การแตกกระจายของสายลมและฟองเมฆ
1..
แสงแดดแลบเลียขนอ่อนเหนือลูกตาเกิดริ้วรุ้งสะท้อนส่วนโค้งบนกระจกตาของเธอ ลมเย็นโลมลูบผิวเนื้อ เธอได้ยินเสียงหวิวไหวของยอดหญ้ายามโบกสะบัดร่ำลาสายลม ได้ยินเสียงละอองไอทิ้งตัวบนผิวใบ ฟองเมฆบนท้องฟ้าเคลื่อนผ่านพร้อมแปรเปลี่ยนรูปร่างกระจายออกเป็นก้อนเล็กๆหลายก้อนเรียงเป็นแนวยาวจรดสุดขอบฟ้า
เมื่อเธอยันกายลุกขึ้น เธอพบว่าร่างทอดอยู่ท่ามกลางดงหญ้าเขียวชอุ่มกว้างใหญ่ไพศาลจรดเขตแดนของท้องฟ้า ยอดหญ้าโน้มไหวตามแรงลมระลอกแล้วระลอกเล่าราวคลื่นทะเลเขียว เธอเหยียดกายยืน ดอกหญ้าปลิดขั้วปลิวตามลมลอยขึ้นสู่อากาศ พลิ้วเต้นตามดนตรีแห่งสายลมและแสงแดด
ไม่มีคำถามว่าเธออยู่ที่ไหน ไม่มีคำตอบว่าเธอเป็นใคร ตลอดทุกอณูเซลล์ประกาศอย่างชัดแจ้งถึงความพึงพอใจ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับตัวเธอแล้ว เมื่อเท้าก้าวย่าง เธอได้ยินแต่เสียงแห่งความปิติ
2..
เขานึกว่าตัวเองหลับอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นชิน เตียงที่เขานอนมีขนาดใหญ่เกินตัว ผ้าห่มลายสก็อตโทนเขียวหม่นยับย่นและสกปรกขดตัวอยู่บนเตียง บนโต๊ะหัวเตียงเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ ทั้งเสื้อผ้าเก่าๆ หนังสือที่พองเหมือนเคยอมน้ำไว้ชุ่มและเป้เก่าๆสีดำ แวบแรกที่เขาเห็นเป้ใบนี้ เขานึกว่ามันคือเศษผ้าขี้ริ้ว เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ แม้ห้องมีขนาดกว้างขวางแต่อับทึบ แสงลอดผ่านช่องแตกของหน้าต่างเก่าที่ถูกตอกปิดตายเผยอนุภาคเล็กๆของเม็ดฝุ่นสีทองล่องลอยอ้อยอิ่ง ฝ้าเพดานมีคราบเหลืองเป็นหย่อมๆ รวมทั้งหยากไย่โยงใยเชื่อมขอบข้างฝาและเพดาน พื้นเคลือบฝุ่นหนาเตอะจนเหมือนพรมสีเทา ในห้องนี้ยังมีห้องน้ำเล็กๆที่สภาพไม่ต่างจากภายนอกเท่าใดนัก กลิ่นหืนแห้งรายล้อรอบตัวทำให้เขาหายใจไม่สะดวก
เขาลุกพรวดในเวลาเดียวกับที่เสียงทุบหนักๆดังขึ้นจากประตูพร้อมกับเสียงผู้หญิงตะโกนเข้ามา
"ตื่นได้แล้ว" เสียงนั้นมาพร้อมกับสายลมลำเอื่อยและกลิ่นหญ้า
เป็นเสียงอันคุ้นเคย เขารีบลุกพรวดไปเปิดประตูทว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว เขาเดินกลับไปที่เตียง พลางคิดว่าเขาควรจะกลับบ้าน สำหรับที่นี่ เขาแน่ใจว่ามันไม่ใช่บ้านของเขา
เขาคว้าเสื้อผ้าสกปรกบนโต๊ะหัวเตียงสวมใส่ คว้าเป้ใบสกปรกกระชับไหล่ ก่อนเดินออกจากห้อง ทิ้งรอยเท้าไว้บนพรมฝุ่น
ทีแรกเขาคิดว่าตัวเองคือผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นสีเขียวของท้องทุ่ง หญิงสาวผู้ห่มอิสรภาพและความงดงาม แต่เมื่อประจักษ์แก่สายตา เขาพบว่าที่แท้ตัวคือเหรียญคนละด้านของหญิงสาวคนนั้น เขาไม่มีเวลาใคร่ครวญว่าเธอเป็นใคร มาจากไหนและกำลังจะไปไหน เวลานี้เขาต้องรีบแล้ว แปดโมงเช้าเขาต้องอยู่บนเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับบ้าน
เขาเดินออกจากบ้านหลังนั้น ภายนอกดูแตกต่างจากภายในอย่างสิ้นเชิง บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ทาสีครีมขลิบเชิงชายด้วยสีเขียวอ่อน มันดูหรูหราราวกับเป็นวังของชนชั้นเจ้านาย สวนขนาดใหญ่หน้าบ้านเล่นระดับกับลำธารคดเคี้ยวตามซอกหลืบหิน ปลาสีสวยเหมือนลูกกวาดจำนวนมากแหวกว่ายอยู่ในนั้น ก่อนเดินพ้นอาณาเขตของบ้านหลังนี้ เขาเห็นชายจมูกงุ้มยืนจ้องเขาเขม็งพร้อมกับริมฝีปากขยุบขยิบ
3..
เมื่อคืนนี้เขานั่งอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง ดื่มเหล้ากันนิดหน่อยที่ส่วนหน้าบ้านหลังนั้น จำได้ว่าเพื่อนคนนั้นคุยเรื่องทุ่งหญ้าที่บ้าน สมัยเด็กๆเขาชอบแอบแม่ไปนอนเล่นในทุ่งหญ้า นอนฟังเสียงใบไม้เสียดสีกันด้วยแรงลม มองเมฆที่เปลี่ยนรูปเป็นตัวละครในจินตนาการ เขาว่ามันมีเรื่องราวในนั้น ระหว่างที่เพื่อนเล่าเรื่องทุ่งหญ้า เขารู้สึกเคลิบเคลิ้มราวกับตกอยู่ในภวังค์ สัมผัสได้ถึงอิสรภาพอันไพศาล บางคราวรู้สึกเหมือนเพื่อนคือเขาเอง แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้น่าจะเป็นผู้หญิง เขาจำรายละเอียดของเพื่อนไม่ได้เสียแล้ว และไม่อาจแน่ใจได้อีกว่าเมื่อคืนเป็นความจริงหรือเป็นเพียงฝัน อย่างไรก็ตามเขาจำบรรยากาศของทุ่งหญ้าได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าไม่อาจบอกได้ว่ามันมีอยู่จริง
นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า เขาเบียดตัวเองอยู่บนบันไดรถเมล์ เขามีเวลาให้กับสภาพการจราจรไม่เกินสี่สิบห้านาที หลังจากนั้นเขาจะไปนั่งบนเครื่องบิน โบยบินไปบนฟ้า เป็นส่วนหนึ่งของโรงละครบนฟองเมฆ และเจิดจรัสในฐานะตัวละครตัวหนึ่งของผู้ชมในทุ่งหญ้า
เมื่อเขาก้าวลงจากรถเมล์ อากาศร้อนมาก เขาเดินหลบแสดงแดดแรงเข้าสู่ที่ร่ม มองดูอาคารท่าอากาศยานที่ทรุดโทรม ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ไม่มีใครมองใคร ไม่มีใครยิ้มแย้ม แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด เสียงชายฉกรรจ์หลายคนตะโกนเรียกผู้โดยสารภายนอกให้ขึ้นเครื่องบินของตัวเอง บางคนตามเซ้าซี้ผู้โดยสารที่หอบกระเป๋าพะรุงพะรัง บางคนยืนเอะอะทะเลาะกันเองยื้อแย่งผู้โดยสาร บางคนกวักมือเรียกแต่เขาส่ายหัว
เขาเดินเข้าสู่ภายในตัวอาคาร มันค่อนข้างทึบและอัดแน่นด้วยฝูงชน เส้นทางคดเคี้ยวและคับแคบนำเขาไปสู่ลานโล่งกลางตัวอาคาร ลานโล่งดังกล่าวมีช่องทางหลายช่องนำไปสู่เส้นทางที่จะขึ้นเครื่องบิน ป้ายบอกทางแขวนอยู่บนเพดานเต็มพรืดจนเขาตาลาย เขาพยายามเพ่งมองและเดินตามลูกศร ฝูงชนแยกย้ายเดินไปตามจุดหมายของตัวเองเหมือนฝูงมด เขาเดินตามเส้นทางผู้โดยสารขาออก แต่ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าช่องทางนี้กลับเป็นช่องทางเดียวที่ผู้โดยสารต่อแถวยาวเหยียด เขาเดินเข้าต่อคิว สูดกลิ่นเหงื่อและคำบ่นจากผู้คนรอบๆตัว
สิบนาทีที่ผ่านมา เขาควรจะอยู่บนเครื่องบิน แต่ตอนนี้เขายังคงยืนขาแข็งอยู่ที่นี่ แถวไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขานึกถึงกลิ่นชื้นของละอองไอบนยอดหญ้า รู้สึกถึงสัมผัสเย็นของลมเอื่อย และเสียงกระแสลมสะบัดใบเขียว แต่แล้วความคิดเขาก็พลันสลายเมื่อได้ยินเสียงประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่เขาจะต้องเดินทางกลับบ้าน
หูอื้อ มือชา ร่างกายเกร็ง
พร้อมกับเสียงอึงอลของฝูงชน
จากคุณ :
คนหลง
- [
26 ก.ย. 46 09:56:21
A:203.113.67.69 X:
]