เฮฮา ประสาเพื่อน:= ลมร้อน ลมหนาว

    เรื่องราวที่เล่าผ่านตัวหนังสือชิ้นนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบ้าง เสริมเติมแต่งบ้าง เพื่อสีสัน ความมันส์ ความสนุกสนาน ของทั้งตัวผู้อ่าน และผู้เขียนเอง หากข้อความใด ไปซ้ำหรือย้ำกับประสบการณ์ของใคร ผู้เขียนหวังว่า จะเป็นเหมือนการเปิดกล่องความทรงจำที่ดี ของใครคนนั้น
    ......................................................................

    “ข้อนี้มันต้องอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ”

    ฉันยกกระดาษเปล่า มาลากเขียนตามที่ฉันเข้าใจ รอบตัวฉันตอนนี้เต็มไปด้วยกองกระดาษเล็คเชอร์ กับหนังสือมากมาย ทั้งของฉัน และของเพื่อน

    “ไม่ใช่สิ ความหมายของโจทย์ตรงนี้มันต้องเริ่มต้นอย่างนี้ นี่ไงดูของกิมสิ”

    กิมยกการบ้านที่กิมทำเสร็จไปแล้วมาให้ฉันดู ฉันรับมา แต่ก็ส่งการบ้านของฉันไปให้กิมดู

    “ฉันคิดว่ามันเป็นอย่างนี้นะ นี่ไง”

    “อืมๆ ของกิมก็น่าจะถูกนะ หรือว่าไงดีเนี่ย พี่ขิงว่าไงค่ะ”

    ฉันหันไปถามพี่ขิง

    “ไม่รู้สิครับ ผมยังทำไม่ถึงข้อนั้นเลย”

    พี่ขิงพูดขึ้น

    “เอาไงดี พรุ่งนี้ส่งแล้ว หรือบ่ายค่อยมาว่ากัน”

    ฉันถาม ความขี้เกียจเริ่มจะถามหาอีกแล้ว

    “รู้สึกพักหลังชอบแบบสุกๆเกรียมๆนะ ไม่ Medium หรือ Rare แล้วเหรอ”

    กิมหยอก ก็เวลาทานสเต็ก ฉันชอบแบบมีเลือดนิดๆง่ะ เวลามันไหลข้างในปาก หย่อยๆ

    “แหมสุกๆก็ดีไง จะได้ไม่มีพยาธิ”

    ฉันโต้กลับ

    “ระวังเถอะ สุกแต่ข้างนอกง่ะ เคยได้ยินป่ะ ข้างนอกสุกใส แต่ข้างในเป็นโพรงง่ะ”

    กิมโต้อย่างไม่ยอมแพ้

    “เป็นโพรงก็ยังดีกว่าใครบางคนง่ะ ตัน ไม่มีโพรง”

    “นี่เธอ………”

    กิมขึ้นเสียงสูง

    ฮ่าๆ ใครไปแตะเรื่องของตัน หนา ไม่ได้เลย จำได้เจอกันใหม่ๆ ก็ไม่ขนาดนี้ แต่ไงยิ่งอยู่ ยิ่งพูดว่าจะลด จะเอา ซิกก์แพค (Sixpack) สุดท้ายเห็นอยู่แพคเดียวตลอดเลย

    “ก๊อกๆๆๆ”

    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ขัดตาทัพจริงๆ กำลังมันส์ ใครหว่า

    “Coming จ้า”

    ฉันตะโกนพร้อมลุกจากพื้น ที่ห้องฉันไม่มีโต๊ะเขียนหนังสือ เพราะโต๊ะที่มีอยู่ถูกเอาไปใช้วางโน๊ตบุ้คตัวเก่งเรียบร้อยแล้ว มันเป็นอุปกรณ์การยังชีพของฉันอย่างหนึ่ง เลยต้องเทิดทูน ทูนหัวทูนเกล้าเป็นพิเศษ ส่วนเจ้าของจะทำงานก็นั่งพื้นไปอ่ะนะ

    “ใครมาเนี่ย ดึกแล้วบ้านช่องไม่รู้จักอยู่”

    ฉันบ่นไปเรื่อย ก่อนแง้มประตู ที่คล้องโซ่อยู่

    “จ๊าก…”

    หลุดปากออกไปแค่นั้น ก่อนจะรีบเอามืออุดปากไว้ กลัวเสียงรอดไปให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องได้ยิน

    ฉันรีบเปิดประตูอีกรอบ หลังจากเอาโซ่ที่คล้องออก เสียงดังฟ้าผ่าก็ดังขึ้น แบบไม่ต้องมีฟ้าแลบ

    “มือถือนะมี แล้วทำไมไม่รู้จักเปิด จะซื้อไว้ทำไมหาาาาาาา”

    “โห ขี้หูกระเทือนเลยพี่ พูดเบาๆก็ได้ ยืนกันไม่ถึงเมตรดี”

    ฉันแย้ง พร้อมเงี่ยหูออก

    “แล้วปิด ทำไม หาๆๆๆๆๆๆ ปิดทำไม”

    เสียงกระชากแบบต้องการคำตอบภายในวิเดียว

    ‘ก็ขี้เกียจง่ะ รำคาญ ยังไม่อยากรับโทรศัพท์ ใครจะทำไม’ คิดค่ะคิด ไม่ต้องห่วง พูดไม่ได้ พูดไม่ได้เลย
    ระบบประมวลผลสั่งการให้ฉันเงียบ เงียบเข้าไว้ อย่าพูดอะไรเป็นการจุดฉนวน เดี๋ยวไฟไหม้ น้ำท่วมตึกแน่

    “มือถือนะมีไว้ ให้ใช้ ให้โทร ไม่ได้มีไว้ให้ปิด หรือใช้เคาะหัวเล่นนะย่ะ”

    น้าน ระลอกสอง

    “แล้วเน็ตนะ ออกซะบ้าง กะปิดการติดต่อกับทุกคนเลยเหรอย่ะ ต่อไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วไอ้แมซเซสเจอร์นะ Away ตลอด จะต่อเข้าไปทำไม หา”

    ‘หาไรเหรอพี่’ ในใจอีกนั่นแหละ  :S ใกล้ละ ระลอกสาม ใกล้ละใกล้หมดก๊อก มันยาวประมาณห้านาทีได้ ก่อนคุณพี่จะลงท้ายว่า

    “มาแค่นี้แหละ แล้วเปิดมือถือได้แล้วนะ”

    “ค่ะพี่”

    ฉันรับคำ แล้วก็ปิดประตูลง เดินกลับมานั่งที่มองสบตาเพื่อนที่นั่งอยู่อีกสองคน

    “เจ๊แกมาไหมง่ะ”

    “แล้วกิมคิดว่ามาไหม”

    ฉันย้อนถาม

    “ได้ยินแว่วๆ แบบเราปิดหู ปิดตาแล้วอ่ะนะ ยังแว่วเข้าไปในโสตประสาทเลย ว่า… มาด่า”

    “เออนั่นแหละ ก็เข้าใจไม่ผิดนิ แล้วถามไหมง่ะ”

    ฉันย้อนกวนๆ อารมณ์กรุ่นๆกำลังหาที่ระบายออก รู้สึกยังไม่พอ เลยหันไปหาพี่ขิง

    “พี่ขิงอ่ะ ไม่ช่วยกันเลยนะค่ะ นั่งเงียบไร้ตัวตนเชียว”

    ฉันพ้อ

    “รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี ไม่เคยได้ยินหรือ เนอะพี่เนอะ”

    กิมแทรกขึ้นมา และหันไปยักคิ้วกับพี่ขิง

    “ลมเค้าไม่มีอะไรหรอกครับ คงเห็นว่าโทรตามไม่เจอ”

    พี่ขิงพูดเนิบๆ

    “เหรอพี่ พี่คิดงั้นเหรอ ตอนแรกผึ้งคิดว่า เค้าหาที่ระบายไม่ได้ซะอีก”

    ฉันแย้งเสียงค่อย เหมือนยังเกรงๆอยู่

    “แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่ถามเขาหละ ถ้าสงสัย”

    กิมพูดขึ้น

    “พูดม้าๆเลยนะย่ะ กลัวฉันไม่โดนสับเหรอ”

    ฉันเถียงทันที

    กิม กับพี่ขิงหัวเราะร่วน

    “ขำพี่ โหขำมาก”

    ฉันพูดงอนๆ

    “แล้วไปยอมแกทำไมละ”

    กิมพูดง้อๆ

    “ก็ไม่รู้สิ ก็ยอมๆมาตลอด เลยเป็นนิสัยมั้ง แล้วพี่ท่านเวลางอนนะ ง้อลำบาก ขี้เกียจด้วย ยอมๆไปแหละ จะได้ไม่ต้องคอยตามง้อ”

    “เออดีเฟ้ย”

    กิมพูด

    “แล้วเธอละ เวลาเป็นเรื่องตัวเองทำไมไม่ย้อนไปบ้าง”

    ฉันถามบ้าง

    “ก็… เสียงเจ๊แกระดับนั้น สู้ไม่ไหวง่ะ”

    กิมว่าเสียงอ่อย

    “โธ่ ก็เหมือนกันแหละใช่ม่ะ”

    ฉันได้ที (ขี่แพะไล่ทันที ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือหรอก ฮิๆ)

    “เออเดี๋ยวไปเอาถุงเท้ามาใส่ก่อน จะได้ทำการบ้านต่อละ”

    ฉันพูดขึ้น พร้อมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องข้างใน

    “ไหมละครับ”

    พี่ขิงถามงงๆ

    “หนาวเท้าค่ะ ไม่รู้เป็นไง”

    “ก็เมื่อกี้ลมมันพัดแรงไง ฮ่าๆ ลมหนาว”

    กิมพูดขึ้น และหัวเราะซะเสียงดัง

    “ชักไม่แน่ใจนะว่า ร้อนหรือหนาวกันแน่”

    ฉันพูดยิ้มๆกับกิม แต่ลมยังไงก็คือลม ไม่ว่าร้อนหรือหนาว เราก็เดาทิศทางมันไม่ถูกอยู่ดี จริงไหมค่ะ :D

    แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 46 12:00:52

    จากคุณ : xyz/xyzjung@yahoo.com (xyzjung) - [ 3 ต.ค. 46 12:00:44 ]