เขาคนนั้น กับฉันที่เพิ่งรู้จักคำว่า "รัก" >> ตอนที่ 4 : วัน(ที่อาจจะ)สำคัญ

    เขาคนนั้น กับฉันที่เพิ่งรู้จักคำว่า “รัก”
          โดย >>>  ต้นหญ้าเอื้อมฟ้า  <<<
    ตอนที่ 4 : - วัน (ที่อาจจะ) สำคัญ -

    วันเวลาเดินไปของมันอยู่วันแล้ววันเล่า… แต่ก็ไม่ยักจะมีใครกำหนดให้เวลาหยุด หรือ วันสิ้นสุดเสียสักที… ดูเหมือน เธอจะรอวันนั้นมานาน …นานแสนนานที่เธอจะขอให้เวลาอีก ช่วง 6 ปี เวียนมาถึงอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้น เธอโตเป็นผู้ใหญ่ บรรลุนิติภาวะ… สิทธิทุกอย่างก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม ฉัน… เพียรพยายามให้วันวันนึงมีสัก ห้าสิบชั่วโมงก็ยังดี เวลาทำไมมันช่างโหดร้ายกับฉันนักนะ ฉันบ่นกับตัวเองทุกวัน “ไม่มีเวลาจะทำไอ้นั่นแล้ว” แต่เธอนี่สิ กลับมีเวลาเหลือเฟือ พอที่จะแบ่งมาให้ฉันเสียด้วยซ้ำ เธอมีเวลาเหลือเฟือพอจะนอนหลับได้เต็มอิ่มอย่างสบาย  ชั่วโมงของเธอมีมากจนไม่รู้จะไปเก็บไปไว้ที่ไหน แล้วเวลาของฉันล่ะ? ทำไมจึงไม่เหมือนกับเธอ? หนึ่งนาทีของเธอก็ราวกับ หนึ่งชั่วโมง แต่หนึ่งวันของฉัน… ฉันนับมันได้เพียงแปดชั่วโมงเท่านั้นเอง!

    แปลก! โลกก็หมุนรอบตัวเองใช้เวลา ยี่สิบสี่ ชั่วโมงเท่า ๆ กัน เธอกับฉันอาศัยอยู่บนแผ่นโลกผืนเดียวกัน หากเวลาของมนุษย์ถึง สอง คน เดิน เร็ว – ช้า ต่างกัน

    และแล้ว ก็ผ่านช่วงเวลาของการสอบปลายภาคของ ช่วงมัธยมต้นไปได้ด้วยดี  มันจะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของชีวิตนักเขียนมัธยมต้นแล้ว อย่างที่คาดไว้ผลการเรียนยังคงไม่ตกหรือดีขึ้นอย่างชัดเจนมากนัก เป็นการผ่านบททดสอบของชีวิตไปได้อีกบทหนึ่ง

    ช่วงเวลาปิดเทอมที่เธอ (อาจจะ) รอคอยก็มาถึง
    ที่บ้าน ทุก ๆ อย่างยังคงเป็นไปเช่นเดิม ไม่มีกลิ่นอายแห่งความเปลี่ยนแปลง

    “อ๊ะ อ้าว… ว่าไงจ๊ะ เจ้าทิมมี่” เสียงใส ๆ ทักทายกระรอกตัวน้อยบ่งบอกถึงความร่าเริงกว่าทุกวัน เจ้าสัตว์แสนรู้ ไม่ได้อยู่ในห้องสมุดนั่น แต่วิ่งอย่างลุกลี้ลุกลน มาหานายของมัน ลักษณะนิสัยราวกับสุนัขก็ไม่ปาน
    “ทำไมไม่อยู่ในห้องเนี่ย กลับวิ่งมาตากลมหนาวอยู่ข้างนอก เดี๋ยวก็เป็นเหมือนวันนั้นหรอก” ว่าแล้วเจ้าตัว ก็จับกระรอกน้อยแสนซนเข้ามาไว้ในอุ้งมือ และก็คงเป็นเพราะ หนาวมากเกินไป? เอ๊ะ หรือ หงุดหงิด ที่ถูก นายอุ้มขึ้นมาโดยไม่ได้ทันตั้งตัว เลยพาลทำให้ เอย เจ็บตัว เพราะรอยกัดของเจ้าตัวแสบ ไปอีกรอบ
    “โอ.. โอ๊ย… เฮ้อ เดี๋ยวก็จับขังซะเลย” สีหน้ากับคำพูดของวันนี้ยังไม่มีท่าทีสักนิดว่าจะนึกเศร้าหรือร้องไห้แต่อย่างใด ปล่อยให้เป็นแบบนี้บ้างก็คงจะดีนะ

    ถึงห้อง เธอก็ปล่อย กระรอกน้อย (เอ?! ไม่น้อยแล้วนะ ชักตัวใหญ่ ขึ้นทุกวัน ๆ) ลงสู่พื้น ปล่อยให้วิ่งเล่นตามประสาสัตว์ อยู่ในห้อง เธอเอง ก็เหนื่อยไม่น้อยกับการสอบวันสุดท้ายนี้ พอได้นั่งลงบนโซฟา คู่ใจก็ราวกับมี มนต์สะกด ให้หลับไปในทันที  

    ด้วยความเหนื่อย ความล้า ความโล่งใจกับการสอบ ก็ทำให้ความคิดวุ่น ๆ ที่เคยถูกฉาย slide ในสมอง พักไปชั่วขณะ พระอาทิตย์ตกยามเย็น ท้องฟ้าสีคราม สลับแสด เมฆรูปร่างต่าง ๆ เป็นภาพที่ชวนให้หลงไหลนัก แต่คุณจะเพลินไปกับมันหรือเปล่า? กลิ่นฟุ้งกระจายของดอกราตรีในสวนเริ่มส่งเข้ามาในห้องสมุดอีกครั้ง ห้องสมุดอันแสบสงบ กับ กลิ่นดอกไม้อันบริสุทธิ์ ราวกับสวรรค์ของเธอ ไม่มีสิ่งใดรบกวน นภานั้นกระจ่างสดใสไปด้วยหมู่ดาวที่พราวพร่างและกระพริบแสง …ณ ที่สุดขอบฟ้า มีดาวดวงหนึ่งที่ไม่เคยดับแสงไปไหน ยังตั้งมั่นอยู่ ณ ที่แห่งเดิม อาจจะเป็นดาวดวงนั้น ที่กำลังรอเธอเอื้อมมือคว้ามันไปไว้ในอ้อมแขนของเธอ …ภัทฑินันท์ รออีกสักนิดนะ… เวลานั้นก็ใกล้จะมาถึงแล้ว

    ปั้ง! โครม!
    ราวกับพายุขึ้นฝั่งพัดพาบ้านเรือนเสียหายวอดวายจนหมด หรือเธออาจจะลืม… เปิดประตูทิ้งไว้ ลมแรงจากด้านนอกพัดเอาประตูไปมา ๆ จนปิด… ที่ไหนได้! เสียงไม่ได้มีแค่เสียงประตูเพียงเท่านั้นน่ะสิ

    “โว้ย! อะไรกันนักกันหนาวะ!?” ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น บรรยากาศ อันเงียบสงัด ก็ถูกเสียงหญิงวัยกลางคนกลบจนหมด

    “เสียไปตั้งเยอะ! Ku จะเอาที่ไหนมาใช้เขาล่ะเนี่ย! ทำไม วันนี้ถึงได้ดวงซวยยังงี้ ก็ไม่รู้! เวรจริง ๆ” อารมณ์ของผู้ที่เพิ่งกลับเข้าบ้านยังปะทุ อยู่ เนื่องด้วยบางสิ่งจากนอกบ้านทำให้เธออารมณ์เสีย กระเป๋าหรูที่เธอแสนจะโปรดปรานและทะนุถนอมมันนักหนา ก็ถูกขว้างออกจากมือไปกองอยู่กับพื้น รองเท้าส้นสูงสีแดงสด ก็วางกระจัดกระจาย อยู่บริเวณที่วางรองเท้า

    “ไอ้ เวร ‘เอย’ มันจะนอนไปถึงไหนกัน!” นี่หรือ? คำสบถของหญิงผู้เป็นแม่

    แล้ว ‘เอย’ ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีเสียงใครบางคนทุบประตูห้องที่ เธอ คิดว่า ไม่น่าจะมีใครมารบกวนเธอในเวลาแบบนี้  เด็กสาวเพียงตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชักช้า ยืดยาด… ตื่นมาได้สักพัก ก็เดาออกทันที ว่าคนที่อยู่นอกห้องนั้น เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก แม่ ของเธอ  …อย่างไม่รีรอ เจ้าตัวรีบลุกแล้วสาวเท้ามายังประตู ใจหนึ่งก็อยากจะรู้นัก ว่าทำไมแม่ถึงมาทุบประตูตอนกลางคืนดึกดื่นอย่างนี้? ป่านนี้ข้างบ้านไม่ตะโกนโหวกเหวกมาว่าเข้าให้แล้วเหรอ? แต่อีกใจหนึ่ง ก็ห่วง ว่าประตูที่กั้นพื้นที่ห้องของเธอไว้นั้น จะพังแหล่มิพังแหล่ลงมาไม่ช้า และนั่น คงเป็นสองเหตุผลเท่านั้นที่ทำให้เธอเดินราวกับวิ่งมายังประตูห้อง

    เปิดออกไป… เจอหญิงผู้เป็นแม่ ทุบประตูอยู่ไม่หยุด…
    “แม่คะ… หยุดทีเถอะ เอยได้ยินแล้วน่า!” เธออาจจะชักรำคาญแล้วสิ
    “ก็แกมัวแต่ทำอะไรอยู่เล่า! เอาแต่ ‘นอน’ นอน นอน นี่! ทำงานทำการ ซะบ้าง! Ku เพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ จะให้ ทำอะไรอีกกัน! Mueng น่ะเคยเห็นใจบ้างไหม!?” อะไรกัน?! เพิ่งกลับมาก็โพล่งเข้าให้เลยหรือ

    “…” ไม่มีเสียงของเธอตอบรับ มีเพียงเสียงน้ำหนึ่งหยดที่ไหลลงมาจากแก้มอันแดงระเรื่อของเธอ พอเงยหน้าขึ้น ก็ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “แม่ตรวจดูรอบบ้านแล้วเหรอยัง?! เมื่อวานก็ทำไปแล้ว ‘เอย’ แทบจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือด้วยซ้ำ! ถามเอยเหรอ? ว่าเคยเห็นใจแม่บ้างไหม? แล้วสิ่งที่เอยทำอยู่ล่ะคะ มันเรียกว่าอะไร! แม่กลับมาแม่ก็เอาแต่ทุบประตูยังงี้ - - นี่คงไปเสียพนันมาอีกล่ะสิ… พอหมดตัวก็ไปร้านเหล้า! บอกว่าไปดื่มให้สะใจ จะได้ลืม ๆ มันได้… แล้วนี่เหรอ! ผลของฤทธิ์เหล้าที่ทำให้ลืมได้น่ะ!” กลิ่นเหล้าก็หึ่งมาแต่ไกล จนเธอจับได้ว่าผู้เป็นแม่ไปทำอะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่แค่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรอก เป็นกิจวัตรของแม่อยู่แล้ว จนเธอจำได้ขึ้นใจ

    “เออ! ให้มันได้ยังงี้ซี่… นังลูกไม่รักดี ถ้า Ku ไม่คลอด Mueng มา Muengคงไม่มานั่งต่อปากต่อเสียงกับ Ku แบบนี้!”

    “ค่ะ!… ใช่ และแม่ก็คงคิดผิดมากที่คลอดเอยมา!”
    ปั้ง!
    ไม่ทันสิ้นเสียง… ประตูก็ถูกกระแทกปิดเสียก่อน คนอารมณ์ร้อนที่เดินออกห่างจากห้องเมื่อครู่หันมามองประตูบานเปล่าที่ลูกสาวตัวเองกระแทกเข้าให้ แต่ก็ไม่ยักจะสนใจ อะไรมากนัก  

    กลับเข้าสู่ความเงียบ ความว่างเปล่า ความเวิ้งว้างอีกครั้ง เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กสาวก็คงมีแต่เพียงเจ้ากระรอกน้อยและสายลมหนาวเท่านั้นที่ได้ยิน ไม่ต่างไปจากละครเลย… เด็กสาวนั่งกอดเข่าพิงประตูและร้องไห้… อีกแล้วเหรอ? แม่ลูกคู่นี้ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ? ทำไมนะ? ไม่รู้จะเข้าข้างใครดี บางครั้งคิด… แม่ทำไมไม่เคยเข้าใจจิตใจลูกบ้าง… น่าจะมีกฎหมายนะ “หากผู้ใดทำร้ายจิตใจของผู้เยาว์ – จำคุก 1 ปี” อื้มคงจะดีไม่น้อย แต่สังคมก็คงจะวุ่นมากทีเดียว  เด็กสาวร้องไห้จนถึงเช้า… หลับไป… ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ‘ไม่มีอะไรเกิดขึ้น’ เธอยังคงทำตัวเหมือนอย่างทุก ๆ วัน

    กุมภาพันธ์ ผ่านไป… ย่างเข้าการปิดเทอมอย่างแท้จริง
    มีนาคม… ก็สิ้นสุด
    เดือน : เมษายน

    28 เมษายน… เอ?! ทำไมฉันถึงพิมพ์วันนี้ขึ้นมาล่ะ? ไม่รู้สิ… ใช่ฉันไม่รู้ แต่เอยต้องรู้แน่ว่าทำไม
    ~ กริ๊ง ๆ ~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความสงบในยามเช้าวันที่ 28
    ~ กริ๊งงงงงงงงง ~
    เด็กสาวในชุดนอนตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย และเพิ่งนึกได้ ว่าใครมาคนโทรมาปลุกแต่เช้าเชียว… บิดขี้เกียจสักนิด ค่อยเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ โซฟา

    “ฮัลโหล…” เสียงก็ตามประสาคนง่วงนอน  
    “สวัสดีค่ะ ขอสาย ‘เอย’ ด้วยค่ะ?” เสียงทางนู้นดูร่าเริงดีจัง
    “ฮ้าว… พูดอยู่ค่ะ พูดอยู่ ว่าแต่นั่นใครเหรอ??” เด็กสาวรีบเปลี่ยนเสียงให้เป็นเสียงปกติ
    “แฮปปี้ เบิร์ดเดย์จ๊ะ เอย”

    จากคุณ : invisible_TJ - [ 27 ก.ย. 46 17:45:15 ]