@^0^@เรื่องรักวันรับน้อง ตอนที่ 4/2 ค่ายดูนก(จะพบนกหรือจะพบรัก) @^0^@

    @^0^@เรื่องรักวันรับน้อง ตอนที่ 4/2  ค่ายดูนก(จะพบนกหรือจะพบรัก) @^0^@


    และแล้วการเดินทางก็สิ้นสุด เมื่อรถหยุดหน้าเรือนพักรับรอง
    ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างจังหวัดสงขลา  
    สต๊าฟค่ายจัดแจงแบ่งห้องพักแยกชาย - หญิง ให้น้องๆ
    พร้อมแจ้งกำหนดการของค่ายคร่าวๆ  สมาชิกค่ายไม่ต้องเตรียมทำอาหารเอง
    เนื่องจากสต๊าฟได้สั่งอาหารมื้อกลางวันและเย็นทุกวันตลอดระยะเวลาของการเข้าค่าย
    ดังนั้นสมาชิกของค่ายจึงดูไม่วุ่นวายนักกับการเตรียมอาหาร
    เมื่อเทียบกับค่ายอนุรักษ์ฯหรือค่ายอาสาฯ
    ทั้งนี้เพราะตัวแปรสำคัญของการดูนกคือเวลา ซึ่งมักจะเป็นเช้าตรู่ถึง 10 หรือ 11 โมงเช้า
    และเริ่มอีกครั้งเมื่อเวลา 14 นาฬิกา

    หลังจากที่สมาชิกค่ายอิ่มกันถ้วนทุกคนแล้ว
    พี่สต๊าฟก็สอนการใช้กล้องส่องทางไกล ซึ่งเป็นกล้อง 2 ตาที่เรียกว่า   Binocular
    แรกสุดต้องปรับระยะห่างของตาทั้งสองข้าง
    โดยปรับโค้งลำกล้องให้ภาพในกรอบเป็นวงเดียว
    จากนั้นปรับระยะโฟกัส
    โดยการปิดตาซ้ายปรับให้ตาขวามองภาพชัด แล้วจึงเปลี่ยนปิดตาขวา
    ปรับตาซ้ายให้มองชัด  นอกจากนี้ยังมีกล้องตาเดียว(Telescope) ซึ่งใช้ในการส่องนกจากที่ไกลมากๆ

    การใช้คู่มือ คือ  A guide to the Birds of Thailand
    ซึ่งเรียบเรียงโดย นายแพทย์บุญส่ง  เลขะกุล(บิดาแห่งการอนุรักษ์นกไทย)
    และ Philip  D.  Round
    การใช้คู่มือจะดูจากรูปร่างและขนาดของนกที่เจอ
    แล้วเปรียบเทียบกับสารบัญภาพในหน้าแรก
    แล้วจึงสังเกตสีและลายบนตัวนก หลังจากภาควิชาการจบลง
    มีการแนะนำตัวและเล่นเกมเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของสมาชิกค่าย  
    ท้ายสุดก็แยกย้ายกันเข้านอนโดยสต๊าฟไม่ลืมย้ำว่าพรุ่งนี้ 6 โมงครึ่ง
    ทุกคนต้องพร้อมทานอาหารเช้าที่โต๊ะยาวหน้าเรือนพัก
    และ 7 โมงเช้าจะเริ่มกิจกรรมดูนกกัน

    " นี่ฉันมิต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 หรือนี่  โอ...พระเจ้า "  อ้อพึมพำ

    " น่า เห็นนกสวยๆแล้วจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง " แป้งปลอบ

    " แหม  ถ้าคนที่ดูนกข้างๆหล่อๆ ก็ว่าไปอย่าง "

    " คงเจอหรอก คนหล่อๆของแกน่ะ มาดูนกนะยะ ไม่ได้มาหาแฟน "

    " ก็ไม่แน่หรอก เผื่อฟลุ้ค " อ้อยังหวัง

    " เออ ฉันจะคอยดู นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่ตื่น "



    " ไหน ใครบอกว่า พี่วินทร์มาด้วยไง ทำไมไม่เห็น " นุชซึ่งเป็นประธานค่ายเอ่ยถาม
    ด้วยการออกค่ายของชมรมทุกครั้ง  หากมีพี่ปี 3 ปี 4 มาด้วยน้องๆที่ทำค่ายจะรู้สึกอุ่นใจ
    และมีกำลังใจขึ้นเป็นกอง

    " เห็นตามพี่หนึ่งไปถ่ายรูปรังนกกางเขนน้ำหลังแดงน่ะ พี่พลก็ไป " มีเสียงตอบจากสต๊าฟค่าย

    " นี่มันจะห้าทุ่มแล้วนะ  กินข้าวกันหรือยังไม่รู้ "

    " ข้าวคงไม่กิน แต่สงสัยกินยอดข้าวแทน ยิ่งไปกับพี่พลนะ  ชัวร์ " บอลสต๊าฟอีกคนตอบ

    " สงสัยกินที่บ้านพี่หนึ่งแล้วมั้ง " พี่หนึ่งที่นุชเอ่ยถึง
    เป็นเจ้าหน้าที่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้
    สนิทสนมกันดีกับสมาชิกชมรมดูนก สุดท้ายตกหลุมลวงของน้องๆที่ต้องการประหยัด
    ค่าตอบแทนวิทยากร ต้องตามไปเป็นนักศึกษาปริญญาโท  สาขานิเวศน์วิทยา

    " นั่นไงมาแล้ว   กินข้าวกันหรือยังพี่ " บอลถามชายหนุ่ม 2 คนที่เดินตรงมายังเรือนพัก

    " เรียบร้อยแล้ว  เข้านอนกันหมดแล้วสิ " วินทร์ถามเมื่อเห็นบนเรือนปิดไฟเงียบ

    " ไล่ไปนอนหมดแล้วพี่ " นุชตอบ

    " มีน้องน่ารักๆ สวยๆ มั่งเปล่า " พลถาม

    " นี่ เฮีย  จุดมุ่งหมายของค่ายน่ะ มาดูนกนะ ไม่ได้มาดูสาว " นุชที่เป็นประธานค่ายบอกย้ำถึงจุดประสงค์

    " เจ้านุช  สำหรับพี่  ดูสาวเป็นหลัก  ดูนกเป็นรองโว้ย  แล้วไม่ต้องเรียกเฮีย
    พี่ไม่มีเชื้อจีน เผื่อเอ็งเรียกเสียงเพื้ยนไปนิด
    มันจะกลายเป็นอย่างอื่น " พลแจ้งจุดประสงค์หลักของตนเช่นกัน

    " กลัวเพื้ยนไปเป็น" ยังไม่ทันที่บอลจะพูดจบ

    "หยุดเลย ไอ้บอล เดี๊ยะ โดน " พลขู่บอลพลางยกเท้าหมายจะเตะ หากคนเป็นน้องรู้ทัน
    กระโดดหลบไปอยู่ข้างหลังวินทร์

    " โว้ย  อะไรวะ  กัดกันอยู่ได้ เรื่องเดียวที่ไปด้วยกันได้ คือ ชวนกันไปหลีสาว "
    วินทร์บ่นเล่นๆมากกว่ารำคาญอย่างจริงจัง

    "พี่เดี๋ยวขึ้นไปนอนกันข้างบนนะ นุชจองไว้ให้แล้ว "

    " ไม่ต้องหรอก  เดี๋ยวพี่กะไอ้พลจะผูกแปลนอนหน้าเรือนนี่แหละ
    ฟ้าโปร่งจะได้ดูดาวด้วย ไป นอนไป๊ พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้า "
    วินทร์โบกมือไล่รุ่นน้องไปนอน หากยังกำชับยาวเหยียดต่อ

    " เรื่องกล้องกับหนังสือเช็คไว้ด้วย ของกินตอนเช้าจัดไว้เลย พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องยุ่ง
    ถ้ามีปัญหาก็คุยกับกรรมการค่าย แก้ปัญหากันเอง พิสูจน์ฝีมือชาวดูนกรุ่นใหม่กันหน่อย "

    " ได้เลยพี่ ให้รู้กันไปเลย รุ่นพี่กับรุ่นนุช ใครจะแน่กว่าใคร " นุชท้า

    หากใจรู้คำตอบอยู่แล้ว ก็ใครจะไปแน่สู้รุ่นพี่วินทร์ได้ รุ่นบุกเบิกถางทางให้น้องๆ
    ได้มีห้องชมรมใช้ ได้เรียกตัวเองว่าชมรมดูนกอย่างเต็มภาคภูมิ  
    มิใช่แค่กลุ่มดูนกอย่างเมื่อก่อน

    นุชยังจำได้พี่ๆเล่าว่า สภานักศึกษาไม่ยอมให้ดูนกเป็นชมรมด้วยมีชมรมอนุรักษ์ฯอยู่แล้ว
    ธรรมนูญของชมรมใกล้เคียงกัน ชมรมอนุรักษ์ฯน่าจะครอบคลุมถึงการดูนกด้วย  
    หากพี่ๆก็ร่วมแรงร่วมใจงัดธรรมนูญออกมาร่างใหม่ จัดดูนกให้เป็นชมรมทางด้านวิชาการ
    เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการอนุรักษ์ นั่นล่ะ ถึงผ่านมติของสภานักศึกษา
    ยอมให้ดูนกเป็นชมรม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักกิจกรรมทั้งหลายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้



    6 โมงครึ่งโดยประมาณ สมาชิกค่ายก็จัดการให้ตัวเองอิ่มท้องด้วย  กาแฟ  โอวัลติน
    มีขนมปังและแยมหลากหลายชนิดให้เลือก ตามความชอบตามความพอใจของแต่ละคน
    บางคนอาหารเช้าเวลา 6 โมง  อาจดูเร็วไปนัก  
    หากพี่สต๊าฟก็แนะให้เตรียมขนมปังและน้ำใส่เป้
    เข้าป่าไปด้วย เพียงแต่ขออย่าทิ้งขยะไว้ในป่าเท่านั้น

    แป้งและอ้อมีกาแฟคนละแก้วในมือ แป้งเดินนำอ้อหมายจะไปนั่งใต้ต้นไม้หน้าเรือนพัก  
    หากเมื่อเดินเข้าไปใกล้  สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้เท้าที่จะก้าวต่อไปต้องหยุดชะงัก

    " โอ้ย! หยุดก็ไม่บอกล่วงหน้าเลยนะแก  กาแฟแทบหก " อ้อที่เดินตามมาติดๆเบรคแทบไม่ทัน

    เสียงโวยวายของอ้อ ทำให้วินทร์ซึ่งนั่งก้มหน้าเช็ดกล้องอยู่ เงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง
    เมื่อเห็นเป็นใครจึงส่งทั้งยิ้มและเสียงทัก

    " ไง "

    " พี่วินทร์ก็มาเหรอคะ ทำไมเมื่อวานไม่เจอ " อ้อถามพลางก้าวเข้าไปนั่งข้างๆ

    " อ้าว มาดิแป้ง แกจะยืนกินกลางลานนั่นเรอะ หรือว่าหุ่นดีมั่นใจมากจะยืนโชว์หรือไง "

    แป้งจำใจต้องเดินเข้าไปนั่งข้างๆอ้อ หากสายตาก็เหลือบไปมองคนตัวสูง
    และทันเห็นรอยยิ้มมีแววชอบใจ
    นั่นยิ่งทำให้แป้งแค้นเพื่อนตัวดีหนักเข้าไปอีก
    ยัยอ้อนะยัยอ้อ  อยากคุยกับอีตาบ้านี่นักหรือไง
    เชอะ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย คิดพลางก็หันไปชมนกชมไม้รอบตัว

    " มาเมื่อไหร่คะ ทำไมเมื่อวานอ้อไม่เจอพี่ล่ะ "  อ้อซักต่อ

    วินทร์มองคนที่เพลิดเพลินกับต้นไม้ใบหญ้าข้างๆตัว แล้วตอบด้วยเสียงค่อนข้างดัง
    หวังให้คนที่ไม่อยากร่วมวงสนทนาได้ยิน

    " พี่ตามไปถ่ายรูปรังนกกางเขนน้ำหลังแดงกับลูกเลยกลับมาค่ำ "

    คนที่ไม่สนใจในตอนแรกหากคราวนี้ดูจะเปลี่ยนใจ หันขวบกลับมาแทบจะทันทีที่ได้ยิน
    ' นกกางเขนน้ำหลังแดงกับลูก '  วินทร์รีบก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม  ทำทีสนใจกล้องในมือต่อ
    โธ่ ! ถ้าแม่เจ้าประคุณเห็นเขายิ้ม  เดี๋ยวเจ้าหล่อนก็งอนอีก คนอะไรงอนเก่งชะมัด

    อ้ออมยิ้มหันไปมองเพื่อนแถมยักคิ้วให้คล้ายถาม  ' ไงยะ ทีเมื่อกี้ทำเป็นไม่สนใจ '
    แป้งทำตาเขียวใส่เพื่อนพร้อมพยักเพยิดหน้าให้อ้อถามต่อ  
    หากอ้อดูจะเหมือนอยู่คนละฝ่ายเสียแล้วจึงทำไม่รู้ไม่ชี้  ในที่สุดแป้งก็ยอมแพ้

    " แล้วไง......คะ " หางเสียงขาดช่วงและแผ่วเบาคล้ายคนพูดไม่ตั้งใจเอ่ย หากคนฟังยังจับพยางค์สุดท้ายนั่นได้

    " แล้วไง "  วินทร์เงยหน้า  เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    " เรื่องนกไงคะ "

    " อ๋อ เจ้า Chestnut-naped Forktail นี่เหรอ "  วินทร์บอก เมื่อเห็นสายตาส่งแววสงสัยสองคู่ก็ยิ้มแล้วเล่าต่อ

    " นั่นคือชื่อสามัญ นักดูนกจะใช้ชื่อสามัญในการเรียกชื่อนก เพราะไม่ว่านักดูนกชาติไหน
    ใช้ภาษาอะไร จะได้เข้าใจได้ตรงกัน  ส่วนกางเขนน้ำหลังแดงน่ะ เป็นชื่อไทย
    คิดว่าคงเรียกตามจุดเด่นที่อยู่บนตัวนก คือมีขนที่หัวและหลังสีน้ำตาลอมส้ม  
    เดี๋ยวพี่จะเปิดรูปให้ดู "

    วินทร์เอื้อมมือไปหยิบคู่มือดูนกเล่มใหญ่ที่วางไว้ข้างๆตัว  เปิดรูปนกกางเขนน้ำหลังแดงให้สองสาวดู

    " ชื่อนกก็บอกอยู่แล้วว่า กางเขนน้ำ เพราะฉะนั้น เราจะพบได้ตามลำธาร  
    มันมักจะบินต่ำเฉียดผิวน้ำ หาอาหารซึ่งก็คือ สัตว์น้ำเล็กๆ กุ้ง หอย
    รังของมันทำจากมอสแล้วก็รากฝอยของต้นไม้ อยู่ในโพรงระหว่างเนินดิน "

    " อยู่บนดิน " แป้งถามย้ำอย่างไม่เชื่อ

    " ใช่  นกบางขนิดไม่ได้ทำรังบนต้นไม้ อย่างนกคุ่ม นกกระแตแต้แว๊ด และนกแอ่นทุ่ง  
    ก็อยู่ตามพื้นดิน แน่ะ ! เขากำลังแยกกลุ่มดูนกกันแล้ว "

    " ทำไมต้องแยกคะ "  อ้อสงสัย

    " 30 คน เยอะไปเดี๋ยวนกตื่น จะไม่เห็นอะไรน่ะสิ "  วินทร์ตอบ

    " งั้นแป้งกะอ้อ อยู่กลุ่มพี่วินทร์แล้วกัน จะได้มีคนอธิบาย เนอะแป้งเนอะ "
    อ้อที่ตอนแรกดูจะไม่สนใจดูนกนักหากตอนนี้ออกนอกหน้าเสียจนแป้งหมั่นไส้  
    เฮ้อ! ไปกลุ่มไหนก็ได้ทำไมต้องไปกับอีตานี่ด้วย

    และแล้วนกชนิดแรกที่มาให้นักดูนกมือใหม่อย่างแป้งทดสอบสายตาก็คือ
    นกพญาไฟใหญ่   แป้งหันไปมองรอบตัว
    ก็เห็นเพื่อนๆในกลุ่มยกกล้องขึ้นส่องไปยังต้นไม้ตรงหน้า
    แล้วถอนหายใจ ทำไมฉันหาไม่เจอว้า

    " หาไม่เจอล่ะสิ "  เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลัง

    " ยกกล้องขึ้นส่องเร็ว สีแดงกะเหลือง  สวยเชียว "

    เสียงนั่นทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวหนีหยุดชะงัก แล้วเจ้าของเท้าก็ยกกล้องขึ้นตามคำสั่ง

    " ส่องตามแนวต้นไม้ข้างหน้า ไต่ขึ้นไปจนถึงกิ่งที่ 4 แยกออกไปทางซ้าย
    แพนกล้องตามกิ่งไปเรื่อยๆเห็นยังประมาณ 10 นาฬิกาน่ะ  มีนกสีเหลืองกะสีแดงเกาะอยู่ 3 - 4 ตัว "

    " เห็นแล้วค่ะ สวยจัง " เสียงหวานใสที่พึมพำออกมานั้นทำให้วินทร์ลดกล้องในมือลง
    มองเจ้าของเสียงแล้วต้องอมยิ้ม  ยัยแก่น  ในตอนนี้ดูไม่มีความแก่นหลงอยู่เลย

    " เอาล่ะ จำรูปร่างจำสีและลายเอาไว้แล้วดูคู่มือ จำได้ไหมที่พี่สต๊าฟบอกเมื่อวาน "
    วินทร์ถาม  

    คนตัวเล็กที่ตายังมองผ่านกล้องพยักหน้ารับ

    " สีแดงสดเชียวค่ะ ตรงหัวกับตรงหลังมีสีดำ "

    " แล้วปีกล่ะ "

    " ปีกมีสีดำค่ะ ตรงกลางปีกสีแดง "

    " ดูหน้าปกคู่มือสิ  ใช่หรือเปล่า " คนตัวเล็กพลิกหน้าปกคู่มือดู

    " ใช่ค่ะ โห  นี่เราเจอตัวที่อยู่หน้าปกเลยเหรอคะ "

    " ใช่ พญาไฟใหญ่  (Scarlet Minivet) "

    " สีแดงเนี่ยตัวผู้ ส่วนสีเหลืองตัวเมีย ใช่เปล่าคะ " แป้งถามก้มลงอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับนกในคู่มือ

    " ใช่ "

    " สวยจังค่ะ  ไม่คิดว่าจะรู้สึกดีอย่างนี้ที่เห็นนกสวยๆ ในป่า ไม่ใช่เห็นจากในกรง ในสวนสัตว์ "

    คนพูดชักสงสัย ' รู้สึกดี ' เพราะเห็นนกสวยๆเท่านั้น หรือรวมคนที่ยืนข้างๆด้วย

    " ก็มาดูบ่อยๆสิ ถึงไม่มีค่าย  ที่ชมรมฯก็รวมกลุ่มกันดูนกเป็นประจำ ไปเถอะ  เขาย้ายไปดูที่อื่นแล้ว "

    เดินต่อมาได้ไม่นาน กลุ่มดูนกก็พบ นกขมิ้นท้ายทอยดำ
    สีเหลืองโดดเด่นเกาะอยู่บนต้นไทร
    มีแถบสีดำคาดที่ท้ายทอยสมชื่อ  

    นกพญาไฟสีเทา  ตัวนี้ก็เทาสมชื่อเช่นกัน หากด้านล่างของลำตัวและหน้าผากมีสีขาว  

    นกหกเล็กปากแดง ซึ่งเป็นนกแก้วขนาดเล็ก ลำตัวมีสีเขียวสด  ท้องมีสีเขียวอมเหลือง
    ห้อยหัวลงมาจิกกินผลไม้  

    เหยี่ยวนกเขาชิครา  ที่เกาะนิ่งอยู่บนยอดไม้  ตัวนี้แป้งไม่ค่อยชอบนัก
    เพราะมีสมญา ' เพชฌฆาตแห่งเวหา ' มักจะขโมยลูกนกกระจอกกิน  
    แม้จะได้รับคำอธิบายว่าเป็นการควบคุมปริมาณนกกระจอก  ธรรมชาติควบคุมธรรมชาติให้อยู่ในสมดุล  

    นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ ที่มีสีดำทั้งตัว หางยาวด้านท้ายหยักลึก มีนิสัยเกเร ท้าตีท้าจิกนกตัวอื่น
    ที่ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขต



    จากคุณ : อุณากรรณ - [ 28 ก.ย. 46 19:33:44 A:172.181.166.177 X: ]