เทพธิดากับปีศาจ ตอนที่ 6 - สิ่งที่เปลี่ยนไป

    “เรื่องอะไรนายมาหาว่าฉันไม่รู้จักวิธีทักทายของคนอังกฤษ” เอบ่นใส่เบียร์เมื่อทั้งสี่เดินออกมาจากตัวสนามบินหลังจากตกลงกันได้แล้วว่าจะไปนั่งคุยกันที่บ้านของเฟส

    “อะไรอีกล่ะเจ๊ เมื่อกี้นั่นเรียกว่าช่วยของแท้เลยนะ เจ้านั่นน่ะไม่น่าไว้ใจหรอก” เบียร์เถียง ขณะที่เฟสออกปากสนับสนุน

    “จริง เอ  เจ้านั่นภายนอกดูน่าคบก็จริง แต่ภายใน......”เฟสสั่นศีรษะ “เลวเหลือร้าย เบียร์คิดถูกแล้วที่ไม่ให้เขาจับมือกับเธอ อยู่ที่นู่นเจ้านั่นถือเป็นเพลย์บอยอันดับหนึ่ง”

    “อันดับสองคงเป็นนายสินะ  ไม่น่าเชื่อเลยว่านายจะพลาดอันดับหนึ่งในเรื่องนี้” น้ำพูดล้อเลียน เฟสชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้

    “ฉันไม่ลืมคนที่ฉันรักง่ายๆหรอก”

    น้ำหน้าแดงทันทีพลางด่าตัวเองในใจว่าไม่น่าไปแซวมันเลย มองไปทางอีกสองคนที่เหลือที่ตอนนี้หยุดเถียงกันราวกับโดนมนต์สะกด เอกำลังหัวเราะคิกคัก เบียร์กำลังไอกระปอดกระแปด

    “ขอร้องเหอะ พวกนายอย่ามาหวานกันแถวนี้ วันนี้ฉันโดนมดขี้บ่นกัดจนจะเป็นง่อยอยู่แล้ว ต้องมาเจอมดของพวกนายอีก มีหวังตกเหวตายพอดี”

    ก่อนสงครามปากเสียงย่อยๆจะเริ่มขึ้น น้ำรู้สึกว่าถูกเพ่งมองทั้งด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยและเกลียดชังจนเธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอหันไปมองเห็นชายหนุ่มผู้ที่เพื่อนๆเธอกำลังนินทาเมื่อครู่ เขายืนพิงเสาตรงประตูและยิ้มแย้มเหมือนเคย เขาโบกมือให้น้ำเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอมองมาที่เขา น้ำไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกไปเองรึเปล่าว่ามีอีกคนยืนอยู่บริเวณนั้นด้วย แต่เพราะคำเตือนของเฟสที่ทำให้เธอไม่อยากมองนาน หันกลับมาแล้วเพิ่งนึกได้ว่าว่าดูเสียมารยาทที่ไม่ทักกลับ แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองอีกที ก้ไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณนั้นแล้ว

    “มีอะไรเหรอ?”เฟสถามน้ำ

    “ไม่มีอะไรหรอก”น้ำรีบปฏิเสธ เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าให้เพื่น
    ชายทั้งสองรู้ว่าเจตกำลังยืนมองอยู่

    เฟสเหมือนจะดูซึมไปเล็กน้อยเมื่อน้ำปฏิเสธ น้ำไม่ได้สังเกตแต่เบียร์จับความรู้สึกของเพื่อนได้จึงพูดคำสารภาพปลอบที่ไม่ต่างอะไรจากการตอกย้ำ

    “รู้ไว้ว่า เพราะนายเนี่ยแหละที่ทำให้ฉันคิดว่าคำหวานใช้จีบผู้หญิงไม่ได้”


    >>>>>


    “เมื่อไรพวกนายจะหยุดทะเลาะกันซักทีเนี่ย” เฟสบ่นด้วยน้ำเสียงล้อเลียนปนหงุดหงิด ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกที่บ้านของเฟส บ้านที่ดูใหญ่โตแต่ค่อนข้างเงียบเหงา

    “เห็นบ้านนายแล้วอยากเพิ่มสีสัน อย่าห้ามเลย” เบียร์พูดพลางกวาดสายตามองไปรอบบ้าน

    “นั่นสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย อีกอย่างสองคนนี้ก็ทะเลาะกันเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ห้ามไปก็เท่านั้น” น้ำสนับสนุน เธอสังเกตเห็นรูปถ่ายของครอบครัว พ่อของเฟสใส่ชุดตำรวจเต็มยศนั่งตรงกลาง แม่ของเฟสกับเฟสยืนอยู่กันคนละข้าง ทั้งสามใบหน้าเหมือนจะยิ้มอย่างมีความสุข แต่ภาพหลังจากนั้นที่เฟสโตขึ้นที่เหลือแต่เฟสกับพ่อของเฟสเท่านั้นและทั้งคู่ก็ไม่มีใครยิ้มเลย

    น้ำจำได้ว่าแม่ของเฟสตายโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อตอนที่เฟสอายุได้ 16 ปี  พ่อของเฟสส่งเขาไปเรียนต่อที่อังกฤษเมื่อเขาอายุ 18 ปี  นับเป็นเวลา 5 ปีเต็มๆที่เฟสไปอยู่ที่นั่น

    น้ำชำเลืองมองเฟส โครงหน้าเขาดูไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไร แต่เฟสสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเหมือนจะขาวขึ้นด้วย
    เฟสเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังมองเขาอยู่ (ทั้งที่อุตส่าชำเลืองมอง)  เขายิ้มให้ “มีอะไรรึเปล่า?”

    น้ำสะดุ้ง “เปล่าสักหน่อย”

    น้ำรีบหลบตาเฟสไปมองรูปภาพต่ออย่างนึกสนใจหนักหนา แม้ว่าความจริงแล้วเธอกำลังคิดไปเรื่อย
    น้ำไม่อยากให้เฟสคิดว่าเธอกำลังมองเขาอยู่ คำพูดของเฟสเมื่อตอนออกจากสนามบินทำให้เธออึ้งว่าเขายังคงรักเธออยู่ แต่บางทีเขาอาจพูดเล่นก็ได้ คนอะไรจะรักจริงขนาดนั้น สำหรับเฟสแล้ว น้ำรู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้เขาและรู้สึกเหงานิดๆที่เขาไปอยู่ที่อื่น ‘แต่นี่มันก็น่าจะเป็นความรู้สึกระหว่างเพื่อนไม่ใช่เหรอเพราะถ้าเอหรือเบียร์เป็นคนไปน้ำก็คงรู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน และถ้าเป็นอาจ.....’

    และน้ำก็ต้องหยุดความคิดตัวเองอีกครั้ง ‘วันนี้มันเป็นอะไรนะ พาลคิดถึงทุกทีเลย งี่เง่า’ น้ำรู้สึกดีใจที่เบียร์เริ่มบทสนทนาสักที

    “แล้วไปที่นู่นเป็นไงบ้าง หวังว่าคงมีเรื่องสนุกนะ” เบียร์พูดพลางเอื้อมมือไปตบไหล่เฟส

    “มันก็ไม่เชิงสนุกนักหรอก” เฟสยักไหล่ “ถ้าต้องไปไหนมาไหนกับเจต”

    เบียร์กลอกตาไปมาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแกมประชด “ดีจริงๆที่ต้องไปกับไอบ้านั่น”

    “ตกลงพ่อเธอส่งเธอไปเรียนอะไร” เอถาม คิ้วเรียวขมวดขึ้น

    ผู้ถูกถามนั่งนิ่งพร้อมยิ้มเล็กๆที่มุมปาก เดาไม่ออกว่าชอบคำถามนี้หรือไม่แต่ก็ยอมตอบ

    “ยิงปืน กู้ระเบิด วางระเบิด ฟันดาบและเภสัช”

    เบียร์พลัดตกจากเก้าอี้ เออ้าปากค้าง น้ำยังนิ่งแต่อดสงสัยไม่ได้

    “4 อย่างแรกฟังเข้าที แต่เภสัช...เหมือนไม่ค่อยเข้ากันนะ”

    เบียร์กับเอหันมามองหน้าน้ำ ทั้งคู่ทำสายตาแบบเดียวกันว่า – เภสัชต่างหากที่เข้าที  อีก 4 อย่างที่เหลือนั่นอย่างกับเรียนมาเพื่อถล่มใครโดยเฉพาะ –

    เฟสพยักหน้าน้อยๆให้น้ำ “เรื่องนี้ฉันก็งงเหมือนกัน ฉันไม่ค่อยสนใจเรียนเภสัชเหมือนเจต แต่พ่อบังคับให้ฉันเรียน ฉันไม่ชอบความคิดของพ่อเลย พ่อเปลี่ยนไปตั้งแต่แม่ตาย ดูไม่มีเหตุผล แถมยังบังคับให้ฉันไปเรียนอังกฤษอีก ฉันว่าฉันมีสิทธิ์เลือกนะ”

    “ปัง!!!”

    ยังไม่มีใครมันได้พูดอะไรอกมา เสียงประตูบ้านถูกเปิดเสียงดังทำเอาหนุ่มสาวทั้งสี่สะดุ้งโหยงแล้วต้องรีบหันไปดู
    ชายผิวขาว ผมดำ ค่อนข้างสูง เขาอยู่ในชุดตำรวจเต็มยศเหมือนกับในรูปภาพที่ตั้งโชว์ในห้องนั้นหากแต่ดูแก่ขึ้นมาเล็กน้อยและกำลังเดินตรงมาที่เฟส

    “ทำไมลูกไม่รอกับเจตอยู่ที่สนามบิน” เสียงพ่อของเฟสฟังดูแหบห้าวแต่ดูมีอำนาจ เฟสทำหน้าไม่พอใจ

    “ผมว่าเขาควรอยู่รอถ่ายรูปให้เสร็จ และเขาคงกลับบ้านได้เองโดยไม่ต้องพึ่งผม”

    “เจตเป็นเพื่อนแก” ผู้เป็นพ่อเหมือนจะคำราม ขณะที่ผู้เป็นลูกน้ำเสียงเริ่มหมดอารมณ์

    “เจตเป็นแค่เพื่อนร่วมทาง และ3คนนี่ต่างหากที่เป็นเพื่อนผม”

    พ่อของเฟสเหมือนจะเพิ่งสังเกตว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย เขาไล่
    สายตามองและหยุดลงที่เบียร์ “แก..ของเนเซ่”

    เฟสลุกพรวดขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “ผมว่าผมมีสิทธิ์เลือกเพื่อนได้ ผมคิดเป็นว่าเพื่อนคนไหนดีหรือไม่ดี”

    พ่อของเฟสยืนนิ่งก่อนที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาเดินออกไปช้าๆทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ ชายร่างสูงหันมาพูดก่อนจะลับตาไป

    “แล้วแกจะหาว่าฉันไม่เตือน เฟส  พวกเนเซ่ไม่มีใครดีร้อก”


    จากคุณ : asagao - [ 30 ก.ย. 46 17:23:52 A:168.120.13.80 X: ]