ไซออกมายืนคอยรถเมล์อยู่นานแล้ว ยืนเหงา ๆ อยู่ลำพังคนเดียว เหลือบมองป้ายรถประจำทางที่ยืนแข็งทื่ออยู่ริมฟุตบาทด้วยสายตาหม่นหมอง ต้นไม้ใหญ่ยืนตระหง่านเคียงข้างเป็นเพื่อนเจ้าป้ายรถประจำทางอันนั้น สุดชายคาตึกที่ปิดประตูเงียบเฉียบไปเป็นทุ่งโล่ง มองเห็นป้ายโฆษณาอันใหญ่มหึมาอยู่ใกล้ๆ ถัดจากต้นไม้ใหญ่เล็กน้อย แดดที่เคยจัดจ้ายามใกล้เที่ยงซ่อนตัวอยู่ใต้กลีบเมฆสีเทาหนาทึบ ทำให้บรรยากาศทั่วไปดูมืดทมึนไป
สีหน้าของเขาหม่นมัวพอ ๆ กับบรรยากาศรอบข้าง สักครู่ใหญ่เขามองเห็นเพื่อนสาวเดินตรงมา
เธอนั่นเอง
.
คงมายืนคอยรถเมล์เหมือนกัน เขาเคยเห็นเธอบ่อย ๆ เพราะอยู่โรงเรียนเดียวกัน เพียงแต่คนละห้อง ได้ยินเพื่อน ๆ ที่รู้จักกับเธอเรียกเธอว่า "กริ่ง"
เขาอยากรู้จักเธอ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะส่งยิ้มให้เธอหรือ ก็กลัวโดนว่า หาว่าทำตาเจ้าชู้ สะเออะจะเข้าไปจีบเธอ ดูท่าทางเธอคงไม่ชอบ จะเข้าไปทักทายก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จริงอยู่เขายืนอยู่ดี ๆ ไปยิ้มให้ เข้าไปทักทาย เธอจะคิดยังไง ดูท่าทางเธอก็บอกว่าเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใครซะด้วยสิ เธออาจจะเดินหนีหรือไม่ก็ยืนทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ ทางที่ดีเขาควรจะยืนอยู่เฉย ๆ ดีกว่า แล้ววันนี้เขาเองก็มีเรื่องกลุ้มอยู่ในหัวมากพออยู่แล้ว มากเกินกว่าที่จะสนใจเรื่องอื่น ๆ อีก
ลมเริ่มพัดแรงขึ้นคล้ายฝนจะตก กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ข้างป้ายรถเมล์แกว่งไกวไปมา เกิดเสียงใบไม้เสียดสีกัน ฟ้ามืดมัวลงกว่าเดิม เหมือนฟ้าบีบตัวลดต่ำลงมา เศษใบไม้แห้ง ขี้ดิน ขี้ฝุ่น และเศษขยะเบา ๆ ถูกลมหอบปลิวฟุ้งกระจายในอากาศ บรรยากาศเปลี่ยนจากความเงียบเหงาซึมเซาจนดูน่ากลัว
กริ่งเดินออกจากชายคาตึกไปหยุดอยู่ริมฟุตบาท ชะเง้อมองรถเมล์ สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวล เธอคงกลัวไปเรียนไม่ทัน เขาคิด ต่างกับเขา วันนี้เขาไม่อยากไปเรียนเลย แล้วเธอก็เดินกลับเข้ามาตามเดิม หลังจากไม่เห็นรถเมล์สักคัน แต่ครู่หนึ่งก็เดินออกไปใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกการเคลื่อนไหวของเธออยู่ในสายตาเขา เธอยืนอยู่ตรงนั้นใกล้กับป้ายรถเมล์ ยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างเคือง ๆ ฝุ่นผงที่ปลิวเข้าตา
ไซเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มปั่นป่วนขึ้นทุกที ๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ป้ายโฆษณาอันใหญ่ มันสั่นเบา ๆ ไหวตามแรงลมเล็กน้อย อยู่ ๆ เกิดลมพัดกระโชกมาอย่างแรง เกิดเสียงหวีดอื้ออึ้งอล
ทันใดนั้น!!
เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจสุดขีด!!
เมื่อเหล็กท่อนเหลี่ยม ๆ ฐานรองรับน้ำหนักของป้ายขยับ! แล้วเอนล้มมาทางที่เพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับเขายืนอยู่!!
"อันตราย!
เขาหันขวับไปมองเธอ
ระวัง!! หลบไป
.!!!!!"
เขาตะโกนบอกสุดเสียง
.!!!
พลางวิ่งเข้าไปดึงเธอที่ยืนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามาหลบใต้ชายคาตึกได้ทัน ก่อนที่ป้ายนั้นจะล้มครืนลงมาโครมใหญ่ ทับต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น และป้ายรถประจำทาง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ชิ้นส่วนของป้ายกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง และมีบางส่วนกระเด็นมาเฉียดร่างของทั้งสองที่หลบซุกตัวอยู่ใต้ชายคาตึกไปอย่างหวุดหวิด
ไซโอบร่างกริ่งไว้ในวงแขน เอาลำตัวบังเธอไว้ มือข้างหนึ่งกดศีรษะเธอก้มลงต่ำ ลมพัดทั้งฝุ่นทั้งขี้ดินปลิวว่อนกระจายไปทั่วบริเวณ
เสียงเบรคยาว
..!!! ของรถยนตร์ดังลั่นถนน เสียงกรี๊ดของคนในรถประจำทาง เสียงเอะอะโหวกเหวกโวยวายของคนที่ตกอกตกใจดังเซ็งแซ่ไปหมด แทบจับไม่ได้ศัพย์ว่าเป็นเสียงอะไรต่ออะไร
เขานั่งตาค้างมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจหายใจคว่ำ เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ สงบลง และแน่ใจว่าปลอดภัย จึงปล่อยมือจากร่างที่โอบไว้
"ไม่เป็นไรแล้วครับ ปลอดภัยแล้ว" เขาตบหลังเธอเบา ๆ
กริ่งค่อย ๆ ขยับตัวถอยออกมา พลางมองหน้าเขาอย่างมึนงง
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!"
เธอหันไปมองสภาพรอบตัว สีหน้านั้นซีดเผือดลงอย่างตกใจ เมื่อมองเห็นต้นไม้ใหญ่และป้ายรถประจำทางอันนั้นหักงอบิดเบี้ยวอยู่ใต้ซากเหล็กดุ้นเขื่องของป้ายโฆษณาที่เธอยืนอยู่แถวนั้นเมื่อครู่นี้
"ขอบใจนายมากนะที่ช่วยฉันไว้ ไม่งั้นฉันคง..."
ทั้งคู่ลุกขึ้นยืน
"บางที
.ถ้าผมแบนอยู่ใต้นั้นคงดี
"
ไซก้าวข้ามเศษป้ายที่กระเด็นมากองอยู่แถวนั้น
"ทำไมพูดยังงั้นล่ะ" คิ้วเรียวนั้นขมวดเข้าหากัน ดวงตาเธอฉายแววไม่เข้าใจ
ไซหัวเราะหึ ๆ อยู่ในลำคอ
"ช่างเถอะ อย่าสนใจเลย ผมพูดเล่น" เขาสาวเท้าไปข้างหน้า มองป้ายใหญ่มหึมาที่ล้มคว่ำอยู่ตรงหน้ากินพื้นที่เข้าไปในถนนจนเกือบข้ามไปอีกฝั่งของถนน ก้อนดินติดอยู่ที่ฐานป้ายเป็นกระจุก ๆ เรียกว่า ถอนรากถอนโคนออกมาเลย
"นายคงมีเรื่องกลุ้มใจสิ คนเราไม่มีใครพูดเล่นแช่งตัวเองหรอก" เธอยังไม่หายสงสัย
"ดูนั่นสิ!" เขาเปลี่ยนเรื่องชี้ให้เธอดูเสาไฟฟ้าที่หักโค่นล้มเป็นแถบ ๆ เนื่องจากป้ายยักษ์ล้มทับสายไฟที่ขึงตึงอยู่ระหว่างเสาไฟฟ้าแต่ละต้น จึงดึงรั้งจนเสาไฟฟ้าหักโค่นตาม เป็นแถวต่อเนื่องกันยืดยาว
สภาพท้องถนนอยู่ในภาวะที่ใช้การไม่ได้ รถติดแหงก และจอดนิ่งอยู่อย่างนั้นไปตลอดแนวของถนน ยาวสุดสายตาเท่าที่สามารถมองเห็นได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้ามาจัดการเรื่องสายไฟ บริเวณนั้นไฟฟ้าถูกตัดดับหมด
"นายดูรถคันนั้นสิ คนขับจะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย น่าสงสารจังเลยเนอะ" กริ่งมองเห็นรถคันหนึ่งอยู่ใต้เสาไฟฟ้าที่หักล้มโค่นลงมา หลังคาด้านคู่กับคนขับยุบไปซีกหนึ่ง
"เขามีกฎหมายที่ใช้ควบคุมป้ายพวกนี้หรือเปล่านะ" เธอหันไปขอความเห็น
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขานิ่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอถาม ทั้ง ๆ ที่เขาเคยอยากรู้จักอยากคุยกับเธอแต่ไม่มีโอกาส พอโอกาสมาถึง เขากลับมีเรื่องกลุ้มใจจนไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น ทำไมเธอไม่เข้ามารู้จักเขาก่อนหน้านี้ ทำไมเราต้องมารู้จักกันตอนนี้ ตอนที่เขากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ เขากลัวจะทำให้เธอรู้สึกแย่ ๆ ตามไปด้วย ปรายสายตามองคนที่เดินตามมา เธอดูเงียบขรึมกว่าเดิม เขาไม่ได้ยินเสียงใส ๆ ของเธออีกเลย เขารู้สึกอยากจะขอโทษที่ไม่ได้ใส่ใจ หรือสนใจในคำพูดของเธอที่คอยถามไถ่และขอความเห็น
ทั้งคู่เดินเรียบริมถนนไปเรื่อย ๆ ทิ้งภาพโกลาหลวุ่นวายไว้เบื้องหลัง จนถึงป้ายรถประจำทางที่การจราจรเริ่มใช้การได้แล้ว
==========
สวัสดีค่ะทุกคน เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สบายดีกันรึเปล่าเอ่ย... หวังว่าคงสบายดีกันทุกคนนะ ^ _ ^
จากคุณ :
ริเศรษฐ์
- [
28 ก.ย. 46 10:46:48
]