. . . . เด็กสมัยนี้ใจกล้าจังนะครับ . . . .


    ------
     หลังเลิกงาน ถนนคราคร่ำไปด้วยผู้คนนับดาษดื่น..


    แต่ละแห่งหนเส้นทางสัญจรอัดแน่นไปราวกับขุมนรกที่ทรมานยิ่งนัก..



    ผมใช้มือขวาป่ายเหงื่อที่ไหลย้อยตรงเหนือคิ้วซ้าย  ก่อนเสยที่ปรกบังตาขึ้นแรง ๆ หนึ่งที..


    เส้นทางนี้ผมคุ้นเคยเสียยิ่ง  คุ้นเคยเสียจนสามารถกล่าวได้ว่า ไม่มีพื้นที่ตรงส่วนไหนในเส้นทางนี้ที่ผมไม่เคยเหยียบ



    รถเมล์สายที่ผมรอมาพอดี   คันรถนี้อัดหนาฝาคั่งไปด้วยผู้คนเช่นเคย..

    แต่ละคนที่เอียดเสียดเบียดกันบนรถราวกับปลากระป๋องที่ถูกกดทับ..



    ผมก้าวขึ้นรถเมล์อย่างเหนื่อยหน่าย   เบียดเสียดร่างกายถูไถแหวกผ่านคนขึ้นไปโหนตรงกลาง ๆ รถ..



    ชั่วโมงรถติด ไฟแดงที่เนิ่นนานสลับเขียวเพียงชั่วครู่  เสียงแตรรถดังสนั่นประสาทหูไปรอบด้าน    กว่าชั่วโมงทีเดียว  ที่รถเมล์จะค่อย ๆ เขยิบกายหนีเร้นจากความอึดอัดนี้ไปได้..




    รถค่อย ๆ แล่นเร็วขึ้น และเร็วขึ้น  ผู้คนทยอยลงจากรถเป็นระยะ   จนเหลือแค่ผู้คนประปราย   ผมซึ่งได้ที่นั่งรับลมอย่างดีตรงขอบหน้าต่างก่อนหน้านี้แล้วมองทอดอารมณ์ไปยังทุ่งกว้างข้างทางอย่างไม่รู้เบื่อ...



    นี่แหละมั้ง  อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง  ที่ผมเลือกที่จะพักอยู่แถบบชานเมืองมากกว่าในตัวเมืองที่แออัด..



    ลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างตีหน้าผมอย่าสม่ำเสมอ   ผมเอนกายปล่อยตัวตามสบาย   ก่อนค่อย ๆ ปิดเปลือกตา
    และหลับไป..

    .

    ....




    ผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียง  สาวน้อยสามสี่นางเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่ข้างหลังรถเมล์   แว่บแรกผมรู้สึกฉุนเล็กน้อย  ที่เด็กพวกนี้เข้ามาทำลายความสุขเล็ก ๆ ในโลกส่วนตัวของผม  


    แต่แล้ว  ผมก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อหันไปเห็นเด็กสาวหน้าแฉล้มอายุราว15-16 ใช่ชุดนักเรียนม.ปลายสี่ห้าคนคุยกันอย่างออกรสตรงเบาะด้านหลัง  และดูเหมือนคุณเธอน้อย ๆ เหล่านั่นไม่สนใจสายตาอันโลมเลียของผมในนาทีนี้ด้วย..



    “อู๊ยยย์..   นมเธอโต๊ โต   ทำไงฉันถึงใหญ่เหมือนเธอได้บ้างหละ..”


    “แหม ให้ผัวจับบ่อย ๆ ซี..  เดี๋ยวก็ขึ้นเอง”


    “บ้า  จับบ่อย ๆ เดี๋ยวแม่งก็เหลวหมด”


    “เฮ้ย นี่ ว้ายย   อย่าจับดิ   คิก ๆ”


    “เออ  ไม่โตบ้างให้มันรู้ไป   อิจฉานี่”


    “เธอรำคาญขนตรงนั่นบ้างรึเปล่า”


    ฯลฯ





    เอื๊อก ..!!!  นี่เด็กสาวสมัยนี้ช่างใจกล้าเหลือเกิน    ทำผมขนลุกขึ้นซู่ซ่าส์อย่างไม่รู้ตัว  แม่คุณเธอก็ช่างไม่สนใจรอบข้างมั่งเล้ยย  เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่นั่งอยู่ประปรายคงหูผึ่งเหมือนผม..


    “ เฮ้ยย  นี่ เมื่อคืนเราเห็นผีด้วยละ”




    อืมม  นึกว่าแม่อีเด็กพวกนี้จะแร่ดเป็นอย่างเดียว    กลัวเรื่องผงเรื่องผีกันด้วย   ผมนึกไปถึงสมัยม.ปลาย  สาว ๆ หลายคนที่หอเสร็จผมก็มุขผีนี่แหละ..




    “โดนมันแทงหัวด้วย”



    “น่ากลั๊ว  น่ากลัว”



    “เรอะ  ผีคงตัวใหญ่เนอะ  คิก ๆ”



    เสร็จแล้วก็พากันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก   อืมม  เด็กสมัยนี้มุขตื้นกันจังแฮะ..   ผมคิดไปเพลิน ๆ สายตามองออกไปข้างนอก   อีกแค่ป้ายเดียวก็ถึงห้องพักแล้วสิ


    ผมก้าวลงจากรถเมล์คันเดิืมอย่างคุ้นเคย   สายลมยามเย็นลอยมากระทบหน้าผะอ่อน   ไอ้ด่างตรงร้านข้าวแกงข้างหน้าก็ยังนอนอยู่ตรงนั้นราวกลับรอการกลับมาของผม..


    ผมปล่อยอารมณ์ทอดเพลิน    มองดูแสงสีแดงส้มตัดขอบฟ้าตรงหน้า   แต่จู่ ๆ ผมก็ต้องขำก๊ากออกมา..



    ไอ้พวกเด็กเวร ไอ้เด็ก[^_^]  ผมเพิ่งถึงบางอ้อก็เดี๋ยวนี้เอง   เมื่อผมคิดได้ว่า จากที่เมื่อกี้เด็กสาวพวกนั้นบอกว่าโดน “ผีแทงหัว”  



    ที่จริงแล้วมันโดน..





    ผัวแทง(.....?....)






    กร๊าาาาาาากกกกกกสสสสสสสสส์!!!!




    ...

    จากคุณ : เ ห ว่ ย - [ 3 ต.ค. 46 18:18:51 A:202.60.197.16 X:202.125.102.185 ]