=[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 21/1 ห้วงคำนึงระหว่างเป็นตาย

    ยอดเขาบู๊ตึ๊งตั้งตระหง่านอยู่สูงนับหมื่นวา ยอดเขาเมื่อสูงชัน หุบเหวยิ่งลึกล้ำ ลึกล้ำเพียงใดดูได้จาก ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิตเมื่อพลัดหล่นลงไปจะกลับกลายเป็นไม่มีชีวิต ดังนั้นที่ก้นหุบเหวแม้กว้างใหญ่แต่กลับปราศจากสิ่งมีชีวิตต่างๆ จะมีข้อยกเว้นอยู่เพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ...ใต้หุบเหวนี้กลับเจริญไปด้วยพืชพรรณที่ยากพบในที่อื่น พืชพรรณเหล่านี้ใช่มีขีดความสามารถในการดิ้นรนมีชีวิตสูงกว่าผู้อื่น? หรือเพียงเพราะมันขาดความสามารถในการเคลื่อนไหว จึงต้องจำยอมอยู่ที่นี่?

    แต่ไม่ว่าเพราะสาเหตุใด พวกมันก็สามารถเจริญเติบโตในที่นี้ เพียงแต่เพลานี้กลับมีที่ผิดแผกไปจากเดิม เพราะเวลานี้ก้นเหวที่ควรมีแต่พวกมัน กลับเพิ่มร่างของคนผู้หนึ่ง ซึ่งบนร่างของคนผู้นี้มิเพียงประกอบไปด้วยร่างที่โชกไปด้วยโลหิต และเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ลมหายใจของมันยังแผ่วล้าจนแทบขาดห้วงเสียด้วยซ้ำ และคนผู้นี้ย่อมเป็น...เสี่ยวซา!


    ฉับพลัน ปรากฏกิ่งใบของต้นไม้ต้นหนึ่งพลันขยับเคลื่อนไหว หรือพวกมันบังเกิดความเบื่อหน่ายกับสถานที่นี้ จึงคิดโยกย้ายจากไปเสีย? คำตอบคือมิใช่เช่นนั้น เพราะหากมันสามารถโยกย้ายไปได้ คงไปเสียแต่เนิ่น ไม่รอจนถึงบัดนี้ ถ้าอย่างนั้นเหตุใดยามนี้จึงเคลื่อนไหว? หรือที่จริงพวกมันสามารถเคลื่อนไหว ยามนี้เมื่อปรากฏสิ่งแปลกปลอมขึ้น จึงคิดโยกย้าย?

    แท้จริงแล้วพวกมันมิได้เคลื่อนไหว เพียงแต่ผู้ที่เคลื่อนไหวนั้นขยับไปมาอยู่บนกิ่งก้านของพวกมัน! เสี่ยวซาประคองร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ทั่วร่างปวดแปลบคล้ายจะแตกสลายเป็นเสี่ยง สมองมึนงงคล้ายถูกกดทับด้วยสิ่งของหนักอึ้ง ทว่าด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นจึงทำให้มันสามารถประคองลมหายใจอยู่ได้

    เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสหายและผู้มีพระคุณ! มันมิเพียงมิอาจตาย ยังต้องรอดพ้นไปจากที่นี่อีกด้วย! ทว่าด้วยสภาพที่อับชื้นและมืดมิดจนมิเห็นแสงเดือนแสงตะวัน กลับเป็นอุปสรรคต่อมันมิใช่น้อย

    หลังจากอาศัยความพยายามในการคืบคลานไปบนพื้นที่ชื้นแฉะและรกครึ้ม เสี่ยวซาค่อยๆหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า ความเหน็ดเหนื่อยและอาการเสียเลือดมากเริ่มก่อกวนให้เด็กหนุ่มรู้สึกเลอะเลือน ขณะนั้นภาพความหลังต่างๆตั้งแต่สมัยเด็กพลันผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ตั้งแต่เริ่มกำพร้าอาศัยอยู่อย่างแร้นแค้นและอดอยาก ใช้ชีวิตอดมื้อกินมื้อ ถูกเด็กที่โตกว่าทุบตี ทารุณต่างๆนาๆ

    ภาพต่อมากลายเป็นบ่ายวันหนึ่งในฤดูหนาวหิมะโปรยปราย  มันเก็บได้ขนมเปี๊ยะก้อนหนึ่ง ขนมเปี๊ยะที่เปรอะเปื้อนและเย็นชืด ทว่านับเป็นอาหารมื้อแรกในรอบสามวันของมัน เสี่ยวซาถือขนมเปี๊ยะด้วยมือเล็กๆ ที่ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ขณะจะขบเคี้ยวกินลงไป พลันปรากฏมืออีกข้างหนึ่งช่วงชิงขนมเปี๊ยะก้อนนั้นไป เสี่ยวซารีบไขว่คว้าหวังแย่งขนมชิ้นนั้นกลับมา ทว่ามิเพียงไม่ได้ขนมก้อนนั้น กลับถูกผลักจนกระเด็นล้มกลิ้งไปกับพื้น ร่างผอมบางปลิวกระเด็นไปกับพื้นหิมะ ความหนาวเย็นแผ่ซ่านผ่านเสื้อผ้าอันบางเบาเข้ามา จนรู้สึกเย็นเยียบไปถึงกระดูก มันพยายามเงยหน้ามองคนผู้นั้น ในที่สุดพบว่าเป็นเด็กจรจัดซึ่งสูงวัยกว่ามันสองสามปี จัดว่าเป็นเจ้าถิ่นอยู่ในแถบนั้น

    เสี่ยวซาย่อมไม่มีปัญญาช่วงชิงขนมคืนจากเจ้าถิ่นผู้นั้น ยามนี้กระทั่งคิดยืนหยัดลุกขึ้นยังไม่มีปัญญา มันทอดร่างอยู่บนพื้นหิมะ ปล่อยให้หิมะโปรยปรายครอบคลุมลงบนร่าง หิมะแม้หนาวเย็นทว่าจิตใจของมันกลับเย็นเยียบยิ่งกว่า เวลานั้นมันได้แต่คิดว่าหากแม้นมีชีวิตอยู่เยี่ยงนี้ มิสู้ตกตายแต่เนิ่นจึงประเสริฐกว่า? ดังนั้นมันมิคิดยืนขึ้น


    แต่แล้วมันกลับมิตายลงไปอย่างที่คิด เนื่องเพราะมีบุคคลผู้หนึ่งผ่านมาพบ และเป็นผู้ฉุดดึงมันขึ้นมา มิเพียงฉุดดึงขึ้นจากหิมะ ยังฉุดมันขึ้นจากความตายและความสิ้นหวัง คนผู้นั้นนำมันมายังบู๊ตึ๊ง ให้ที่พักแก่มัน ให้อาหารประทังชีวิต มิเพียงเท่านั้น ยังดีต่อมันไม่น้อย จัดหาหน้าที่การงานแก่มัน คอยคุ้มครองช่วยเหลือมัน สั่งสอนให้มันดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้ คนผู้นั้นคืออดีตเจ้าสำนักบู๊ตึ๊งผู้ล่วงลับ และเป็นบุคคลที่เสี่ยวซานับถือราวกับบิดาบังเกิดเกล้า…. เตียหงี นั่นเอง!

    เสี่ยวซายังจำประโยคที่เตียหงีบอกแก่มันได้ดี

    "คนเราเมื่อเกิดมา พึงกระทำให้ถึงที่สุด อย่าได้ท้อแท้โทษว่าโชคชะตา และยิ่งอย่าได้นิ่งเฉยรอความตาย"

    ดังนั้นเสี่ยวซาจึงอาศัยอยู่ที่บู๊ตึ๊ง และใช้ชีวิตในฐานะ… คนครัว

    จากนั้นภาพของเตียหงี ผุดขึ้นภายในจิตใจของมัน ร่างที่แข็งทื่อ ปราศจากลมหายใจ เสี่ยวซารู้สึกอุ่นระอุที่ดวงตาทั้งสอง พร่ำร้องว่า “ข้าพเจ้ามิอาจตกตายเยี่ยงนี้!”

    ภาพของเตียหงีค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นภาพของเด็กชายหญิงคู่หนึ่ง เด็กชายเสี่ยวซากลับจดจำได้ว่าเป็นตัวมัน ส่วนเด็กหญิง ก็เป็นคนที่มันไม่มีวันลืมเลือน...เสี่ยวเง็ก! นางมิใช่ตายแล้วหรอกหรือ? แว่บหนึ่งของความคิดบอกต่อมันเช่นนั้น

    ภาพของทั้งสองยังดำเนินต่อไป เป็นเรื่องราวในคราแรกที่มันได้พบกับเด็กหญิง จากนั้นเด็กหญิงเข้าใจว่ามันวิกลจริตจึงหลบหนี มันติดตามไปทำความเข้าใจ ในที่สุดคบหาเป็นสหาย จากนั้นภาพค่อยๆ กลับกลายไปเป็นร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตของเสี่ยวเง็ก เสี่ยวซารู้สึกโสตประสาตได้ยินเสียงร่ำไห้ของนาง เสียงครวญครางอย่างเจ็บปวด และถ้อยคำให้เขาทวงถามความเป็นธรรมแก่นาง

    ใช่แล้วมันต้องทวงถามความเป้นธรรมให้แก่นาง เพราะหากมันมิเป็นผู้กระทำแล้ว ยังมีผู้ใดสามารถกระทำ?  ถ้าเช่นนั้นนางคงมิอาจจากไปอย่างสงบ

    เสี่ยวซาสะดุ้ง ลืมตาขึ้น พบว่าร่างกายที่เจ็บปวดและอ่อนล้าคล้ายมีพละกำลังฟื้นคืนขึ้นมา สมองพลันปรอดโปร่ง มันค่อยๆเปล่งเสียงออกมา “ข้าพเจ้าต้องมีชีวิตสืบต่อไป!”

    สิ้นเสียงของมันพลันบังเกิดความเคลื่อนไหวในพุ่มไม้ สายตาเหลือบไปเห็นกระต่ายน้อยสีขาวอวบอ้วนตัวหนึ่ง เสี่ยวซามองดูด้วยตาที่เป็นประกาย ในที่นี้เมื่อมีกระต่ายเข้ามาได้ ย่อมมีทางออกสู่เบื้องนอก ขอเพียงมันติดตามกระต่ายตัวนี้ไป ไยมิใช่สามารถหาทางออกได้!

    แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 46 22:01:58

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 28 ก.ย. 46 21:56:24 ]