สหัสดารา ณ ราตรีกาล

    สหัสดารา ณ ราตรีกาล
    พ.ไทยยืนวงษ์

    น้อยคนนักในกรุงเทพฯที่จะได้พบเห็นราตรีที่มืดสนิทจริงๆ ความมืดที่บริสุทธิ์ปราศจากแสงรบกวนใดๆ บ่อยครั้งที่ผมมักออกนอกเมืองไปพำนักหาที่สงบเงียบ ได้สูดอากาศดีๆไร้มลพิษ ดื่มด่ำกับความมืดที่สงบเย็น ไม่มีแม้ละอองแสงใดๆไม่ว่าจะเป็นจากตึกรามบ้านเรือนหรือแม้ถนนหนทางและทางด่วนที่พาดสลับซับซ้อนหลายชั้นน่าเวียนหัว

    เมื่อถึงที่มืดสนิทจริงๆแล้วก็มักพบว่ามันกลับไม่มืดเลย ผมเดินเล่นบนเนินเขาที่ปูด้วยพรมหญ้าได้อย่างสบาย ลมโบกโชยพัดผ่านพาเอากลิ่นอ่อนๆของดอกไม้ป่าหอมเข้าจมูกเป็นระยะๆ เจือปนกับกลิ่นหอมของกาแฟถ้วยโปรดที่ผมเพิ่งชงเสร็จ

    การดูดาวเป็นกิจกรรมที่หลายล้านคนทั่วโลกนิยมกระทำเป็นงานอดิเรก แต่ถ้าไม่นับว่างานอดิเรกนี้จะต้องหมายถึงการดูด้วยกล้องโทรทรรศน์ แผนที่ดูดาวหรืออุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ใดๆแล้วก็นับว่ามนุษย์หลายพันล้านคนไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกต่างต้องเคยดูดาวด้วยกันทั้งสิ้นมาแต่ครั้งอดีตกาลนานนับพันนับหมื่นปี  

    การดูดาวของผมเป็นเรื่องที่ทำให้สบายใจดี มีความสุขกับการจินตนาการเรียงร้อยเส้นระหว่างดาวแต่ละดวงเป็นรูปแบบต่างๆ แม้การแหงนมองกระต่ายบนดวงจันทร์ก็ได้ก่อกำเนิดหัสนิยายหรือตำนานของแต่ละชาติมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเรื่อง มันน่ามหัศจรรย์เพียงใดกับการได้เห็นวัตถุที่อยู่ห่างออกไปจากโลกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ กี่แสนล้านกิโลเมตร อาจอยู่ในระบบสุริยะกับเราหรือห่างออกไปนอกดาราจักรทางช้างเผือกก็เป็นได้

    ผมตื่นใจทุกคราที่นึกได้ว่าสิ่งที่กำลังเพ่งมองอยู่นั้นคือดาราจักรแอนโดรเมดา กาแล็คซี่ที่ใกล้ที่สุดที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าห่างจากโลกของเราไปถึง2.2ล้านปีแสง เป็นที่ที่ไกลสุดประมาณ แม้นการเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดอย่างแสงหรือคลื่นวิทยุก็ยังต้องใช้เวลาถึงสองล้านกว่าปี ไม่มีแม้ยานอวกาศใดสามารถเดินทางออกไปไกลเกินระยะของทางช้างเผือกอันเป็นบ้านใหญ่ระดับอภิมหาศาลของเรา แต่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เรียกได้ว่าถึงแม้ต้องเพ่งสักนิดก็คือยังเห็นได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ดาราศาสตร์ใดๆเลย

    คืนหนึ่ง ผมนอนบนเก้าอี้ผ้าใบที่ริมชายหาดบนเกาะแห่งหนึ่ง รู้สึกสบายใจกับลมเย็นและเสียงคลื่นประสานกับดวงดาวที่กำลังพราวพร่างอยู่กลางท้องฟ้า ต้นลั่นทมทะเลสูงตระหง่านแผ่กิ่งก้านยื่นล้ำออกจากฝั่ง เห็นเป็นเงาตะคุ่ม ดอกลั่นทมหอมเย็นสร้างบรรยากาศให้ราตรีนี้น่าเบิกบาน ความมืดที่มิถูกรบกวนด้วยแสงไฟที่เป็นผลผลิตของมนุษย์ทำให้ดาวพากันสดชื่นผ่องใส เปล่งแสงและรัศมีให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

    กลุ่มดาวนายพรานคือเพื่อนที่ผมทำความรู้จักมานาน ดาวกลุ่มนี้มีการเรียงตัวเป็นรูปคนชัดเจน จะขึ้นมารอเหนือศีรษะขับกล่อมบทเพลงแห่งความสงัด คือบทเพลงที่สร้างเสริมจินตนภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดผมก็รู้สึกสว่างไสวซาบซ่านและห้วงความคิดก็ตื่นตัวราวกับจะได้สำเหนียกความเป็นทิพย์ ผมเริ่มมองเห็นปลาหลายตัวน้อยใหญ่ขึ้นไปเวียนว่ายบนท้องฟ้า มีเรือนร่างแปลกหลากหลายตามแต่สายตาแห่งความคิดที่เสรีจะพาไป ปลาใหญ่ตัวหนึ่งที่ผมเพียรลากเส้นสมมุติจากหมู่ดาวทางด้านบนเฉียงไปทางเหนือจนสำเร็จและผมจดจำมันไว้ตั้งแต่คืนนั้น มันว่ายข้ามทะเลดวงดาวไปไกลเกินอภิมหาอาณาจักรใดๆในความนึกคิดของมนุษย์จะนิมิตขึ้นมาได้ ภายในตัวปลานั้นมีสรรพชีวิตนับล้านล้านรูปแบบจากล้านล้านดาราจักรซุกซ่อนตัวอยู่  มหานวดาราจำนวนอสงไขยส่องแสงสุกสกาวซึ่งหลังจากนี้อีกนับพันล้านปีก็จะกลายเป็นจอมเขมือบทมิฬที่มีชื่อว่าหลุมดำอันน่าสะพรึงกลัว กลืนกินทุกสรรพสิ่งยิ่งกว่าราหูที่อมได้แต่เพียงดวงจันทร์อันเล็กจ้อย

    ผมไม่เคยเห็นพัลซ่าร์และชั่วชีวิตนี้ก็จะไม่มีวันได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่แสนไกลจากโลก จินตภาพในหัวเกิดจากสัญญาที่ประสบจากภาพสรุปของการวิเคราะห์ที่ร่างด้วยหลักวิชาการทางดาราศาสตร์ ในภวังค์ ผมได้ยินเสียงครางหึ่งอย่างกราดเกรี้ยวดุร้ายของมัน และผมได้ตกลงใจไว้ว่าเสียงแห่งพัลซ่าร์นี้คือพลังชีวิตของปลายักษ์ของผมตัวนั้น

    เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าครั้งใดในยามกลางคืน ผมได้เห็นดารานับพันเรียงร้อยเป็นมัจฉาแสนงามเวียนว่ายอวดโฉมสะคราญไปตามทะเลแห่งเอกภพที่ปราศจากขอบเขต ยามเมื่ออ่อนล้าจากงานเขียนในยามดึก ผมจะชงกาแฟรสขมรินใส่ถ้วยเดินไปที่ลานหน้าบ้าน ปล่อยจิตใจให้ปลอดโปร่ง หลุดลอยไปกับอารมณ์กาแฟและแสงแห่งหมู่ดาวเบื้องบน เมื่อดนตรีแห่งจักรวาลเริ่มบรรเลง ผมจะนิ่งฟังอย่างตั้งใจ เมื่อนั้นความสงบจะย่างเข้ามาในจิตใจจนเปี่ยมด้วยสมาธิก่อนกลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง

    จากคุณ : อันโตนิโอ - [ 9 ต.ค. 46 00:42:47 ]