ตรงนี้...ที่ของใจ (4)

    บัวหอมเอนตัวนอนลงข้าง ๆ เพื่อนสาวที่นอนซุกตัวใต้ผ้านวมผืนหนา  
    คนตัวเล็กกว่าหันหน้ากลับมาเผชิญ เมื่อหล่อนดึงผ้าคลุมอก

    “อ้าว…จ๋าจ้ายังไม่นอนอีกเหรอ”

    จารวีส่ายหน้า  “ยัง…นอนไม่หลับ”

    “ทำไมล่ะ ไม่เหนื่อยเหรอ หรือเป็นอะไร”  
    น้ำเสียงสงสัยแกมห่วยใยถามร้อนรน

    “เปล่า วันนี้สนุกจังเลยนะ แต่เวลามันเร็วจัง
    พรุ่งนี้จ๋าก็อยู่กับบัวเป็นวันสุดท้ายแล้ว”  

    น้ำเสียงเหงา ๆ ของคนพูดทำให้บัวหอมจับสังเกตได้  
    หล่อนผลิกตัวกลับนอนคว่ำเอามือเท้าคางไว้ข้างหนึ่ง  

    “ไม่จริงหรอก ถ้าจ๋าจ้าไม่เป็นไร ทำไมทำเสียงอย่างนี้
    แถมยังไม่นอนอีกต่างหาก อีกอย่างถ้าจ๋าจ้าเหงา บ้านบัวก็มีโทรศัพท์
    โน้ตบุ๊คเราก็ต่อเนตได้ หรือจะให้บัวลงไปหาก็ยังไหว นั่งรถแค่แปดชั่วโมงเอง”

    “บัว”

    “หือ”

    “บัวอยู่นี่ดีเนอะ ได้ทำอะไรที่บัวชอบ”

    “ดีสิ ไม่งั้นบัวคงไม่กลับมาหรอก อนาคตบัวยังคิด ๆ เลยนะว่า
    บัวจะเลี้ยงปลาขาย ทำไร่ปลูกผักไปเรื่อย เอาแบบเล็ก ๆ พอมีพอกินเหลือก็แบ่งขายบ้าง
    แต่คงไม่ทำสวนมะขามแล้วล่ะ เพราะราคามันไม่ค่อยคงที่ แถมปีไหนที่อากาศเย็นมาก ๆ ราเพียบ
    ขายแทบไม่ได้ราคาเลย อีกอย่างเงินที่เก็บไว้ก็พอจะทำอะไรได้บ้าง
    ที่เราก็มีแล้ว ขาดแต่เพียงคนทำเท่านั้นเอง แต่อะไร ๆ ก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิด”  
    หล่อนเล่าความฝันให้เพื่อนที่นอนข้าง ๆ ฟังอย่างมีความสุข

    “จ๋าว่าบัวทำได้อยู่แล้วล่ะ ยังไงจ๋าจะเอาใจช่วยนะ”  
    มือเล็กเอื้อมมาบีบมือเรียวกว่าเบา ๆ อย่างเป็นกำลังใจ

    “ขอบใจนะจ๋าจ้า”  

    “บัว”  เสียงใส ๆ ยังดังมาอีกหลังจากเงียบไป

    “อะไร”

    “จ๋าต้องไปอยู่อังกฤษกับพี่เก่ง”  
    สิ้นเสียงพูดคนตัวเล็กเลยขยับเข้ามากอดแขนคนตัวโตกว่าเอาไว้

    “พี่เก่งได้ทุนไปทำเอก เลยจะพาจ๋าไปด้วย จ๋ากลัวว่าถ้าไปอยู่
    จ๋าจะอยู่ไม่ได้ …มันไม่เหมือนบ้านเรา ต่างชาติต่างภาษากันทั้งนั้น
    จ๋ายังอยากอยู่ในสังคมเก่า ๆ เพื่อน ๆ พี่ที่ทำงาน พ่อแม่ พี่ชายญาติพี่น้องอีก”

    “แล้วพี่เก่งต้องไปตอนไหน”

    “อีกสามเดือน พี่เก่งบอกว่าอยากทำพิธีอะไรให้เรียบร้อยก่อนไป ”

    “ไม่เห็นต้องกลัวเลยจ๋าจ้า คนเรา…อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ถ้าเรารู้จักปรับตัว
    แรก ๆ อาจช้า อาจมีปัญหาบ้าง แต่พอจ๋าอยู่ไปมันก็จะชินไปเองล่ะ
    อีกอย่างพี่เก่งชวนจ๋าไปด้วยก็ดีนะ ดีออกได้อยู่ใกล้ ๆ กัน หรือจ๋าจ้าไม่อยากไปอยู่กับพี่เก่ง”

    จารวียิ้มเขิน  “ก็อยากไปนะ แต่ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูก
    ก่อนมาพี่เก่งก็พาพ่อกับแม่มาคุยกับที่บ้านแล้ว พ่อก็บอกว่าดี
    เพราะพี่เก่งคงอยู่อีกหลายปีกว่าจะกลับ แรก ๆ แม่ก็ไม่อยากให้จ๋าไปหรอกนะ
    แถมงอนพี่เก่งด้วย จ๋าไม่รู้ว่าพี่เก่งไปคุยกับแม่ท่าไหน หลัง ๆ เลยยอมง่าย ๆ ซะงั้นล่ะ”

    บัวหอมยิ้มกว้างให้เพื่อนที่นอนข้าง ๆ  ตาพราวระยับ

    “บัว…”

    “อะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าจะเปลี่ยนใจอยู่คอยพี่เก่งที่เมืองไทย
    ถ้าพี่เขากลับมาอีกทีควงสาวผมทองกลับมาด้วยบัวไม่ปลอบนะ”  หล่อนพูดอย่างติดตลก

    ทั้งที่ในใจออกจะใจหายไม่น้อย ไม่ใช่ไม่ดีใจที่เพื่อนสนิทจะมีความสุข
    แต่มันอดใจหายไม่ได้เมื่ออีกไม่นาน คนข้าง ๆ เพื่อนรักซึ่งเคยเห็นหน้ากัน คุยกัน
    จะจากไปอยู่ห่างกันตั้งไกล ไกลสุดฟ้าห่างคนละประเทศ
    ต่างจากกรุงเทพกับจังหวัดที่หล่อนอยู่ลิบลับ

    ถ้าอยู่นี่ คิดถึงอยากเห็นหน้ายังขึ้นรถไปหาให้หายคิดถึงได้
    …แค่ออกมาอยู่ต่างจังหวัดอย่างนี้ หล่อนยังเหงาไม่น้อยเลยนะ
    เมื่อต้องจากเพื่อน ๆ และสังคมเดิม ๆ มา

    “จ๋ายังไม่ได้บอกเอเลยนะ ว่าจ๋าจะต้องไปกับพี่เก่ง”  

    “อ้าว แล้วทำไมไม่บอกมันไปล่ะ”

    “ก็ไม่ทันบอกนะสิ พอเอกลับมาจากสนามบินก็แวะมาหาจ๋า
    แล้วก็ลากกันมาหาบัวเลยยังไม่ได้บอกเอ กลัวเอจะน้อยใจ …พวกเราทำอะไรไม่ค่อยบอกเอเลย”

    จารวีพูดอย่างกังวลปนหนักใจ

    บัวหอมพลิกตัวกลับนอนราบ เงยหน้ามองเพดานมุ้งที่คล้อยต่ำลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก
    นึกถึงเพื่อนชายที่นอนอยู่ห้องโถงข้างนอก

    จะว่าไปตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เอราวุธจะเคารพสิทธิการตัดสินใจของพวกเธอเสมอ

    …อีกอย่างนี่มันเป็นเรื่องน่ายินดี เขาคงคิดเหมือนกับหล่อนคิด…
    ก็เพื่อนกันนี่เนอะ ได้เห็นเพื่อนมีความสุขก็พลอยสุขใจไปด้วย

    “บัวว่าเอต้องเข้าใจจ๋าจ้า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายซะหน่อย
    มันเป็นผู้ชายนะไม่เก็บเรื่องเล็ก ๆ อย่างนี้มาคิดหรอก อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เล่าให้เอฟังสิ
    เอน่ะเป็นคนที่ใช้อารมณ์ เอ้ย เหตุผลมากกว่าอารมณ์นะ
    ไม่ใช่ไม่ได้ดังใจก็เอะอะโวยวายไม่รับฟังเหตุผล
    อีกอย่างมันคงดีใจนะที่ไม่มีป้าแก่ ๆ อย่างพวกเราสองคน
    คอยล้อมรั้วป้องกันหญ้าอ่อนในแผนกเอาไว้อีกแล้ว”

    จารวีหัวเราะออกมาอย่างขำ ๆ พยายามยกผ้านวมขึ้นปิดปาก
    กันเสียงลอดออกไปนอกห้อง สบายใจขึ้นเมื่อได้ปรึกษา ได้เล่าอะไร ๆ ให้เพื่อนรักฟัง

    “บัวว่าเรานอนเหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้า”  
    บัวหอมลุกขึ้นมานั่งกราบหมอนที่หนุนอยู่ไปสามที จารวีลุกขึ้นมาทำตามบ้าง  

    “ไม่สวดมนต์ด้วยเหรอ”  จารวีถามอย่างงง ๆ
    เมื่อเห็นหล่อนล้มตัวนอนเหมือนเดิมโดยไม่มีการท่องบทสวดมนต์อะไรต่อ

    “ไม่ล่ะ ตอนนี้พระท่านจำศีลเอ้ย จำวัดแล้ว อากาศเย็น ๆ อย่างนี้
    ท่านไม่มาฟังเราท่องอยู่หรอก นอนเหอะ”



    เสียงคุยแว่ว ๆ พร้อมเสียงหัวเราะของสองสาวในห้องเงียบไปแล้ว
    แต่ชายหนุ่มนอกห้องยังนอนลืมตาโพลง ไม่ใช่เป็นเพราะเสียงของเพื่อน
    ไม่ใช่เป็นเพราะอุณหภูมิที่เริ่มลดต่ำจนรู้สึกหนาว
    สาเหตุที่ทำให้เขานอนลืมตาอยู่ในขณะนี้เป็นเพราะเสียงโทรศัพท์เมื่อตอนหัวค่ำ
    หลังที่แยกย้ายกันมานอนแล้วต่างหากที่ทำเอาเขานอนไม่หลับ หลับไม่ลง

    เพียงคำพูดที่ส่งผ่านมานั้นเป็นแค่คำพูดสั้น ๆ สั้นจนทำเอาเขาตัวแข็งทื่อ
    เย็นวาบเหมือนตกลงไปสู่หลุมดำอันมืดมิด แทบจะหมดแรงทำอะไรเอาดื้อ ๆ
    สมองก็ดูหนักอึ้งเหมือนมีใครเอาฆ้อนมาทุบ ๆ ให้มันบุบบี้จนแทบแหลกเหลว

    “ฝนท้อง ทำไงดี”

    แล้วเขาก็ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวปลายสาย
    เขาไม่รู้ว่า เขาพูดปลอกเจ้าตัวหรือพูดอะไรออกไปบ้าง เขารู้แต่ว่า เขาคิดอะไรไม่ออกเลยในตอนนั้น

    เมื่อวาน วันนี้เขายังยิ้มหัวเราะอารมณ์ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสบายใจในวันหยุด
    แต่พอตกเย็นกลับต้องมาเจอปัญหาใหญ่ ทำเอาหนักใจ หนักหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมออยู่ในขณะนี้

    เบื้องนอกดาวพราวเต็มฟ้า แต่อารมณ์ของเขากลับมืดมิดจมดิ่ง
    ท่อนแขนถูกยกขึ้นมาก่ายหน้าผาก ดวงตายาวรีเหม่อมองท้องฟ้านอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย
    แววกังวลฉายชัดอยู่ในใบหน้า

    เหนื่อย… คำที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ จะมีมั้ยนะซักที่
    เป็นที่ให้เขาได้พักใจและพักกายยามเหนื่อยล้า ชายหนุ่มหลับตาลงช้า ๆ
    ปล่อยเรื่องราวต่าง ๆ ให้จมหายไปกับความมืดมิดและเงียบสงบของบรรยากาศ



    เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือเครื่องเล็กดังก้องบ้าน
    มือยาวกดปุ่มให้เงียบเสียงลง บัวหอมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
    มองผ่านตาข่ายสีขาวขุ่นของมุ้งหลังใหญ่ออกไป ฟ้าเบื้องนอกยังมืดสนิท เดือนคล้อยต่ำ
    อากาศเย็นชื้นเพราะน้ำค้างยามดึง

    วาดมือจะไปปลุกเพื่อนที่นอนข้างตัว
    แต่ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายตื่นแล้วแถมนอนยิ้มตาใสให้หล่อนอีก

    “อาบน้ำมั้ย หรือจะซักแห้ง”

    “อาบสิ จ๋าไม่ยอมเน่าอยู่คนเดียวหรอกนะ”  
    จารวีลุกเปิดประตูมุ้งออกไปหยิบของใช้ที่จำเป็นในกระเป๋า

    “เอาน้ำร้อนมาผสมมั้ย”

    คนจะไปอาบน้ำส่ายหน้าแล้วเดินไปยังห้องน้ำ


    จากคุณ : พิจิกา...ปลายฝนต้นหนาว - [ 3 ต.ค. 46 11:43:19 A:203.170.149.150 X: ]