ห้อง
1.
เจ้าของหอไม่อยากให้เขาเช่าห้องนี้เพราะสภาพมันเก่าและทรุดโทรมมาก หล่อนอยากจะเก็บเอาไว้เป็นห้องเก็บของ แต่เขากลับยืนกลางว่าจะเช่าห้องนี้ให้ได้เพราะติดใจอะไรบางอย่าง ที่อยู่นอกหน้าต่างห้องนี้ออกไป แต่เขาก็ไม่ได้บอกหล่อนว่าเพราะเหตุใดที่เขาจะเช่าห้องนี้ หล่อนเองก็คิดว่าที่เขาเลือกเช่าห้องนี้เพราะจะเอาความเก่าโทรมของมันมาเป็นเงื่อนไขขอลดราคาค่าเช่า ซึ่งหล่อนเองก็เตียมใจไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่หล่อนกลับคาดกาลผิด เขาไม่ขอต่อราคาสักคำ แถมยังจะขอหล่อนเปลี่ยนกระจกห้องที่หมองให้ใหม่ด้วย
ทันทีที่เขาย้ายของเข้าห้องเสร็จแล้ว เขาหุนหันออกไปข้างนอก เพื่อตามช่างมาเปลี่ยนกระจก ช่างมาวัดขนาดแล้วบอกเขาว่าพรุ่งนี้จะกลับมาติดให้ แต่เขาไม่ยอม ช่างพูดจาบ่ายเบี่ยงสามสี่คำก็ตกลงว่าจะเขามาติดให้อีกครั้งตอนเย็นแต่เขาต้องจ่ายค่าเสียเวลาเพิ่ม
2.
ช่างติดกระจกให้ใหม่โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาเองก็พอใจและไม่เสียดายเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มเป็นค่าเสียเวลา
เขานั่งบนเก้าอี้หันหน้าเข้าสู้หน้าต่างมองออกไปยังภาพเบื้องหน้าภาพที่เขาชอบ เขามองดูมันอย่างเนิ่นนานราวกับถูกมนต์สะกดไว้
ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ทั่วห้อง ดังหมอกขาวขุ่นที่ลอยอยู่ในภาพฝัน แล้วพลันนั้นเองเขาก็ลุกขึ้นเดินไปค้นหาบางอย่างในกระเป๋าที่วางกองกันอยู่ตรงกลางห้อง เพียงครู่เดียวเขาก็พบมัน กระดาษ และปากกา
เขาหันกลับไปนั่งที่เดิม อัดบุหรี่เข้าปอดแรง ๆ สองสามครั้ง ก่อนจรดปากกาเขียน
ในโลงแก้ว
ฉันเห็นภาพงามของความตาย
เป็นหนึ่งนิรันดร
3.
เขาละภาพเบื้องหน้าเดินกลับไปยังกองกระเป๋าที่สุมกันอยู่ รูดซิบแล้วเทของลงกลางห้อง อุปกรเครื่องเขียนกระจายอยู่เกลื่อนพื้น เขาคว้างกาวที่อยู่ในรูปของหลอด แล้วทาลงบนขอบกระดาษทั้งสี่มุม ก่อนจะเดินไปยังหัวเตียง แล้วปะกระดาษแผ่นที่เขาเขียนไว้ที่ตรงกลางกำแพงระหว่างหัวนอน เขามองดูมันอยู่ครู่หนึ่งยิ้มอย่างภูมิใจ แล้วจุดบุหรี่สูบเพื่อเพิ่มหมอกขุ่นในห้อง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่ไร้ผ้าปูสีหม่น แล้วค่อย ๆ หลับตา
ห้องยังคงคลุ้งไปด้วยควันบุหรี่กลิ่นฉุน บรรยากาสจึงดูสลัวลาง ยามเมื่อพัดลมตั่งพื้นส่ายช้า ๆ ไปทิสทางใดควันบุหรี่จะปลิวสู่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกลับเงาของสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหว วูบวาบสะท้อนกับกระจกบานใหม่
4.
หญิงชราใบหน้าบวมช้ำเดินมาจากด้านในบ้านซึ่งเป็นครัว เขามองหญิงชราอย่างหงุดหงิด แล้วเอ่ยปากขึ้นถามด้วยน้ำเสียงดุดัน เมื่อไรแม่จะเลิกอ่อนแอเสียทีนะ
หญิงชรามองหน้าเขาอย่างเข้าใจ คงอีกไม่นานหรอกลูก
ผมว่าความอ่อนแอไม่น่าจะเกิดขึ้นกับแม่ด้วยซ้ำ
มันอดไม่ได้หรอก
คนเคยเห็นกันมา น้ำเสียงของนางสั่นเครือ
แล้วคนที่เคยทำร้ายกันด้วยใช่ไหม เขาย้อนถามเสียงขุ่น
นางไม่ตอยพลางยกมือดปาดหยากน้ำตา แต่แล้วก็สะดุ้งเมื่อมือของนางเองไปสัมผัสกับรอบช้ำบนโหนกแก้ม
เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบพ่นควันสู่เบื้องบน ภาพของผู้ตายยังคงติดตาก่อนเขาสบถออกมาเบา ๆ น่าสมเพช
นางรู้สึกใจหายกับถ้อยคำที่ได้ยินนั้น แต่ก็เพียงความรู้สึกสั้น ๆ แล้วนางก็เดินขึ้นบ้าน ฝังตัวอยู่ในห้องเงียบ ๆ อยู่กัยตนเอง และอยู่กับภาพของคนตาย
5.
เขาลืมตาขึ้นมารู้สึกร้อนที่นิ้วชิ้และนิ้วกลาง เขาผงกหัวมองไปยังนิ้วทั่งสอง บุหรี่รามใกล้จะหมดแล้ว ควันขาวลอยอ้อนอิ่งอย่างขุ่นมัว เขาค่อย ๆ ปล่อยบุหรี่มวลนั้นลงทิ้งพื้น แล้วคว้ามวลใหม่ขึ้นมาจุดสูบ ควันใหม่กับควันเก่าผสมกันเพิ่มบรรยากาศในห้องให้ดูทึบเทายิ่งขึ้น
เขาหันไปมองทางหน้าต่าง แต่การนอนราบในระดับที่ต่ำกว่าขอบหน้าต่างนี่นั้น เขามองไม่เห็นอะไรนอกจากท้องฟ้าสีดำ อารมณ์เขาจึงเริ่มขุ่นมัว ให้ตายเถอะ เขาพรึมพร่ำกับตนเอง ก่อนลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเก้าอี้ริมขอบหน้าต่าง แล้วเขาก็รู้สึกถึงความเยือกเย็นของจิตใจ
นกกลางคืนลอนลงมาจายอดตึกที่เขาอยู่ มันลงเกาะที่กิ่งไม้ใหญ่ของต้นไม้สีดำที่ยืนตายซากอยู่เบื้องหน้าเขา รอบโคนต้นไม้มีไม้ไผ่ซีกเล็กสูงขนาดหัวเขาปักไว้โดยรอบ ไกลไม่เกินสองก้าวมีเก้าอี้ขนาดเหยียดนอนได้วางอยู่ มันทำด้วยไม้ที่เก่าตามกาลเวลา
เขาพอใจกับภาพเหล่านี้ที่เห็น มันเหมือนภาพที่เขาแสวงหามานาน - - เมื่อมองผ่านกระจกของห้องเช่าชั้นสองที่เขาอยู่ลงไป ต้นไม้จะอยู่กึ่งกลางกระจกพอดี เป็นรูปที่สวยงามในความรู้สึกของเขา รูปของความตายอันเป็นนิรันดร ประหนึ่งซากศพที่นอนอยู่ในโลงแก้ว สวยงามแต่ทว่าอ้างว้าง
6.
เสียงผู้ชายดังเกรียวกราดดังมาจากเบื้องล่าง เขารู้สึกกลัวเกินกว่าจะลงไปดู และอ่อนเอเกินกว่าจะลงไปต่อสู้ หรือขอร้องให้หยุดกระทำ
ภายในห้องยังคงมืดมิด ฝนเม็ดสุดท้ายพึ่งทิ้งตัวลงไปไม่นาน กลิ่นฝาไม้ชื่นลอยปะทะจมูก เขาเกลียดกลิ่นนี้ เขาลุกขึ้นพยายามย่อนเดินบนไม้กระดานอย่างแผ่วเบา ยืนมือควานหาโตีะเขียนหนังสือที่อยู่บนหัวเตียง แล้วค่อย ๆ หยิบบุหรี่และไม้ขีดไฟที่อยู่ในลิ้นชักออกมาจุดสูบ ในใจเขาคิดอย่างเดี่ยวว่า หวังจะให้กลิ่นบุหรี่นี้กลบกลิ่นไม้ชื่นนั้นเสีย
เขาเกลียดกลิ่นอ่อนแอเช่นนี้
เขาเดินกลับมานั่งที่ริมหน้าต่างมองผ่านหนัาต่างที่มีเหล็กขนาดนิ้วก้อยขวางอยู่ดังลูกกรงออกไป เห็นลำธารสายหนึ่งไหลอย่างอ้อยอิ้งไม่ไกลนัก เขาไม่รู้ว่าสายน้ำนี้มาจากไหน และไปที่ไหน เขาไม่เคยสนใจมัน แต่วันนี้ที่เขาเห็นนั้นมันกลับดูสวย มีเงาของแสงจันทรืเสี้ยงวาวระยับอยู่เหนือน้ำนั้น มันเป็นเงาสะท้อนที่มีประกายไม่สว่างเทาใดนัก แต่มันกลับสว่างพอให้เขาระลึกถึงชายคนแรกของเขาที่ริมสายธารนั้น
เสียงร้องของหญิงวัยชราดังมาจากเบื้องล่าง มันเป็นเสียงร้องที่ทำให้เขาขมขื่น ความอ่อนแอของแม่ที่ร้องออกจากปากที่เขาได้ยินนั้น มันทำให้เขาแปรเปลี่ยนเป็นความเข้มเข็งทั่งมวลที่ส่งมอบให้ชายคนแรก ความเจ็บปวดของชายคนนั้นกลั้นออกมาเป็นเสียงร้องอย่างโหยหวน ยิ่งเสียงร้องดังขึ้นเท่าไร อารมณืของเขาก็โหมทวีมากขึ้นเท่านั้น บทรักของเขาและชายผู้นั้นจึงดำเนินเช่นนี้เสมอมา
หลับหรือยังลูก เสียงสะอื้นดังแว่วมาจากหน้าประตู
เขาลุกขึ้นเดินอย่างเชื่องช้าไปเปิดประตู แสงสว่งจากด้านนอกส่องเข้าจับใบหน้าของเขาต้องต้องหันหน้าหลบ
หยิงวัยชราเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้อง เขาเอื้อมมือเปิดสวิทไฟที่อยู่บนหัวเตียง แสงสว่างเจิดจ้าขึ้น แต่เขากลับหันกลังยินอยู่เช่นนั้น
แม่น่าจะไปนอน เขาพูดในท่าเดิม
ก็จะมาดูว่าลูกหลับหรือยัง น้ำเสียงของนางสั่นเครือ
แม่จะเข้ามาให้ผมเห็นความเจ็บช้ำเสียเปล่า ๆ
หญิงชราน้ำตาไหลพรากลงอีกครั้ง นึกเสียใจว่าแม้แต่ใบหน้าของนางเองยังทำให้คนที่นางรักเจ็บช้ำได้ถึงเพียงนี้ แล้วเสียงสะอื้นไห้ที่นางพยายามสะกดไว้เล่ามันมิทำให้เขาใจสลายไปเลยหรือ นางคิดเพียงนี้ก็เดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ
เสียงปิดประตูห้องเงียบไปเพียงครู่ เขาก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ริมหน้าต่าง แล้วค่อย ๆ ยกมือขึ้นปวดหยาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม
จากคุณ :
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
- [
26 ก.ย. 46 13:28:40
A:203.121.131.38 X:203.121.149.63
]