ฉันรักฤดูฝน : โลกมืดภายใต้เสื้อกันฝน

    “  อรุณเบิกฟ้า  นกกาโบยบิน
      ออกหากิน     ร่าเริงแจ่มใส
      เราเบิกบานรีบมาเร็วไว
      ยิ้มรับวันใหม่.. ยิ้มให้แก่กัน ”


    เสียงเพลงจากรายการโปรด “เจ้าขุนทอง”
    ที่จะต้องตื่นขึ้นมานั่งดูทุกๆ เช้าก่อนไปโรงเรียน
    ราวกับว่าเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องปฏิบัติตามกระนั้น  


    และ.. เพราะเหตุที่บ้านกับโรงเรียนอยู่ไม่ไกลกันนัก
    จึงมีเวลาที่จะ “โอ้เอ้” นั่งกินข้าว   ดูการ์ตูนได้จนจบเรื่อง
    ก่อนจะถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธง


    ทุกเช้า.. พ่อจะมีหน้าที่ขับมอเตอร์ไซด์ไปส่งฉันที่โรงเรียน


    ถ้าเป็นวันที่ฝนตกหนัก..
    พ่อจะใส่เสื้อคลุมกันฝนตัวใหญ่..  โผล่แค่หน้า
    โดยมีฉันซุกตัวอยู่ใต้เสื้อกันฝนของพ่อ..  โผล่แค่ขา
    ไม่เห็น..  ไม่รับรู้อะไรเลยจนถึงโรงเรียน


    แทนที่จะรู้สึกอึดอัดกับ “โลกมืดภายใต้เสื้อกันฝน”  ของพ่อ
    ฉันกลับรู้สึก “สนุก”  กับการเดาว่า..
    ตอนนี้มอเตอร์ไซด์วิ่งมาถึงตรงไหนแล้ว
    โดยสังเกตจากพื้นถนน..  ที่อยู่ตรงปลายขา


    “สนุก”  เสียจนอยากให้ถนนสายนั้นยืดยาวออกไปเรื่อยๆ


    นอกเหนือไปจากความสนุก..
    กระไอแห่งความรู้สึก “อบอุ่น”  และ “ปลอดภัย”
    ก็อบอวล  “อุ่นไอ”  กระจายตัวอยู่ภายใต้เสื้อคลุมกันฝนตัวนั้น


    หากทว่าใครหลายๆ คนที่พบเห็น..
    กลับมองเราด้วยความสงสารและเห็นอกเห็นใจ

    “ทำไมไม่ให้นั่งสามล้อมาล่ะ   โถ..  คงลำบากน่าดู”


    พ่อหันมายิ้มให้ฉัน  ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังฉ่ำไปด้วยเม็ดฝน  

    “สำหรับลูก  ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกลำบากสักครั้ง”


    และเพราะคำพูดประโยคนี้เอง..
    ที่ทำให้ฉันชอบที่จะนั่งมอเตอร์ไซด์มากกว่ารถยนต์เวลาที่ฝนตก


    “โลกมืดภายใต้เสื้อกันฝน”  ของพ่อ
    ยังคงให้ความรู้สึก  “อบอุ่นและปลอดภัย”  ดังเดิม


    “แต่..  ฉันกำลังสนุกอยู่บนความทุกข์ของพ่อหรือเปล่าเนี่ย ? ”









    จากคุณ : immuno - [ 10 ต.ค. 46 00:56:22 ]