รักเราไม่ (ค่อยจะ)เน่าเลย

    รักเราไม่ (ค่อยจะ)เน่าเลย

    “เก็บตังค์พี่ เก็บตังค์” เสียงห้าวๆ ที่แฝงไปด้วยความมีอารมณ์ขันของเขา บวกด้วยใบหน้าเรียวคมสัน ทำเอาฉันไม่อาจที่จะถอนสายตาไปจากเขาได้เลย

    “เดินในหน่อยพี่ เช้าๆอย่างนี้ แบ่งๆกันไปหน่อยพี่ๆ” ถึงแม้รถจะไม่แน่น แถมยังมีที่โล่งว่าง แต่เขาก็ยังเอ่ยปากบอกผู้โดยสารอย่างนั้น เหมือนกับว่า มันเป็นประโยคติดปากของบรรดากระเป๋ารถเมล์ก็ได้ แต่ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ดีเสียอีก ฉันจะได้ยินเสียงห้าวๆ เร้าอารมณ์ (อะไรไม่รู้) อย่างนั้นเรื่อยไป

    “พี่ๆ เห็นป่ะ เด็กนักเรียนหน่ะ ลุกให้เด็กนั่งหน่อยดิ สองสามป้ายก็ถึงโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวเขาก็ลงแล้ว” อั้นแน่.. หล่อแล้วยังใจดี แถมปากยังไวอย่างกับปากหมา..น ของเขากัดอีตาหนุ่ม ที่ทำท่าน่าจะสำอางค์ เพราะแต่งตัวเสื้อเชิ้ตเรียบกริบ กรีบนี้โง้งตามแขน กางเกงแสลคสีดำ อู้ย.. เรียบอย่างกลับเอาเตารีดนาบสักสามเดือน อีตานั่นกระเง้ากระงอดลุกขึ้น สะบัดสะบิ้งลุกขึ้นให้หนูน้อยนักเรียนชั้นประถม ที่หิ้วกระเป๋ากลางเก่ากลางใหม่ ใหญ่และหนาหนักด้วยความอัดแน่นไปด้วยหนังสือ หนูน้อยผลุบนั่งอย่างเรียบร้อยก่อนจะ หันมายกมือไหว้ หนุ่มเจ้าสำอางค์คนนั้น ที่ทำท่าค้อนควับๆ ให้แก่กระเป๋าสุดหล่อของฉัน อย่างกับจะบอกว่า… เอ็งทำไมไม่บอกคนอื่นให้ลุกยะ ทำไมต้องบอยด้วย ยืนอย่างนี้บอยก็เมื้อยนะ….

    สมชาย… ฉันแอบเห็นชื่อพี่เขาแล้วที่เสื้อยูนิฟอร์ม… ต๊ายชื่อของพี่กระเป๋านี่น่ารักดี ไม่รู้ว่าชื่อเล่นจะชื่อเต๋าอ๊ะป่าว แต่ยังไงมองไปทางไหน เต๋าหัวโจก ก็แพ้พี่กระเป๋าของเราอย่างไม่เห็นฝุ่น ก็ดีแล้วที่เต๋าแต่งงานกับนัท มีเรียไปแล้ว ไม่อย่างนั้น นัทต้องมาแย่งพี่สมชายกับเราแน่ๆเลย

    “ตลาดพี่ ป้ายด้วยพี่” เสียงตะโกนร้องบอกลูกพี่คนขับ ที่หน้าตาคล้ายโจรหน่อยๆ ต่างกับพี่สมชายราวฟ้ากับเหว ทำให้ฉันตื่นจากพะวังค์ ฉันรีบลุกพรวดขึ้นทันที เมื่อรถเมล์เกือบจะจอดเทียบป้าย ฉันตะกุยตะกายรีบคว้าสาแหรก ที่ค่อนข้างหนักอย่างรีบร้อน เพราะกลัวตาลูกพี่โจรสองร้อยห้าสิบ จะห้อออกเสียก่อน  

    “เดี๋ยวพี่ แม่ค้าจะลง” มือใหญ่อุ่นๆ คว้าหมับจับมือฉันที่พยายามรวบ ตัวสาแหรกทั้งสอง และไม้คาน มือใหญ่ร้อนผ่าวเสียจน ฉันต้องถอนมือออก ปล่อยให้เขาช่วยยกของลงให้อย่างง่ายดาย

    รถเมล์คันของเขาถลาออกจากป้ายอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฉันยืนมองตามท้ายรถคันนั้นอย่างลืมเวลา และดมควันดำๆ เข้าเต็มปอดราวกับจะซึมซับ เขาเข้าไปข้างในร่างกายฉัน

    “แม่ค้าปลากิม” นานเท่าไหร่ไม่รู้ แม่ค้าขายน้ำเต้าหู้ก็เข็นรถมาใกล้

    “มายืนยิ้มดมควันรถอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่ไปขายของหรือไง”

    “ไปจ๊ะน้า” ฉันตอบค่อยๆ ก่อนจะหาบสาแหรกตามเธอ เข้าไปในตัวตลาด

    ---------------------------------------------------------

    “แม่ค้าขอ ปลากิมไข่เต่าที่นึงจ๊ะ” เสียงห้าวๆ ทำให้ฉันเงยหน้า จากหม้อปลากิมขึ้นมอง อู้ยพี่สมชาย ตายแล้ว ฉันตักปลากิมไม่ถูกแล้ว ไหนตัวหวาน ไหนตัวเค็ม ไหนน้ำล้างถ้วยในถังตักผิดตักถูก แล้วก้มหน้าก้มตา ส่งให้เขาโดยไม่กล้ามองหน้า ได้แต่มองตามร่างสูงโปร่งในชุดยูนิฟอร์ม เดินถือถ้วยพลาสติกใบเล็ก สีแดง เดินตรงไปยังร้านก๋วยเตี๋ยว ที่ป้าก๋วยเตี๋ยวเนื้ออนุญาต ให้ลูกค้าของฉันไปนั่งกินที่นั่นได้ ต๊ายนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมเขาถึงตามฉันมาที่นี่ได้ … อยากจะคิดว่าเขาตามฉันมา เนื่องจากว่าฉันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่ ผ่านเวทีประกวดนางงามทุเรียนเมืองนนท์ มาแล้วนะเนี่ย แม้จะไม่ได้ที่หนึ่ง แต่ก็ติดรอบสิบคนสุดท้ายแหละ

    เฮ้อ… คนอะไรเท่ห์น่าดู ดูดิเสื้อสีฟ้ายูนิฟอร์ม ช่างเข้ากับเขาจริงๆ.. เออนี่.. จำได้แล้วแม่หมอเคยดูชะตาราศรีเอาไว้ ว่าเราจะได้แฟนเป็นหนุ่มในเครื่องแบบ.. ใช่แล้ว เขาต้องมาหาเราแน่ๆ ดูดิๆ ท่าเดินก็เท่ห์
    “เท่าไหร่แม่ค้า”  พี่สมชายโน้มตัวถามฉัน ใบหน้าห่างแค่คืบ

    “สามบาทจ๊ะ” ฉันพยายามทำเสียงหวาน เท่าที่จะทำได้ แต่เสียงที่ออกไปกับห้าว เกินสาวสวยอย่างฉันจะทำได้  

    “อร่อยนะ ขายดีหล่ะสิ หมดไม่เหลือเลย ถ้ามาช้ากว่านี้ คงไม่ได้กินปลากิมไข่เต่า อร่อยๆ อย่างนี้แน่ๆ” …ต๊ายเขาตามมากินของเราจริงๆด้วย.. ฉันอยากจะตะโกนออกมาอวดน้านำ้เต้าหู้นัก แต่ได้แต่เก็บเอาไว้คนเดียว

    “หมดก็ดี ตลาดเริ่มวายแล้วหล่ะ เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว” ฉันพยายามนักหนา ที่จะเลียนแบบท่าจีบปากจีบคอนังกระเทยตุ๋ย ที่แคะขนมครกไป จีบปากจีบคอ และส่งตาหวานจีบหนุ่มทั่วตลาดไป

    “เหรอ กลับด้วยกันไหม”  ตายแล้วพี่สมชายชวนฉันกลับบ้านด้วย

    “แล้วพี่สม เอ่อ.. พี่รู้หรือว่าบ้านจอยอยู่ไหน” ฉันเกือบจะเผยไต๋ไปแล้วไง ว่าฉันแอบ สืบรู้ชื่อของเขา

    “ไม่รู้หรอกว่่าบ้านน้องจอยอยู่ที่ไหน แต่พี่รู้ว่าน้องจอยขึ้นรถพี่ที่ป้ายไหน” อ๊ะ.. อ๊ะ.. เขาสังเกต เราด้วยอย่างนี้ ก็..
    ก็.. ก็..

    “ต๊ายคุณสมชาย” เสียงบีบดัดยานคางเรียกมาจากเบื้องหลังของนังตุ๋ย

    “วันนี้มาอุดหนุนปลากิมนังจอยหรือค้าาาาาาาา” กว่าเธอจะลากเสียงจบ เธอก็เข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่าง พี่สมชายกับฉันเสียแล้ว

    “ลืมหนมครกของตุ๋ยแล้วหรือค่ะ” เห็นตาหวานช้อยของนังตุ๋ยแล้ว อยากเอาช้อนแคะขนมครกของมัน แคะตาอันช่างฉอเลาะพี่สมชายของมันออกมาจริงๆ

    “ไม่หรอก แต่วันนี้อยากกิน ปลากิมไข่เต่า” เขาตอบไปยิ้มไป น่าดู้น่าดู

    “เอ๊ะ หล่อนยังไม่กลับหรือย่ะ ตลาดวายแล้วนะ ข้าวของก็ขายหมดแล้ว จะแจ๋นอยู่ทำไม” นังตุ๋ยหันมาแขวะฉันเอาดื้อๆ  แต่ก่อนที่ฉันจะโต้กลับ พี่สมชายคว้าสาแหรกของฉันหาบเอาดื้อๆ

    “นั่นสิ กลับกันเถอะ”

    ------------------------------------------------------------

    “ไงย่ะ พี่สมชายไม่มาหาหรือวันนี้ เห็นหนุงหนิง หนุงหนิง กับหล่อนหลายเดือนแล้วนะ” นังตุ๋ยอีกเหมือนเดิม จะมีใครเสียอีกหล่ะ ที่ทำท่าอิจฉาฉันกับพี่สมชาย ออกหน้าออกตาอย่างนังตุ๋ยนี้หน่ะ

    “เห็นว่าวันนี้ เพื่อนไม่สบาย พี่เขาเลยจะเข้ากะแทนเพื่อนแหละ” ฉันตอบไปพลางเก็บของไป

    “นี่นะ ฉันจะบอกอะไรให้ หล่อนหน่ะยังไม่รู้ ก่อนหน้าที่หล่อนจะมาเจ๋อ ขายปลากิมฮวย ในไหปลาร้าของหล่อนหน่ะ พี่สมชาย เขามาล้อมหน้า ล้อมหลังกินหนมครกของฉันแทบทุกเช้า” นังตุ๋ยทำหน้ากรุ้มกริ่ม คล้ายอมความลับอะไรของมันไว้

    “แล้วไง ก็แค่เขาชอบหนมครกของตัว ไม่เห็นแปลก” ฉันทำท่าไม่สนใจ ทำให้นังตุ๋ย เริ่มหงุดหงิด

    “ไม่แปลกไรย่ะ เธอไม่เคยรู้เหรอว่า ผู้ชายที่ชื่อสมชายหน่ะ หัวใจหญิงทั้งนั้นแหละ” นังตุ๋ยเริ่มทำท่าจีบปากจีบคอ กระซิบกระซาบ

    “ฉันบอกให้หล่อนรู้ไว้ก่อนน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าเหี่ยวๆของหล่อนนะย่ะ ว่าเช็คให้แน่ย่ะ เช็คให้แน่ ฉันกับพี่สมชายหน่ะอินเลิฟ หล่อนหน่ะอย่าหวังสูง”

    ตลอดทางที่ฉันหาบสาแหรกกลับบ้าน หัวก็ครุ่นคิดตลอดทาง.. นังตุ๋ยมันพูดจริงปล่าวว่ะ.. ฉันก็เพิ่งจะเริ่มขายของที่ตลาดนี้ได้ไม่นาน แถมยังเพิ่มจะรู้จักพี่สมชายด้วย เกิดพี่สมชาย กลายเป็นสมหญิงไปทำไงหว่า.. ไม่หรอก คนชื่อสมชาย ก็เป็นชายแท้ตั้งหลายคน เอ.. แต่ก็มีหลายคนใจเป็นหญิงเหมือนกัน.. โธ่นังตุ๋ย ไม่น่าเอาเรื่องอย่างนี้มาใส่หัวฉันเลย.. ทำไงดีว่ะ..

    -------------------------------------------------------

    “จอย” เสียงพี่สมชายเรียกอยู่หน้าบ้าน ทำให้ฉันต้องวางมือจากการ เตรียมของขายวันรุ่งขึ้น แล้วเดินไปเปิดประตูให้เขา

    “ทำอะไรหน่ะ” คนพูดเดินตามมาถึงในครัว

    “ทำของขายจ๊ะ” ฉันตอบก่อนจะส่งน้ำให้เขา

    “พี่เพิ่งกลับจากทำงานหรือ”

    “จ๊ะ ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย รีบมาหาจอยก่อน”

    “โธ่รีบมาทำไม พี่ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน นี่ก็จะบ่ายแล้ว กลับไปนอนเถอะ”

    “แหมจอยพูดเหมือนไม่อยากจะเจอพี่อย่างนั้นแหละ” คำพูดขัดกลับท่าทาง ของเขานัก เนื่องจากเขาเดินเข้าไปคน
    หม้อกระทิอย่างขมีขมัน

    “พี่ช่วยนะ”

    “ถ้าอยากทำก็เอาสิ” ฉันเริ่มจับจ้องท่าทางของเขา ที่ผู้ชายอะไรจะจับช้อน จับตะบวยได้เข้าท่าเข้าทางอย่างนี้

    “พี่ชอบทำกับข้าว พรุ่งนี้หลังเลิกกะห้าโมงเช้า พี่จะรีบกลับบ้านทำกับข้าว จอยไปกินข้าวกลางวันกับพี่นะ” เฮ้ยผู้ชายเขาชอบทำกับข้าวหรือว่ะ เอ.. เริ่มเข้าเค้า

    “เออนี่พี่ จอยมี VCD แผ่นก๊อป เรื่องกระเทยเหล็กหล่ะ ทั้งสองภาคเลย ซื้อมาจากตลาดแผ่น 99 บาทเอง พี่จะดูไหม”  ฉันเริ่มแผนการจับตุ๊ด เอ๊ย..จับผิด

    “เอาสิเรื่องนี่พี่ยังไม่เคยดู เห็นใครๆว่า พระเอกหล่อน่าดู” เฮ้ย.. ทำไมพี่เขาชมผู้ชายด้วยกันหล่ะ ฉันเริ่มมองหน้าพี่สมชายตรงๆ

    “ขอจอยถามอะไรหน่อยเหอะ” ฉันเริ่มเก็บไว้ไม่ได้แล้ว ถ้าพี่สมชายจะเป็นตุ๊ด ก็ขอให้รู้กันไปวันนี้แหละว่ะ  สองสามเดือนที่ผ่านมาถึงแม้มันจะมีค่า และทำให้ฉันมีความสุขมากเมื่อฉันมีพี่สมชาย เข้ามาในชีวิตเหงาๆของฉัน แต่.. แต่.. ถ้าเขาจะชอบนังตุ๋ย หรือ สาวประเภทสองฉันก็คงต้องตัดใจ คิดได้อย่างนั้นแล้ว ทำให้หัวใจของฉันที่เหี่ยวนอกแล้วยังเหี่ยวในขึ้นมาอีกตั้งเยอะ

    “เป็นไรไปจอย” พี่สมชายเข้ามาใกล้

    “นังตุ๋ยมันบอกว่าพี่กับมันมีอะไรกัน” ฉันบอกไปแล้ว

    “เฮ้ย!” พี่สมชายร้องเสียหลง

    “พี่ไม่มี้ ไม่มีอะไรกับมัน” เสียงห้าวบอกปัด เสียงแหลมปี๊ดอย่างตกใจ

    “จริงอ่ะ” ฉันเริ่มรุก

    “จริงสิ จอยเห็นพี่เป็นอะไร” คนพูดทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

    “เห็นเป็นตุ๊ดหน่ะสิ”

    “เฮ้ย” คนพูดถอยหลังกรูดห่างไป

    “ทำไมจอยคิดอย่างนั้น”

    “ไม่รู้ดิ เพราะนังตุ๋ยมั้ง” ฉันเริ่มบอกเสียงอ่อย

    “เชื่อมัน มันแหละมาชอบพี่ แต่พี่ไม่เค้ย ไม่เคยชอบใคร นอกจากจอยคนเดียว” อ่ะ.. อ่ะ.. อ่ะ..

    “ว่าไงนะ” ฉันถามกลับ

    “พี่ชัย คนขับ เขาชอบกินขนมครก แล้วนังตุ๋ยมันทำอร่อย พี่เลยซื้อไปให้เขาบ่อยๆ” พี่สมชายทำท่าจะเล่าเรื่องยาวแต่ฉันขัดเขาเสียก่อน

    “ไม่ใช่ตรงนั้น ตรงอย่างหลังหน่ะ” ฉันถามไปแล้ว ก็รู้ถึงความร้อนของใบหน้า ที่คงแดงโร่หล่ะสิ

    “ตรงไหน” พี่สมชายทำท่าเอ๋อ ไม่รู้ว่าฉันต้องการอะไร

    “ตรงที่พี่บอกว่า .. บอกว่า”

    “ชอบจอยหน่ะหรือ” เขาเลิกเอ๋อแล้ว เปลี่ยนเป็นทำท่ากรุ้มกริ่มแทน

    “โธ่พี่ตามกินขนมของจอย จนจะอ้วนอยู่แล้วยังไม่รู้ใจกันอีกหรือ” เขาเดินมาใกล้

    “พี่ชอบจอยนะตั้งแต่แรกเห็น วันแรกที่จอยขนของขึ้นรถเมล์พี่แล้ว อยากจะคุยด้วยหลายครั้งแล้วก็ไม่กล้า จนกระทั่งวันนั้นที่ตัดสินใจไปคุยกับจอย ที่ตลาดหน่ะ” เฮ้อ โล่งอกไป นังตุ๋ยนะใส่ไฟจนเกือบจะสำเร็จ

    “งั้นจอยก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ” ฉันบอกเสียงอ่อย แต่หัวใจพองโต

    “ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ทำให้พี่รู้ว่าจอยคิดอย่างไรกับพี่ ถ้าจอยไม่ชอบพี่บ้าง จอยจะแคร์ทำไมว่าพี่เป็นตุ๊ด หรือเปล่า”  นั่นสิ ถ้าเราไม่ชอบพี่สมชาย เราจะพร่ำเพ้อพรรณา และคิดบ้าคิบอเตลิดเตลยไปอย่างนี้หรือ

    “ทีหลังมีอะไร ก็ถามพี่ตรงๆนะ แล้วก็มั่นใจได้ว่า พี่หน่ะชอบจอยคนเดียว ไม่ใช่ว่าตุ๊ดอย่างเดียวที่พี่จะไม่มอง สาวแกแม่หม้าย ใหนๆ พี่ก็จะไม่มอง” เฮ้อหัวใจพองโตคับอก จนต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็สูดหายใจเข้าอย่างปลอดโปร่ง แต่เอ๊ะ กลิ่นอะไรหว่า.. ตายแล้ว ปลากิมไข่เต่าของฉันไหม้หมดแล้ว…

    ---------------------------------------------------------------------

    เอาไว้อ่านเล่นๆนะคะ เขียนแบบรวดเดียวจบ ผิดถูกอย่างไรติชมได้เลยค่ะ หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ

    ชมพูพันธ์ทิพย์

    จากคุณ : ชมพูพันธ์ทิพย์ - [ 9 ต.ค. 46 09:56:24 A:67.30.216.104 X: ]