คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่างานเลี้ยงยอมมีวันเลิกลา มีพบยอมมีจาก แต่เพียงมันคงจะเร็วเกินไปเท่านั้นเอง จิมมี่และเพื่อนๆยังคงเดินทางมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่รอช้า ถึงแม้งขาจะล้า หน้าจะมอมแมมและจิตใจจะโศกเศร้าเพียงใดก็ตามแต่การเดินทางยังคงรอพวกเค้าอยู่...
"เห้ออออ...ถึงสะทีนะ" บีบี้กล่าวก่อนจะหันหน้าไปหาจิมมี่
ข้างหน้าของพวกเค้าคือทะเลสาบกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ที่มีเส้นสายรุ่งโค้งยาวราวสะพานที่จะพาไปยังสวรรค์ขีดขั้นอยู่กลางทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบใสราวกระจกเงามีปลาน้อยใหญ่สีรุ่ง ว่ายดำพุดขึ้นพุดลงอย่างสนุกสนาน จิมมี่และเพื่อนๆชื่นชมกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมันคงช่วยบรรเทาจิตใจที่ปวดร้าวของเค้าได้บ้าง
"แล้วเราจะข้ามทะเลสาบนี้ไปได้อย่างไงกันละ" จิมมี่เอ่ยถาม
"คงต้องว่ายน้ำข้ามไป" บีบี้ตอบ
"แต่ทิวๆบาดเจ็บว่ายน้ำไม่ไหว แล้วผมก็ไม่มีแรงมากพอที่จะแบกเค้าข้ามน้ำไป" จิมมี่พูดพลางละสายตาไปมองทางทิวๆตัวน้อย
"อืมม...เราก็ทิ้งมันไว้ตรงนี้ละ"บีบี้เสนอความเห็น
"ไม่ได้นะ!! เราจะไม่ทอดทิ้งใครอีกแล้ว"จิมมี่กล่าวคัดค้านเสียงแข็ง
"เจ้านิเรื่องมากเสียงจริง ไอ้หนูเจ้าปัญหา"
จิมมี่และบีบี้เริ่มทะเลาะกันรุนแรงขึ้นทุกทีๆ ดูเหมือนบรรยากาศตรึงเครียดจะทำให้จิตใจของทุกคนกำลังย่ำแย่ หลังจากที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่พักใหญ่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าประหลาด ไม่มีกระทั้งเสียงใบไม้ไหว หรือเสียงลมพัด
อากาศรอบข้างเริ่มร้อนอบอ้าว ขึ้นทุกทีทุกที พระอาทิตย์ยามบ่ายเริ่มแผดแสงเจิดจ้าลงมายังพื้นเบื้องล่าง ทะเลสาบสะท้อนแสงอาทดตย์ระยิบระยับงดงามราวกองอัญมณีมากมาย เม็ดเหงื่อน้อยใหญ่ไหลรินจากใบหน้าลงสู่ลำคอ จากต้นแขนลงสู่ปลายนิ้ว ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้จิมมี่เริ่มรู้สึกหิวน้ำ จิมมี่เดินไปทางริมฝั่งน้ำที่ทอแสงระยิบระยับเบื่องหน้า เด็กชายค่อยๆนั่งคุกเขาลงกับพื้นแล้วค่อยๆโค้งตัวลงเพื่อดื่มน้ำ จิมมี่มองหน้าตัวเองที่กระกรังมอมแมมไปด้วยฝุ่นดิน เขาค่อยๆเอามือน้อยๆประคองน้ำขึ้นมาเพื่อล้างหน้า แต่เอ๋ะ!นั้นลูกอะไรนะมันกลิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อของจิมมี่โอออ....ไม่นะะ...มันคือลูกบอกวิเศษที่ทริปปี้ให้มานะเอง เมลิด้าคงจะเอามาแอบเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อจิมมี่เป็นแน่..โอออออออออไม่นะมันกำลังจะกลิ่งลงน้ำไปแล้ว จิมมี่รีบกระโจนสุดตัวไปคว้าเจ้าลูกแก้วกลมนั้น แต่ไม่.....!!!!!!!!!!!มันหล่นลงน้ำไปเสียแล้ว ....
จ๋อม......เสียงลูกแก้วกลมค่อยๆจมลงยังพื้นน้ำเบื้องล่าง จิมมี่นั้งมองดูอย่างถอดใจที่ริมฝั่งน้ำ ทำไมชั่งโชคร้ายแบบนี้นะ วันนี้มีแต่เรื่องแย่ๆเกิดขึ้นมากมายเสียเหลือเกิน จิมมี่เริ่มถอดใจกับสิ่งต่างๆแล้ว เด็กชายตัวน้อยเดินก้มหน้าก้มตาอย่างเศร้าสร้อยมานั่งใกล้ๆกับบีบี้ ที่โขดหิน
"บีบี้ ผมขอโทษนะ " จิมมี่กล่าว
"เจ้าขอโทษข้าด้วยเรื่องอะไรเจ้าหนู" บีบี้พูดพลางทอดสายตาไปทางหนทางข้างหน้าที่ยาวไกล
"ผมขอโทษที่ขึ้นเสียงกับคุณเมื่อตะกี้ ความจริงผมไม่สมควรทำแบบนั้น ผมรู้ว่าคุณเพียงทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา" จิมมี่กล่าวด้วยน้ำเสียเศร้าสร้อย
"เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว แต่ข้าเองก็ผิดเช่นกันที่เห็นแก่ตัว ชั่งมันเถอะอย่างไงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว
สิ่งที่รอเราอยู่คืออนาคตเบื่องหน้า ข้ามีชีวิตอยู่บนโลกแห่งนี้มานานเหลือเกิน เห็นอะไรมามากมาย ทั้งผู้คนที่ปิติยินดีกับการได้รับสมาชิกใหม่ และผู้ที่ต้องเสียใจเพราะการลาจาก มันเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้วจิมมี่ทุกอย่างมันต้องมีดับสูญตามการเวลาเพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง การจากไปของเมลิด้า เจ้าคงเสียใจอยู่ไม่น้อย ข้าเองก็เช่นกัน แต่เจ้าจะเอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ไม่ได้ สิ่งที่รอเจ้าอยู่นั้นคือเบื้องหน้า สิ่งที่ผ่านมาคือเบื้องหลัง วันข้างหน้าคือชีวิตของเรา เราอยู่เพื่อไปให้ถึงยังอนาคตที่กำลังจะมา มิใช่ถึงเพื่อถอยหลังไปยังอดีตที่ผ่านมาแล้ว หากเจ้าเอาแต่เสียใจอยู่เช่นนี้ เมลิด้าก็คงไม่ดีใจหรอก เอาละข้าว่าเราควรจะออกเดินทางเสียทีนะ" บีบี้ลุกขึ้นบินไปเกาะที่บ่าจิมมี่หลังจากพูดจบ "แล้ว ทิวทิวละ บีบี้" จิมมี่ร้องถาม
"เราจะพาเขาไปด้วย" บีบี้ตอบ
" แต่เราจะพาเขาไปได้ยังไงกันละ" จิมมี่ถามพลางมองไปทางทิวๆ
" ข้าก็..." ยังไม่ทันพูดจบแสงประหลาดสว่างจ้าขึ้นมาจากพื้นน้ำด้านหน้า มันเป็นแสงสีม่วงประกายสดสัยงดงาม มันค่อยๆๆสว่างขึ้นจนแสบตา แล้วก็ค่อยๆดับไปอย่างช้าๆช้าๆช้า ช้า.....
จิมมี่ ค่อยๆลืมตาขึ้นที่ละน้อยๆๆเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นตรงนั้น ...
โอออออออออออออออออออ นั้นมัน นั้นมัน เรือนิ เรือจริงๆด้วยยยยย
"บีบี้ เรารอดแล้วนั้นมีเรือ เรือใหญ่พอสำหรับเราทุกๆคนเลยนะ " จิมมี่ตะโกนร้องบอกทุกๆคน ชาวคณะเดินทางเริ่มมีกำลังใจละมีความหวังขึ้นอีกครั้ง
( เรื่อสีม่วงงดงามที่อยู่ข้างหน้าของพวกจิมมี่นี้ ก็คือผลจากลูกแก้ววิเศษที่เขาทำตกน้ำนั้นเอง ลูกแก้วนั้น คือ ทริปปี้อเมตินอร์รัมส์ เป็นลูกแก้วที่เกิดจาก ขี้หูของตัวทริปปี้ซึ่ง100 ปีจะมีเพียง1ลูกเท่านั้น มันจะเป็นยานพาหนะยามฉุกเฉินเพียงนำไปวางไว้กับสภาวะที่ต้องการให้เป็น เช่นโยนขึ้นฟ้าเป็นเครื่องบิน โยนลงน้ำเป็นเรือ วางบนดินเป็นรถยนต์ เป็นต้น )
จิมมี่วิ่งไปแบกทิวๆตัวน้อยไว้บนหลัง ก่อนจะไปลงเรือ แล้วการเดินทางของพวกเขาก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
เรือของเหล่านักพจนภัยตัวน้อยร่องผ่านไปตามทางน้ำสายยาวไปเรื่อยๆ จิมมี่เริ่มเหนื่อยล้าเสียแล้ว จิมมี่ค่อยๆเอนกายลงพักก่อนที่ค่อยค่อยหลับไป อากาศรอบตัวเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จิมมี่ค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะเรื่มที่จะทนต่อความหนาวเน็บนี้ไม่ไหว โอ้ที่นี้ที่ไหนกันเนี่ย เรือของพวกเข้าร่องมาถึงถ้ำที่เต็มไปด้วยมรกตมากมาย เขียวอร่ามสวยงามจับตา จิมมี่ร้องปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมา แล้วเรื่องของพวกเขาก็ชนกับบางสิ่งบางอย่างเข้า ตึ่งงงงง... พวกจิมมี่โครงเครงกันบนเรืออย่างล้มลุกคลุกคลานกับแรงปะทะ
อ่ะนั้นมันฝั่งนั้นเองพวกเข้าถึงฝั่งแล้ว จิมมี่อุ้มทิวๆขึ้นไปบนฝั่งก่อนที่ตัวเองจะปีนตามขึ้นไป มีประตูบานใหญ่สีเขียวมรกตอยู่ข้างหน้า จิมมี่มองไปรอบๆตัวก่อนจะเจอป้ายๆหนึ่งว่า
ณ ถ้ำมรกตราชวังของพระราชาเมืองขออะไรก็ได้
ดีใจด้วยกับผู้มาถึงทุกคน ขอเชิญเจ้าเข้าสู่ท้องพระโรงด้านในได้เลย
แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องถอดรองเท้าด้วยนะ เพราะข้าเป็นคนรักความสะอาด ประกาศจาก พระราชาเมืองขออะไรก็ได้
อ่านจบประตูบานใหญ่ก็ค่อยๆเปิดออกที่ละน้อยๆ จนกว้างพอที่พวกจิมมี่จะผ่านไปได้
จิมมี่ บีบี้และทิวทิว เดินทางเข้าไปในท้องพระโรงด้านในราชวัง แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจกับ ห้องโถงกว้างใหญ่สีเขียวที่ว่างเปล่า มีเพียงเก้าอี้มรกตงดงามตัวนึ่งที่ตั้งอยู่สูงขึ้นไปและขั้นบันไดที่ทอดยาวลงมาจากแท่นนั้น
"ขึ้นมาสิเราอยู่บนนี้ " เสียงคุ้มเคยเสียงหนึ่งพูดขึ้น
จิมมี่กว้าขึ้นบันใดไปแต่เอ๋!! ทำไมบันใดถึงมีเพียงขั้นเดียวเท่านั้นละ ทั้งๆที่เมือกี้ยังมีขั้นบันไดมากมาย จิมมี่มองลงไปยังบีบี้ และทิวๆที่อยู่เบื้องล้างที่พยายามเดินขึ้นมาอยู่
"โอออออ ทำไมมาถึงเร็วนักละหนูน้อย" เสียงนั้นดังขึ้นเบื้องหน้าของจิมมี่ จิมมี่รีบหันกลับมามองทันที ชายชราตัวผอมท่าทางใจดีนั้งดูเบื้องหน้าของเขา
" สวัสดีจิมมี่ เราพระราชาแห่งเมืองขออะไรก็ได้ เจ้ามีพรเพียงขอเดียวหรือที่อย่างได้ " พระราชาถามพลางอมยิ้มเล็กๆ
"ท่านรู้ได้อย่างไร" จิมมี่ถาม
"เจ้าเห็นบันไดนั้นไหม มันคือบันไดแต่ความปรารถนา ยิ่งมีความปรารถนามากเท่าไหร่ บันได้ก็ยิ่งยาวขึ้นเท่านั้น ความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์นั้น มีอย่างไม่สิ้นสุด อยากได้บ้านอยากได้รถไม่เคยเพียงพอ ก็จะหาทางพบกับความสุขได้ยากยิ่งเหมือนบันไดนี้และ ยิ่งมีความปรารถนามากเท่าไหร่ก็หาทางถึงยอดบันได้ได้ยากเท่านั้นละ " พระราชาบอก
"เอาละๆ ขอพรของเจ้ามาสิ อะๆ แต่อย่าอยากได้อะไรเพิ่มนะเพราะขั้นบันไดก็จะเพิ่มขึ้น"
"ข้าขอเพียงเมลิด้ากลับมาได้ไหม " จิมมี่ถาม
" โอออ จิมมี่พรของเจ้านั้นเป็นไปได้ยากยิ่งสรรพสิ่งมิอาจฟื้นคืน เจ้าขออย่างอื่นเถิดนะ" พระราชากล่าวว
" ข้ามิได้ปรารถนาสิ่งอืนใดนอกเสียจากเพื่อนของข้า "จิมมี่กล่าว
"อืมม งั้นข้าจะรองดู แต่ไม่รับรองผลนะ" พระราชาตอบมาพลางทำท่าลำบากใจ
"อาลาบัสก้า อาลาบัสจาก มาเถิดเมลิด้าเพื่อนข้ากลับมาที่ตรงนี้เถิดดดดดดดดดดดด" พระราชาร่ายมนต์ตามคำขอ ของจิมมี่ ร่างลงเมลิด้าค่อยๆปรากฎขึ้นเบื้อหน้าจิมมี่อย่างรางๆ จิมมี่รีบวิ่งไปหาเมลิด้า แต่ร่างนั้นหามีวิญญานไม่ ร่างเมลิด้าเย็นเฉียบค่อยๆล้มลงบนอ้อมแขนของจิมมี่
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่า สรรพสิ่งมิอาจฟื้นคืน "พระราชากล่าวด้วยเสียงเศร้าสร้อย
"ไม่มีทางใดที่จะช่วยเพื่อนข้าได้เลยหรือองค์ราชา ได้โปรดช่วยเพื่อนข้ามีว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม " จิมมี่วอนขอ
" แม้นอาจต้องแลกด้วยชีวิตเจ้าหรือ" พระราชาถาม
" อืม ถ้าช่วยเพื่อนข้าได้ " จิมมี่ตอบเสียงแข็ง
" งั้นก็พอมีทางอยู่ อ่ะนี้เมล็ดสลับวิญญาณ แต่ข้าไม่รับรองผลนะ เจ้ารองทานดูก็แล้วกัน " พระราชาพูดพลางยื่นเมล็ดสีเขียวมรกตเล็กๆให้จิมมี่ จิมมี่มองดูก่อนจะกลืนเจ้าเมล็ดนั้นลงคอไป ในขณะเดียวกันกับที่ บีบี้ และทิวๆก็ขึ้นมาถึงพอดี จิมมี่รู้สึกปวดร้าวและร้อนระอุไปทั้งตัว มีแสงประหลาดระยิบระยับรอบกายจิมมี่ และเมลินด้า เมลิด้าค่อยๆลืมตาขึ้นที่ละน้อยๆ และดูเหมือนจะมีแรงเพิ่มมากขึ้น แต่จิมมี่กลับรู้สึกอ่อนล้าและค่อยๆหมดแรงลงทุกทีๆ ร่างกายจิมมี่กำลังจะดับสูญ ร่างกายเริ่มค่อยๆจางหายกลายเป็นฝุ่นผง จิมมี่รู้สึกว่าตัวเขากำลังลอยห่างออกไปจากเพื่อนๆเรื่อยๆเหมือนกับล่องลอยอยู่ในอากาศ เมลิด้า บีบี้ ทิวๆมองมาทางเค้าอย่างเศร้าโศก น้ำตาไหลพลางออกมาจากสองแก้มของเพื่อนๆ รอบข้างเริ่มค่อยๆๆมืดลง มืดลง เพื่อนๆเริ่มห่างออกไปออกไปเรื่อยๆ
"จิมมี่ จิมมี่!!! ตื่นได้แล้วลูก สายแล้ว.."เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น
จิมมี่ลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคืนหน้าของพ่อเค้า Mr. Lueis นั้นเอง
"ลูกมั่ว แต่อ่านนิยายจนนอนดึกอีกแล้วใช่ไหมจิมมี่ ลูกน่าจะรู้หน้าที่กว่านี้นะ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปทานข้าวเช้าได้แล้ว" พ่อบอกจิมมี่
จิมมี่ ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆตามชีวิตของเด็กวัยประถมควรจะเป็นหลังจาก แต่งตัวเรียบร้อย จิมมี่เดินไปจะประตูเพื่อจะลงไปทานข้าวเช้า เขาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่หล่นอยู่ที่พื้น มันคือนิยายเรื่องโปรดของเขานะเอง ชื่อหนังสือก็คือ " พระราชาแห่งเมืองขออะไรก็ได้และการเดินทางของภูตจิ๋วและเพื่อนๆ" จิมมี่อมยิ้มเมืออ่านชื่อหนังสือจบ ความฝันนั้นมันเยื่ยมไปเลยราวกับเป็นความจริงจิมมี่คิด ก่อนจะเดินทางออกจากห้องไป แต่จิมมี่หารู้ไม่ว่า มีภูตรจิ๋วตัวน้อยกำลังมองเขาอยู่ในเงามืดใต้เตียง.....
"บีบี้จิมมี่ไปโรงเรียนแล้วว.."
" ชู..........เงียบๆหน่อยเมลิด้าเด๋วมีคนได้ยิน "...........
THE END
จากคุณ :
หมากระป๋อง
- [
6 ต.ค. 46 19:08:50
A:203.149.38.177 X:
]