. . . . . . ชั่วโมงเรียนสุดท้ายของปวส.2/5 . . . . .

    ....

    ผมขยับปีกแว่นเบา ๆ มองดูเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างคล่องแคล่วอยู่หน้าชั้น..



    “ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนักศึกษาคือการเรียนรู้ครับ คนเรานั้นไม่มีใครที่เรียนรู้หมด โดยเฉพาะเราที่มีโอกาสเรียนรู้ในวัยแห่งการศึกษานี้”


    “ครับ จงอย่ามัวอยู่นิ่งเฉย คุณคิดว่าคุณเตรียมพร้อมในชีวิตรึยัง เรามาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเรียนีรู้ในวันนี้เถอะครับ”


    ผมขอทิ้งท้ายไว้กับคำนี้..

    “.. การเรียนรู้คือชีวิต ที่ลิขิตความฝันของเรา ..” ขอบคุณครับ..


    ...

    เสียงปรบมือสนั่นเกรียวกราวทั่วชั่นเรียน ผมขยับปีกแว่นอีกทีก่อนลงบันทึกให้คะแนนลงในสมุดถือบนตักของผม ..


    ใช่แล้วครับ ผมเป็นอาจารย์สอนในวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งในวันนี้เป็นชั่วโมงเรียนสุดท้ายของนักศึกษาปวส.ปี2 ที่ผมสอน ทุกคนจะต้องขึ้นมากล่าวตรงหน้าชั้นเรียนในหัวข้อ ..

    “.. อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนักศึกษา..”

    โดยมีผมคอยนั่งฟังและประเมิณตัดเกรดขั้นสุดท้าย ว่านักศึกษาคนไหน สมควรจะได้เกรดอะไร..


    ฉายาอาจารย์จอมเฮี๊ยบของผมสร้างแรงกดดันให้เหล่านักศึกษาในปีนี้พอสมควร แต่ละคนจึงตระเตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ในการพรีเซนต์ครั้งนี้อย่างเต็มที่.. เพราะนี่หมายถึงปราการด่านสุดท้ายที่คนจะจบการศึกษา.. และเหนือยิ่งสิ่งอื่นใด ทุกคนตระหนักดีว่าการที่จะเรียกคะแนนแต่ละคะแนนจากผมนั้นยากยิ่งเสียกว่ารีดเลือดจากปูซะอีก..


    ผมมองดูนักศึกษาแต่ละคนขึ้นพรีเซนต์อย่างสนใจ แต่ละคนเตรียมตัวมาใช้ได้เลยทีเดียว นอกจากแผ่นสไลด์ที่นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้แล้ว บางคนยังใช้กล้องดิจิตอล และกล้องถ่ายวิดีโอต่อเข้ากับโน๊ตบุ๊คฉายให้เราได้ชมพร้อมบรรยายประกอบเป็นฉาก ๆ..


    แต่อาจเป็นเพราะผมสร้างแรงกดดันให้เหล่านักศึกษามากไปก็ได้ งานพรีเซนต์ส่วนใหญ่จึงออกไปทางที่หนักและเคร่งเครียด เพราะแต่ละคนมุ่งหวังแต่การทำคะแนนให้กับตัวเองได้มากที่สุด โดยไม่สนว่าเรื่องที่นำมาพูดนั้นจะสอดคล้องกับสัมพันธภาพระหว่างทษฎีกับเชิงปฎิบัติหรือไม่..



    นักศึกษาส่วนใหญ่มักจะพูดเกี่ยวกับเรื่องการเรียนเป็นซะส่วนมาก บางคนสอพลอหวังเรียกคะแนนจากผมจนออกนอกหน้า โดยพูดในทำนองเชิงว่าสิ่้งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนักศึกษาของเขาคือการที่ได้มาเป็นลูกศิษย์ในวิืชาที่ผมสอน ซึ่งหารู้ไม่ว่า ตัวเขากำลังทำลายคะแนนงานพรีเซนต์ของตัวเองซะย่อยยับอย่างไม่รู้ตัว..


    .


    ...


    นักศึกษาแต่ละคนหลัดเวียนหมุนเปลี่ยนขึ้นพรีเซนต์เรื่อย ๆ จนมาถึงนักศึกษาผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งผมหนักใจที่สุดในการพรีเซนต์ครั้งนี้.. เขามักได้คะแนนอันดับบ๊วยต้น ๆ ในห้องเสมอ.. ทุกครั้งที่เขาส่งงานก็มักจะล่าช้าหลังคนอื่น ไม่เคยทำตัวเรียบร้อยในสายตาผมสักครั้ง..

    แม้แต่ในครั้งนี้ คุณดูสิ การพรีเซนต์ครั้งสุดท้ายของเขา เขามีแค่อุปกรณ์พรีเซนตคือ่กระดาษแผ่นเดียวในมือเท่านั้น..

    แล้วอย่างงี้จะไม่ให้ผมหนักใจแทนเขาได้ไง..

    ...


    “กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ และขอสวัสดีเพื่อนนักศึกษาที่รักยิ่งทุกคน”



    “วันนี้อาจเป็นการพรีเซนต์งานครั้งสุดท้ายในชั้นเรียน. และอาจเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม”



    อืมม์ เริ่้มต้นได้ดีแฮะ พูดได้ฉาดฉานนำร่องได้ดี ตัดกับใบหน้าที่ดูจะหม่น ๆ ของเขา ผมค่อยเบาใจลง ถ้าเขาไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างงี้ บางที ผมอาจใจดีตัดแค่คะแนนส่วนของการเตรียมพร้อมเพียงอย่างเดียวก็ได้

    เขาพูดเกริ่นนำร่องไปอีกได้สวยทีเดียว หลาย ๆ สิ่งที่เขาพูดถึงเกี่ยวชีวิตนักศึกษาของเขาในรั้ววิทยาลัย  จนถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด...


    “สองปีที่ผ่านมาในชีวิตนักศึกษาอนุปริญญาของผม มีสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตผมที่สุดเพียงอย่างเดียว”



    นั่นก็คือ.....



    ทุกคนเงียบกริบกับท่าทางของเขา แต่ละคนคงไม่นึกว่าเขาจะพูดได้ดีเกินคาด แต่แล้วทุกคนก็เปลี่ยนเป็นตะลึงงึงงันอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาชี้ไปที่หลังห้องและพูดขึ้นว่า.



    ..



    “..เธอ..”





    ผมเห็นหญิงสาวคนที่เขาชี้ไปนั้นอ้าปากค้างอย่างตกใจ แทบทุกคนในห้องไม่เว้นแม้แต่ผมยิ่งต้องตกใจ ที่เขากล้าพูดอะไรออกมาอย่างงี้..





    “ผมรู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะ แต่ยังไงวันนี้ผมต้องพูดออกไป ผมทำใจไม่ได้ที่จะให้คุณเข้าใจผิดผมอย่างงี้อีก”



    “ ผมรู้ดีว่าที่ผ่านมาผมไม่คู่ควรกับคุณ ผมเจียมเนื้อเจียมตัวมาตลอดที่รู้ตัวเองว่าต้อยต่ำกว่า ..”



    “ผมขอโทษ ..
    ขอโทษที่ตลอดมาผมมีความคิดเยี่ยงนี้”


    “เพราะตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าชีวิตผมคงไร้ความหมายแน่หากไม่มีคุณคอยเคียงข้าง“


    “จุดแตกร้าวของเราอยู่ที่วันนั้น ผมอยากอธิบายกับคุณว่าผู้หญิงที่คุณเห็นวันนั้นเป็นแค่น้องสาวผม”


    “ผมอยากพูดอยากอธิบายกับคุณเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง แต่คุณก็ไม่เคยฟังผม คุณรู้ไหมที่ผ่านมาผมเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องทนกับการที่ถูกคนรักเข้าใจผิด”



    เขาคลี่กระดาษที่พับอย่างดีในมือออกมา พร้อมอ่านเบา ๆ ..




    @อยากจะบอกว่ารักสักพันครั้ง

    อยากจะรั้งเธอให้ฟังสักหมื่นหน

    อยากให้รู้ว่าฉันเจ็บเหลือทน

    อยากจะบอกว่าขื่นขมถ้าขาดเธอ


    @อยากจะพูดขอโทษจะได้ไหม..

    อยากจะขอให้อภัยถ้าพลั้งเผลอ

    อยากจะบอกบอกและบอกฉันรักเธอ

    อยากจะบอกว่าฉันเพ้อทุกคืนวัน





    “คุณจำได้ไหม บทกลอนนี้ผมมอบให้คุณเองตอนเราทะเลาะกันครั้งแรก ตอนนั้นคุณโกรธผมไปตั้งหลายวัน แต่สุดท้ายคุณก็กลับมายิ้มได้จากบทกลอนที่คุณบอกว่าเชยที่สุดอันนี้..”


    “ผมรู้ นี่มันอาจเป็นคำกลอนที่ไม่เป็นสับปะรดอย่างที่คุณเคยบอกจริง ๆ แต่อย่างน้อยมันก็กลั่นมาจากก้นบึ้งส่วนที่ลึกที่สุดแห่งจิตใจ และซึ่งถ้าจะให้ผมเขียนใหม่ ผมก็คงเขียนอีกได้ไม่ดีเท่านี้แล้ว”



    “ให้อภัยผมเถอะนะ ที่รัก “



    .



    ..





    “..ผมรักคุณ..”







    เขาเดินเข้ามากุมมือหญิงสาวไว้มั่น ผมเห็นนักศึกษาสาวคนนั้นสะอื้นไห้ไม่อยุด ก่อนจะพึมพัมเอ่ยขึ้นมาทั้งน้ำตา..






    “...ค่ะ..ค่ะ...”








    เสียงปรบมือค่อย ๆ ดังสนั่นขึ้นทั่วห้อง นักศึกษาบางคนถึงกลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ผมมองเห็นชายหนุ่มผู้ซึ่งผมเคยคิดว่าไร้วินัยที่สุดโผเข้ากอดหญิงคนรักเขาไว้อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะได้เกรดAจากวิชาผมไป

    จากคุณ : เ ห ว่ ย - [ 7 ต.ค. 46 13:14:58 A:202.60.197.16 X:202.125.102.203 ]