กระแสลมในช่วงก่อนฤดูหนาวของภูมินทรนครค่อนข้างเย็นจัดจนราชาวดีที่เดินเลาะไปตามทางเดินในสวนสวย...กว้าง...เคียงกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของสถานที่ต้องกระชับผ้าพันคอให้แน่น...อุ่นขึ้นอีกนิด ภาพที่ทำให้เขามองสบมาอย่างห่วงอาทร หากเมื่อหล่อนเปิดยิ้มออกคล้ายจะบอกเขาว่าไม่เป็นไร วชิระก็ส่งยิ้มกลับ เขาสาวเท้านำไปอีกหลายก้าว ก่อนจะหยุดยืนลงที่ข้างซุ้มไม้เล็กๆ ที่มีกุหลาบเลื้อยขึ้นพัน ก่อนจะชี้ไปยังสวนที่ยังค่อนข้างโล่งด้านหน้า เอ่ยกึ่งบอกเล่า กึ่งขอความเห็น
สวนดอกไม้นี่ผมกะว่าจะปรับปรุงใหม่ สร้างศาลานั่งเล่นสักหลัง แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำออกมาเป็นแบบไหนแน่ คุณว่าอย่างไรดีครับ?
ความเงียบที่ครอบคลุมลงแทนคำตอบทำให้วชิระต้องชะงัก เขาหันกลับมามองคนฟัง และเห็นดวงตาที่ทอดออกอย่างไม่จับที่จุดใดของหล่อน ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วเข้า ถามขึ้นด้วยเสียงหนักๆ อย่างจะเรียกให้รู้สึกตัว
เป็นอะไรหรือเปล่า?
ถ้อยนั้นเกือบทำให้ราชาวดีสะดุ้ง ทว่าอึดใจถัดมาหล่อนก็สั่นศีรษะปฏิเสธคำถามนั้น หญิงสาวหัวเราะออกอย่างเก้อๆ พลางโคลงศีรษะ ดวงหน้างามซ่านสีขึ้นเล็กน้อยยามตอบ
แค่คิดถึงท่านพ่อน่ะค่ะ
คุณเพิ่งออกมาจากบ้านได้สักครึ่งชั่วโมง...
ชายหนุ่มว่าเย้าๆ และหล่อนก็ตวัดตามองเขาคล้ายจะค้อน ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
อย่ามาแกล้งยั่วกันเลย คุณก็รู้ว่าฉันหมายความว่าอย่างไร ฉันคิด...ว่าก่อนออกมานี่ ท่านพ่อแทบว่าจะผลักฉันขึ้นรถม้ามากับคุณให้ได้ แล้วยังทำหน้าซื่อ...เหมือนคิดว่าฉันดูไม่ออก ว่าท่านหนุนคุณจนออกหน้าออกตา
ราชาวดีสั่นศีรษะพลางบ่น และหล่อนก็ถอนใจยาวออกมา กระแสเสียงกังวานใสนั้นขรึมลง
ไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจคุณหรอกนะคะ แต่ท่านพ่อทำแบบนี้ มองในสายตาคนอื่น ก็อาจเหมือนลำเอียง อยุติธรรมกับเขา
ดวงตาสีเข้มอ่อนโยนนั้นแลสบมา และชายหนุ่มก็ถามด้วยเสียงอ่อนที่ยากจะบ่งความรู้สึกของผู้พูดออกมาให้ชัด
คุณพูดถึงกฤษณะอยู่ละสิ?
คุณทราบด้วยหรือ?
เสียงนั้นสูงขึ้นคล้ายเจ้าตัวนึกพิศวง และคู่สนทนาของหล่อนก็เพียงมองสบตามา ยิ้มให้น้อยๆ ยามที่เอ่ย
เรื่องที่ว่าใครเป็นคู่แข่งสำคัญ ผมคงจะละเลย...ทำเป็นไม่รู้ไปไม่ได้ แล้วคุณเองก็เหมือนจะถูกอัธยาศัยเขาอยู่มาก
ฉันไม่ได้มีใจกับเขา...แบบนั้น
นวลแก้มของหล่อนจัดสีขึ้นมาอีกยามที่หล่อนออกตัว ภาพที่ทำให้วชิระหัวเราะ ประกายในดวงตาสีเข้มนั้นแลลึก...ยากจะหยั่งถึงความรู้สึกของคนพูดเมื่อเขาตอบคำ
ถึงมี ผมก็ไม่ว่าอะไรคุณหรอกครับ พูดไปตามจริง ผมกับกฤษณะก็เคยพบกันอยู่บ้าง ถึงแม้...เขาเหมือนจะไม่ชอบหน้าผมเท่าไรนัก
ชายหนุ่มเว้นช่วงคำ เขาแตะปลายนิ้วลงกับใบไม้ที่เพิ่งผลิจากยอดอ่อนอย่างจะซ่อนความคำนึงครุ่นคิด ก่อนจะปรารภขึ้นมาอีก
กฤษณะเป็นคนเก่ง ตัดสินใจเด็ดขาด มีความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน ถึงจะไม่มีชาติตระกูลเก่าแก่อย่างใครๆ เขาก็มีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะสร้างตัวเองขึ้นมาได้ในอนาคต คนคนนี้ ต่อไปไม่มีวันน้อยหน้าใคร
คุณพูดเหมือนจะหนุนฉันให้เลือกเขา
หางเสียงของหล่อนคล้ายจะปนแววน้อยใจอยู่นิดๆ และดวงตางามก็หม่นลงยามที่หล่อนมองเขา สบตามาเหมือนจะค้นหาแววของความรักอาทรที่อาจมี ภาพที่ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกระจ่างออกมาได้อีกครั้ง เขาเอ่ยแกมหัวเราะ หากหนักแน่นในทุกคำพูด ไม่มีร่องรอยล้อเล่นเจือปน
คุณเชื่อเถิด ว่าผมไม่มีวันหมายความอย่างนั้น ผมไม่โง่ ไม่บ้าพอที่จะทำร้ายตัวเองด้วยคำพูดของตัวเอง สิ่งที่ผมอยากจะพูดที่สุด...คือตัวผมเองต่างหากที่มีคุณสมบัติกว่า เหมาะสมกว่า และในเมื่อท่านพ่อคุณเห็นงามที่จะยกคุณให้ผม ผมก็จะไม่มีวันยอมให้คุณกับใคร แต่ความจริงที่ผมเห็นและยอมรับก็คือ...คุณไม่ใช่คนที่ใครจะเก็บเอาไว้เป็นสมบัติของตัวเอง...กดเอาไว้ได้ในมือแบบนั้น
ราชาวดีนิ่งงันไป คล้ายกับว่าคำพูดที่หล่อนได้ยินจากปากเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่หล่อนคาดมาก่อนว่าจะได้ยิน และวชิระก็ยังคงเอ่ยต่อ ดวงตาที่สบมาทั้งรัก...ปรารถนาดี และจริงใจอย่างไม่มีข้อสงสัย
ผมรักคุณที่ตรงนี้ รักที่คุณมีหัวใจอิสระ ไม่ใช่เพชร...ที่ใครจะยกให้ไปประดับเรือนทองของใครได้ คำว่าคู่ควร เหมาะสม...ไม่สำคัญ สำคัญแต่ว่าคุณจะเลือกทางของคุณแบบไหน ผมรักคุณ หวงคุณ ไม่อยากให้คุณกับใคร ผมไม่ปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง แต่ที่มากกว่านั้น คือผมอยากให้คุณมีความสุข
แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันมีความสุขตรงนี้ ที่จะทำสิ่งที่ใครคิดว่าเหมาะสม ที่จะรัก...คนที่เหมาะสม
ปลายเสียงของหล่อนสั่น และหล่อนก็สบตาเขาอย่างแสนรัก ประกายตาที่ทำให้วชิระเอื้อมมือออก รวบมือบางกุมไว้แน่น ก่อนจะยกขึ้นแนบหน้า กดริมฝีปากจุมพิตลงนุ่มนวล
ผมก็จะสัญญา ว่าจะพยายามถนอมความสุขของคุณไว้ นาน...เท่าที่ผมยังมีลมหายใจอยู่
แววตาคม...งาม...ของราชาวดีสะท้านไปนิด หยาดน้ำใสๆ ที่คลอรื้นด้วยความปิติเล่นล้อกับแสงแดดเบื้องบนเป็นพรายไหวคล้ายเกล็ดเพชรแวววาม และหล่อนก็เปิดยิ้มอ่อนหวานให้เขา เอื้อนเสียงออก...คล้ายระฆังแก้วที่บอกกับวชิระถึงคำมั่นของความสุขในวันนี้และอนาคตข้างหน้าที่จะมีร่วมกัน
ฉันรักคุณค่ะ
****************************
กฤษณะ คุณเองหรอกหรือ
ราชาวดีเอ่ยพลางแย้มเยื้อนน้อยๆ ใบหน้างามของหล่อนเบิกบานกระจ่างตาเมื่อหล่อนขยับหันและกรายมือไปยังบานประตูที่เปิดค้างอยู่ เผยให้เห็นความเงียบเชียบที่เร้นอยู่ภายในอย่างบางเบา
เข้ามาสิ
ขอบใจ
ชายหนุ่มรับคำแต่ยังไม่ยอมขยับตัวจากหน้าช่องทางเดินเข้าสู่ตัวคฤหาสน์นั้น เขามองไปรอบบริเวณที่ว่างเปล่าและเปรยถามขึ้น
คุณอยู่คนเดียวหรือวันนี้ ท่านพ่อของคุณไปไหนเสียเล่า? ดูที่นี่เงียบไป
ราชาวดียิ้มอ่อนโยนเมื่ออธิบายอย่างไม่ทันคิดอะไรถึงปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายอาจมี
ท่านพ่อไปเข้าเฝ้าฯ องค์นาถราชาแต่เช้าตรู่แล้ว คงเลยไปพบวชิระด้วยกระมัง เห็นกล่าวอยู่ว่ามีราชการจะปรึกษา
ราชการอันใด? กฤษณะหลุดปาก คิ้วขมวดตึงด้วยความไม่พอใจ ความเคืองใจแล่นปราดเข้าสู่สมอง...มิใช่เขาไม่รู้จุดประสงค์ที่เที่ยงแท้ของเสนาบดีผู้นั้น!
ก็นับตั้งแต่ราชาวดีกลับมาจากชนบทครานั้น...ข่าวลือก็กระฉ่อนตามมาเข้าหูเขาว่าเริ่มมีอะไรบางอย่างงอกงามในความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับวชิระ ความสัมพันธ์ที่เล่าลือว่าเกิดจากความสงบงดงามของบรรยากาศที่ทั้งสองไปพบมา
แต่คนอย่างกฤษณะไม่ได้หูหนวกตาบอดพอที่จะไม่รู้...ไม่เห็นว่าทั้งหมดนี้น่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำลับๆ อยู่เบื้องหลังของใคร ก็ใครเล่าที่กำหนดให้หล่อนติดตามไปด้วย ใครเล่าที่ราชาวดีเล่าว่าเป็นผู้ให้วชิระไปตามหล่อนมาพบ...พบเพื่ออะไร? แล้วทำไมต้องเป็นชายหนุ่มผู้นั้น? เขามองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยว่านี่เป็นแผนการที่บิดาของหล่อนสร้างขึ้นมา...เป็นแผนการที่สกปรกและน่าชังเสียเหลือเกินในสายตาของเขา
เขารู้...มิใช่ไม่รู้...ว่าบิดาของหล่อนไม่มีความชื่นชมในตัวชายที่เข้ามารายล้อมบุตรีสักเท่าไร แต่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือที่จะรวบรัดหาทางให้บุตรสาวเข้าไปติดบ่วงเสน่ห์ของชายอื่นเสียเอง ชายผู้นั้นกำหนดไว้ทุกอย่าง ขาดก็เพียงไม่ได้สั่งให้คนทั้งคู่รักกัน แต่มีหรือที่ผู้หญิงคนไหนจะไม่สนใจผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างวชิระ และเขาก็รู้เต็มอกว่าไม่มีผู้ชายที่ไหนที่สามารถจะแลเลยผ่านราชาวดีไปได้โดยไม่รู้สึกติดเนื้อต้องใจ
คนอื่นๆที่ล้อมตัวหล่อนอยู่อาจจะมองไม่เห็นอย่างเขา...ไม่รู้สึกอย่างเขา เพราะในสายตาคนเหล่านั้นหล่อนเป็นเพียงหญิงงาม แต่กฤษณะรักหล่อนมิใช่เพียงที่ความแช่มช้อยอ่อนหวาน มิใช่แค่ศักดิ์ตระกูลหรือรูปโฉม แต่หล่อนเป็นผู้หญิงที่กล้าและมีสติปัญญาพอที่จะก้าวไปข้างหน้าได้พร้อมกับใครๆ หาง่ายนักหรือ? ความเจ็บปวดของเขาจึงกัดกินลึกลงไปกว่าของใคร
ความหวังเดียวของเขาก็คือการที่หล่อนยังไม่บั่นทอนไมตรีของเขาให้ขาดลงไป...เขาจึงยังคงเทียวหา...รอด้วยฝันลมๆแล้งๆทั้งที่รู้ว่าสิทธิ์ที่เขาจะได้หล่อนมามีอยู่น้อยกว่าน้อย...
อย่างไรเขาก็ยังเป็นปุถุชน ความอดทนของเขามีขีดจำกัด และเขาก็ไม่อาจจะทนที่จะได้ยินถ้อยคำใดที่อาจจะทำให้เขาย้อนนึกถึง...ความจริง!
ฉันไม่รู้ดอกว่าราชการใด...คงเกี่ยวข้องกับวชิระก็เป็นได้ คุณจะถามไปทำไม?
ราชาวดีย้อนตอบด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก แต่กฤษณะก็ยังคงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหยันๆที่ยั้งไม่อยู่
ราชการ...เหอะ...มีหรือจะเกี่ยวกับวชิระได้ อัครศาสตร์จะยุ่งเกี่ยวกับงานเมืองมากแขนงไปหน่อยละกระมัง เมื่อวานเสนาบดีกลาโหมก็ไปพบ แต่นั่นก็ยังพอรับ... แต่วันนี้...มหาดไทย? มิรู้ว่าเหตุใดจึงได้เห็นเจ้านั่นสำคัญกันนัก ก็เพียงคนผู้เดียว จะรู้ได้ทุกแขนงเชียวหรือ?
ประกายตาของราชาวดีขุ่นมัวขึ้นนิดหนึ่ง น้ำเสียงเกือบเย็นชา
ก็อาจจะรู้ เพราะอัครศาสตร์ก็เคยผ่านงานเมืองมาไม่รู้เท่าไรแล้วนี่ เกือบเท่าที่มีภูมินทรนครมาได้ คุณไม่ควรมากล่าวอะไรเฉกนี้เลยกฤษณะ ฉันไม่อยากฟัง
ไม่อยากฟัง? กฤษณะทวนคำ สีหน้ากราดเกรี้ยวขึ้นทันที เขายื่นมือออกคว้าแขนขาวนวลของหญิงสาวและรวบกำไว้แน่น หากเมื่อดวงตางามล้ำนั้นจ้องอย่างเย็นชาแน่วนิ่งก็ต้องคลายมือลง
คุณคิดว่าผมไม่รู้หรืออย่างไรราชาวดี? คุณคิดว่าผมไม่รู้หรือว่าคุณกับวชิระมีสัมพันธ์กันเฉกไร? ตั้งแต่คุณพบกันเมื่อคราวตามเสด็จฯไปประทับชนบทนั่นน่ะ ผมรู้ว่าพ่อของคุณนั่นละที่สำคัญนัก อยากเหลือเกินให้คุณแต่งงานกับวชิระ! จะเพราะอันใด? ก็คงเพราะมันเป็นอัครศาสตร์กระมัง ยศต่อยศ เงินต่อเงิน แล้วต่อไปก็คงไม่ต้องพะวงว่าตระกูลจะไม่มั่นคง! แต่ผมก็ยังหวังว่าคุณจะไม่เห็นแก่ลาภยศพวกนั้น ไม่นึกเลยว่าที่แท้คุณก็กระหายเงินกระหายชาติตระกูลไม่ผิดกัน!
ประกายตางามนั้นลุกวาบด้วยความเคือง แขนนวลสะบัดหลุดจากการเกาะกุม หล่อนถอยเข้าในตัวคฤหาสน์โอฬารนั้น มือจับขอบประตูกำเกร็งแน่นขณะเอ่ยช้าชัด
ฉันไม่คิดเลยเหมือนกัน...กฤษณะ ไม่คิดว่าคุณจะใจต่ำได้เพียงนี้ เสียแรง...ที่อุตส่าห์คิดว่าคุณเป็นเพื่อนที่ดี คุณคิดได้อย่างไรนะ ฉันอยากรู้จริง ฉันมีใจให้วชิระก็เพราะเขาเป็นคนดี เมื่อแรกก็พะวงอยู่หรอกว่าคุณอาจจะต้องเสียใจ แต่บัดนี้ไม่เลย! คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมฉันไม่มีใจให้คุณ ก็เพราะคุณมันเปี่ยมด้วยความริษยา...ริษยาที่จะทำลายตัวคุณเอง! ชาตินี้คุณคงไม่มีวันเทียบวชิระได้หรอก เพราะดูคุณคงเฝ้าแต่ริษยาอยู่ตลอดไป!
บานประตูหนาหนักสลักตราประจำตระกูลสอดเกี่ยวเทิดตรามหาดไทยไว้เบื้องบน...บ่งตำแหน่งที่คนในตระกูลรับสืบทอดกันมานานนับหลายชั่วอายุคนปิดงับสนิทแน่นลงต่อหน้าเขา กั้นบังเอาร่างโปร่งบางสง่างามของราชาวดีไว้เบื้องหลังและปิดกั้นทุกสิ่งไว้จากการได้เห็นและได้ยินของเขาจนหมดสิ้น กฤษณะรู้...ว่านี่คือการปิดตายของบานประตูที่จะนำเขาไปสู่หนทางแห่งความรักกับหล่อน และการปิดตายของหนทางชีวิตไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม...ไม่ต้องกลับมาพบพานกัน มิตรภาพใดๆที่เขากับหล่อนอาจจะเคยมี...ขาดสะบั้นอย่างไร้ทางต่อคืนลงกับการปิดของประตูบานนั้นเอง...
จากคุณ :
วัสส์
- [
25 ก.ย. 46 22:07:00
]