด ทำไมเธอไม่บอกเรา ทำไม...
เสียงสั่นเครือของเธอ ทำลายความเงียบรอบข้าง
ก็เรา ... เราไม่เคยรู้เหมือนกันนี่ ว่า .... ว่า จ๊อดอ้ำอึ้ง
ว่าเราก็รักเธอนะเหรอ หา ... จ๊อด เธอไม่เคยรู้เลยเหรอ
ทุกครั้งเธอผลักไสเราไปให้คนอื่น ตั้งแต่เด็กๆ
เธอให้เราไปเรียนเชียงใหม่ ถ้าเธอห้ามสักคำเราก็จะไม่ไป
ตอนเรามีคนมาจีบ เธอก็บอกเราคบไป ทำไมเธอถึงส่งเสริม
จ๊อด เธอไม่เคยรู้เลยเหรอว่าเราอยากได้ยินอะไร
เราอยากได้ยินเธอบอกว่า ... อย่าเลยเพลิน อย่าไปรักใครเลยนะ ...
เราอยากได้ยินนะจ๊อด แต่เธอก็ไม่เคยพูด ... บอกมาสิจ๊อด ว่านี่มันอะไรกัน
ในวันที่เราคิดว่าเธอจะดีใจที่สุดในวันพรุ่งนี้
แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ที่ๆมันควรจะเป็นที่ของเรามากกว่า ...
บอกมาสิจ๊อด บอกเพลินมา ว่าพรุ่งนี้อย่าแต่งงานเลย
บอกเพลินสิจ๊อด เพลินอยากได้ยิน .... ฮืออ อ
ถึงตอนนี้ หญิงสาวปล่อยโฮออกมาจนตัวสั่นเทา
จ๊อดเงยหน้าขึ้นมองเพลินพิศอย่างเต็มตา
ความร็สึกขัดแย้งรุนแรงก่อเกิดภายในใจ
เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าความเป็นเพื่อนมันบดบังความในใจจนมิด
หากทั้งคู่ไม่ใช่เพื่อนตั้งแต่เด็ก คงไม่เกิดเหตุเช่นนี้แน่ๆ
ต่างคนต่างปิดบังความจริง
เพียงเพราะคิดว่าหากพูดไปแล้วอีกฝ่ายไม่ได้คิด
ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ไม่ยั่งยืน
จนแม้บางครั้งเพลินพิศพูดเป็นนัยๆ แต่เขาก็ไม่กล้าจะคิดต่อ
เพื่อน ... คำนี้ช่างน่ากลัวนัก
ทั้งสองสบตากัน เพลินพิศยิ่นสองแขนออก
น้ำตาไหลรินอาบแก้มก่อนจะโผเข้ากอดเขาไว้แน่น
นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้ทำแบบนี้
เพลินพิศร้องไห้ลงบนบ่าเขา
น้ำตาไหลรดเปียกเสื้อชุ่ม
เธออยากจะอยู่อย่างนี้ตราบนานเท่านาน
อยากอยู่อย่างนี้จนกว่าจ๊อดจะบอกเธอว่ารักเธอ
แต่เรื่องไม่ได้เป็นไปตามนั้น
จ๊อดกระซิบลงข้างหูเธอเบาๆ ถ่ายทอดความเป็นจริงที่ควรจะเป็นให้เธอ
ไม่เป็นไรเพื่อน ไม่เป็นไรนะ...
เสื้อผ้าชุดราตรีหรูหรามากมาย
หลากสีสันหลากคนสวมใส่ เดินสวนกันไปมา
เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังระงมทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง
หนึ่งหนุ่มในชุดสูทสีครีมเดินวุ่นไปทั่ว
คอยสั่งการให้บริกรยกอาหารเสิร์ฟ
ดูแลพิธีกรว่าจะต้องขึ้นไปบนเวทีช่วงไหน
และที่สำคัญ คอยมองดูเจ้าสาวเพื่อนรัก ว่าต้องการอะไรหรือไม่
เพื่อนรักของจ๊อดแต่งงานวันนี้
อีริคบันทึก เมื่อ 2 กค. 2546
จากคุณ :
eric
- [
25 ก.ย. 46 18:41:19
A:203.155.230.105 X:
]