The Warrior ภาค Planet Guardian 3

    บทที่3 มุ่งหน้าสู่ความจริง
    แม้ว่าพวกคนชุดดำทั้งสิบคนจะสามารถไปไหนมาไหนได้โดยใช้เครื่องมือที่ผ่ามิติได้ แต่ปัญหาของพวกเขาก็ยังมีเพราะดิโอนั้นไม่ได้เป็นชาวอังกฤษเหมือนพวกเขา ดิโอจึงต้องมีหนังสือเดินทางและวิซ่าเพื่อผ่านทางหรือเพื่อไปอยู่ประเทศอังกฤษ แต่เพราะตอนที่พวกเขาพยายามพาดิโอออกมาจากบ้านของเขา พวกคนชุดดำไม่ได้เอะใจเตรียมวิซ่าไว้ให้ดิโอ ชายชุดดำทั้งสิบคนจึงถกเถียงกันสียงดังลั่นกลางสนามบินไทยอินเตอร์เป็นภาษาอังกฤษ จนกระทั่งมีพวกยามวิ่งมาหาพวกเขาเพราะนึกว่าพวกเขาตีกัน แต่พวกกลุ่มชุดดำก็แก้ตัวว่าถกเถียงกันเรื่องเมืองไทยเป็นประเทศเดียวกับอาณาจักรสยามหรือไม่ พวกยามก็พยายามพูดภาษาอังกฤษเพื่ออธิบายแต่อธิบายไม่ทันไร พวกคนชุดดำก็พยายามทำให้พวกยามกลับไปทำงานและเลิกยุ่งกับเขา เมื่อพวกยามไปแล้วกลุ่มคนชุดดำก็ตกลงว่าจะแบ่งกลุ่มเป็นสองกลุ่มโดยที่จะให้กลุ่มหนึ่งพาดิโอไปอังกฤษโดยใช้หนังสือเดินทางจากชายคนหนึ่งในกลุ่มที่สองที่จะกลับไปที่บ้านของดิโอเพื่อดูหาหนังสือเดินทางและตามหาผู้เหลือรอด

    “ตอนนี้ก็เหลือแค่หารูปมาใส่แทนที่พาสปอร์ตของคริส”หญิงผมยาวสีน้ำตาลเอ่ย
    “แล้วเช้าอย่างนี้จะทำได้ที่ไหนละ” ชายผมยาวสีดำเอ่ย
    “เดี๋ยวก่อนๆ แล้วพาสปอร์ตของคริสนี่เป็นพาสปอร์ตไทยหรือเปล่า”ชายผมสั้นสีแดงเอ่ย

    กลุ่มคนชุดดำทั้งสี่มองห้ากันและกัน แล้วก็หัวเราะออกมา เพราะทุกคนไม่ได้คิดถึงเรื่องหนังสือเดินทางไทยหรืออังกฤษเพราะไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ดิโอเป็นคนไทย ทันใดนั้นเองเสียงมือถือของชายผมหยิกที่กำลังยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกชุดดำทั้งสี่ดังขึ้นแล้วเขาก็รับ
    “ฮัลโหล นี่เดวิสพูด คริสเหรอ อืมรู้แล้วว่ามันใช้ไม่ได้  จริงเหรอ เจอแล้วเหรอ…อืมโอเคบ้ายบาย”
    ชายผมหยิกเก็บโทรศัพท์มือถือของเขาแล้วเดินออกไปจากตึกผู้โดยสาร โดยที่กลุ่มชุดดำทั้งสี่ไม่ได้สังเกต
    “เออ! แล้วนี่เดวิสไปไหนแล้วละ” ผู้หญิงผมสีน้ำตาลถาม
    “เบ็กก้า!! จะสนเขาไปทำไม เขาจะไปไหนก็เรื่องของเขาไม่เห็นจะต้องถามเลย” เด็กชายผมสีดำเอ่ย “ แต่ เอริก!! เขาก็เป็นหนึ่งในทีมเรานะ” เบ็กก้าพูด

    เสียงพูดของเอริกและเบ็กก้าดังมาก และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ดิโอที่นอนอยู่บนตักของเบ็กก้าตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่เขาไม่คิดจะหนีเพราะถ้าเขาลุกตอนนี้กลุ่มคนชุดดำก็จะรู้ตัวและอาจทำร้ายเขาอีก เขารู้สึกกลัวมากเพราะเขาไม่รู้ว่า พวกชุดสีดำพูดอะไร เพราะเขาฟังภาษาอังกฤษไม่ได้ ยิ่งพอพวกเขาแหกปากเพราะเรื่องเดวิสหาย ใจของดิโอนั้นร่วงไปอยู่บนตาตุ่ม ทันใดนนั้นเองเดวิสวิ่งกลับมาพร้องหนังสือเดินทางสีเลือดหมูในมือของเขา
    “เฮ้ย นั่นไง มันกลับมาแล้ว” เอริกตะโก
    “ทายสิ นี่อะไร” เดวิสชูหนังสือเดินทางไทยสีเลือดหมูให้ทุกคนประจักร เอริกหยิบเอาหนังสือเดินทางไปแล้วเปิดหน้าแรก ซึ่งเป็นหน้าที่มีชื่อและรูปเจ้าของ เอริกถึงกับหน้าถอดสีและยื่นหนังสือเดินทางคืนเดวิส
    “แล้วเขาเป็นไงบ้าง”เอริกพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด
    “ไว้ค่อยเล่าทีหลัง ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอก เราต้องหาทางพาดิโอไปอังกฤษก่อน” เดวิสตอบพร้อมกับมองมาที่ดิโอที่กำลังนอนหนุนตักเบ็กก้า
    “เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง ตอนนี้ที่ผมต้องการก็เพียงแค่รูปถ่ายขาวดำสำหรับเปลี่ยนกับรูปพาสปอร์ตอันเก่า แต่ปัญหามันยังไม่จบนะ เพราะเช้าๆอย่างนี้คงไม่มีที่ไหนรับถ่ายรูปหรอก” เด็กชายที่ผมสีทองพูด

    กลุ่มคนชุดดำกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาตู้ถ่ายรูป ตามปกติแล้วในสถานที่สำคัญต่างๆในต่างประเทศเช่นพวกห้างสรรพสินค้าจะมีตู้ถ่ายรูปเพื่อติดบัตรต่างๆ แต่สนามบินดอนเมืองของไทยนั้นไม่มี จะมีก็แต่เพียง....
    “เฮ้ย ตู้นั้นเป็นไง” เอริกชี้ไปที่ตู้สติกเกอร์พร้อมทั้งพูด แต่เขาไม่รู้ว่ามันคือตู้สติกเกอร์เขาคิดเพียงแต่ว่าเขาต้องพยายามทำคะแนนเพื่อไม่ให้เดวิดได้หน้าเพียงคนเดียว
    กลุ่มคนชุดดำทั้งสี่ยกเว้นเบ็กก้าเดินตรงไปที่ตู้สติกเกอร์ใกล้ๆกับประตูทางออก และพินิจดูว่ามันคืออะไรและมันใช้อย่างไร

    เบ็กก้าจ้องมองหน้าดิโอพลางลูบไล้หน้าของดิโอที่อยู่บนตักของเธอ ถึงแม้เป็นครั้งแรกที่เธอพบดิโอ เธอก็รู้สึกประหลาดคล้ายกับว่ามันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลูบไล้หน้าของเด็กชายคนนี้ เธอมีแฟนแล้วแต่เพราะอุบัติเหตุบางอย่างทำให้แฟนของเธอนั้นล้มป่วยและไม่สามารถมาทำงานนี้กับเธอได้

    ทางด้านดิโอนั้นเมื่อรู้ว่ากลุ่มชุดดำทั้งสี่คนเดินออกไปแล้ว เขาก็หาโอกาสที่จะหลบหนี เมื่อเขาเห็นโอกาสตอนที่เบ็กก้าลูบไล้หน้าเขา เขามั่นใจว่าผู้หญิงคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้มาก เขาต้องพยายามคุยกับเธอและเมื่อมีโอกาสเขาก็ควรจะหนี ดังนั้นเขาควรลืมตาขึ้นมาก่อนเพื่อคุยกับเธอ

    “ที่นี่ ที่ไหน” ดิโอเอ่ย
    เบ็กก้าตกใจมากเมื่อเห็นดิโอพูด แม้ว่าเธอจะเข้าใจภาษาไทยแต่เธอก็ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ เธอจึงตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษกับดิโอ แต่ดิโอนั้นไม่เข้าใจและคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในกลุ่มที่จะมาฆ่าเขาและไทเลอร์เขาจึงพยายามมองหาลู่ทางหนี เบ็กก้าเปิดกระเป๋าสพายและหยิบหูฟังอันเล็กๆสองอันคล้ายกับของพวกที่หูไม่ดีใช้และส่งให้ดิโอแต่ดิโอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เธอจึงหยิบมันจากมือดิโอใส่ที่หูข้างซ้ายและขวา
    “ทีนี้ เธอฟังฉันรู้เรื่องไหม” เบ็กก้าถาม
    ดิโองงที่ทำไมเขาถึงฟังเบ็กก้ารู้เรื่องคล้ายกับเบ็กก้าพูดภาษาไทยกับเขา ซึงจากสำนวนที่เธอพูดคล้ายกับเธอนั้นเป็นเจ้าของภาษาเหมือนคนไทยคนอื่น
    “ตกลงเธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม” เบ็กก้าถามอีกรอบ
    “ครับ” ดิโอตอบเป็นภาษาไทยและเขาไม่แน่ใจว่าเธอจะเข้าใจหรือเปล่า
    “อ๋อ ฉันลืมไป เธอพูดภาษาไทยก็ได้นะเพราะฉันก็ใส่หูฟังเปลี่ยนภาษาเหมือนกัน”
    “หูฟังเปลี่ยนภาษาเหรอ??”
    “ใช่จะ เครื่องนี้จะทำให้เธอฟังภาษาอะไรก็รู้เรื่อง” เบ็กก้ายิ้มให้กับดิโอ

    ดิโอสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรของเบ็กก้า แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ไว้วางใจเธอเพียงเพราะว่าเธอสามารถสื่อสารกับเขาได้ เขาจำเป็นต้องรู้ว่าเธอเป็นใครและต้องถามว่าพวกของเธอกำลังจะไปที่ไหน

    “คุณเป็นใคร ครับ” ดิโอถามด้วยน้ำเสียงที่ส่อถึงความกลัว
    “องคกร SPICE จ้ะ มัน ย่อมาจาก Special forces for Prevention against Internationally Convicted Enemies หน้าที่ของพวกเราก็คือป้องกันบุคคลสำคัญอย่างเธอและต่อสู้กับพวกกองกำลังเถื่อน”
    “บุคคลสำคัญ ?? ผมเนี่ยนะ?”

    จากคุณ : Michael (icq17266114) - [ 10 ต.ค. 46 04:09:28 ]