เรื่องราวที่เล่าผ่านตัวหนังสือชิ้นนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบ้าง เสริมเติมแต่งบ้าง เพื่อสีสัน ความมันส์ ความสนุกสนาน ของทั้งตัวผู้อ่าน และผู้เขียนเอง หากข้อความใด ไปซ้ำหรือย้ำกับประสบการณ์ของใคร ผู้เขียนหวังว่า จะเป็นเหมือนการเปิดกล่องความทรงจำที่ดี ของใครคนนั้น
.................................................................
ตีห้าไปรับนะ
กิมย้ำ
โห เอาจริงเหรอ
ฉันเริ่มโอดครวญ เรื่องของเรื่องคือ พวกเราจะไปช๊อปปิ้งในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้ากัน (Thanksgiving Day) แต่ทำไมต้องไปเช้าขนาดนั้นด้วยฟ่ะ
คนเยอะนะย่ะเธอ ถ้าไปช่วง Early Bird จะมีลดราคาเพิ่มด้วย ไม่สนเหรอ
กิมโน้มน้าวเต็มที่
แต่ต้องออกตีห้าเนี่ยนะ ฉันไม่ต้องตื่นตีสี่เหรอ
ฉันเอ่ยเสียงอ่อน
ก็เดี๋ยวกิมโทรไปปลุก ลดเยอะนะเฟ้ย ไม่ไปจะเสียดาย
กิมยังทั้งเชิญ และชวน
อืมๆ ก็อยากไปหรอก แต่ฉันนะโรคความดันต่ำนะย่ะบอกไว้ก่อน อารมณ์จะบูดเป็นพิเศษในตอนเช้า
ฉันเอ่ยเป็นเชิงตอบรับ แต่ยังคงไว้ท่าอยู่
งั้นวันนี้กลับเร็วเถอะ จะได้รีบไปนอน
ฉันเอ่ยชวน ตอนนี้ พวกเราอยู่ในงานปาร์ตี้ที่บ้านพี่คนไทยคนหนึ่ง หลังจากทานอาหารค่ำที่ทำกันเอง (แน่นอน ฉันไม่ได้มีส่วนในขั้นตอนการทำอาหาร เพราะเดี๋ยวทำแล้วจะต้องเททิ้งซะหมด) เรานั่งคุย สังสรรค์อะไรเรื่อยเปื่อย ไม่ได้มีสาระอะไรเลย
ไรกัน สี่ทุ่มเองนะ จะนอนเผื่อใครกัน
กิมพูดขึ้น
แหม ฉันมันพวกต้องนอนแปดถึงสิบชั่วโมงนี่หน่า แล้วเนี่ยกว่าจะกลับไปถึง ฉันต้องอาบน้ำขัดสีฉวีวัน ต่อเน็ต
.
นี่ยังคิดจะต่ออีกเหรอ
กิมแทรกทันควัน
ก็แค่เช็คอีเมล์
ฉันโต้กลับ
เช็คอะไรมากมายย่ะเธอ เช็ควันหนึ่งแปดถึงสิบรอบ จะมีใครส่งอะไรให้เธอได้ทั้งวัน
ฮือๆ ความสุขของฉันแค่นี้ ทำไมต้องมาขัดขวางด้วยละ ไม่เคยได้ยินเหรอความสุขคนเรานั้นแสนสั้น ตอนที่มีก็ต้องรีบฉวยเอาไว้
ฉันแกล้งบีบน้ำตา พูดเบาๆปนเสียงเศร้า
เออๆ พอแล้ว รับไม่ได้อ่ะ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ยังไงพรุ่งนี้ต้องตื่นมาให้ทันละกัน
กิมตัดบท ไม่ได้ด้วยความสงสารฉันเล้ย (ดูออกอ่ะ) หรือฉันแสดงไม่เก่งหว่า
ฉันกลับถึงบ้าน กว่าจะได้นอน (ก็เล่นเน็ตอ่ะนะ) ก็เกือบตีหนึ่ง ขนาดยั้งๆไว้แล้ว เสียงโทรศัพท์ทำงานได้เป็นอย่างดี ตรงเวลาจริงเชียวตากิม แต่ฉันนะสิ มันลืมตาไม่ขึ้น เลยนอนต่อ ก่อนตกใจตื่นอย่างมีสำนึก :D (หรือเปล่าอ่ะ)
เอ๊ะ
ฉันลุกขึ้นแบบสะดุ้งๆ เหมือนมีใครปาข้าวสารเสกใส่ ตาเจ้ากรรมเหลือบไปมองนาฬิกา
ไอ้หย๋า ตีสี่ครึ่งแล้ว แม่ขา
ฉันลุกแบบไม่ต้องมีอะไรมาลากแล้ว
ตากิมด่าตายเลย
ฉันบ่นงึมงำ
อาบน้ำอย่างเร่งด่วน ไม่มีการพิถีพิถันอะไรทั้งนั้น เหมือนวิ่งผ่านน้ำอย่างที่พี่ลมเคยว่าฉันบ่อยๆ คว้าเสื้อยืดสักตัวมาใส่กับกางเกงยีนส์สักตัวในตะกร้าผ้า
และเสียงโทรศัพท์มือถือฉันก็ดังขึ้นขณะกำลังใส่ถุงเท้า ฉันคว้าหมับกดปุ่มรับ ก่อนกรอกเสียงลงไป
โหล สองโหล
น้านยังมีเวลามาแหย่ ฉันเอาหัวไหล่หนุนโทรศัพท์ไว้ ก่อนทำการใส่ถุงเท้าต่อ
อยู่ข้างล่างแล้วนะ ลงมาได้แล้ว
เสียงกิมดังมาตามสาย
จ้าๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ
ฉันเอ่ยรับก่อนวางสาย แล้วจึงวิ่งไปคว้าเสื้อโค้ดซึ่งแขวนอยู่ที่ราว วิ่งมาดึงผ้านวมคลุมเตียงอย่างลวกๆ โกยของที่มีบนโต๊ะลงกระเป๋า และสุดท้ายคว้านาฬิกาเรือนเก่ง วิ่งออกไปสวมรองเท้า(แบบขอไปที) ที่หน้าประตู ก่อนล็อกห้องเรียบร้อย จึงไปกดลิฟท์
ประตูลิฟท์เปิดแล้ว ฉันก้าวเข้าไปอย่างด่วน กดชั้นแอล เพื่อไปที่หน้าตึกที่กิมรออยู่ ระหว่างนั้นก็แต่งตัวไป ปิดกระเป๋าที่ยังเปิดอ้าอยู่ สวมนาฬิกาให้เรียบร้อย รองเท้าบู๊ทที่ยังไม่ได้รูดซิปทั้งสองข้าง และสวมเสื้อโค้ทเป็นอันเรียบร้อย มันช่างพอดิบพอดี เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ฉันก็อยู่ในอีกสภาพหนึ่งซึ่งแตกต่างจากตอนออกจากห้อง
ถ้าตึกนี้เป็นตึกที่ทันสมัยแบบตามเมืองใหญ่ๆ ฉันคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน เพราะแค่คิดว่าจะต้องมีกล้องมาจับตา
มองอยู่ในลิฟท์ หยึ๋ย
ฉันมาถึงหน้าตึก มีรถจอดอยู่คันรู้เลยว่าตากิม เพราะคงไม่มีใครบ้าเท่าเราอีกแล้ว ออกไปช็อปปิ้งตอนตีห้า
กิมไปยืมรถพี่คนไทยคนหนึ่งมาเพื่อขับพาพวกเราไปช็อปปิ้ง งานนี้มีคนไปอยู่สี่คน กิม พี่ขิง พี่ลม และฉัน แต่ตอนนี้มีคนอยู่แค่สาม
อ้าวพี่ลมละ
ฉันเอ่ยถามเมื่อก้าวขึ้นรถตอนหลัง และได้เอ่ยทักพี่ขิง
เดี๋ยวไปรับนะ โทรตามเจ๊แกหน่อยสิผึ้ง
กิมบอก
จ๊ะ
ฉันขานรับ และกดเบอร์พี่ลม เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นาน ก่อนจะมีคนรับ
ว่าไง
พี่ นี่ออกจากบ้านผึ้งแล้วนะ เดี๋ยวแวะไปรับพี่แล้ว
ฉันกรอกเสียงไป
อืม ได้ๆ อาบน้ำเสร็จแล้ว
ฉันกดปุ่มปิดการติดต่อ รถมาถึงหน้าตึกพี่ลมอีกห้านาทีต่อมา พวกเรานั่งรอกันอยู่ในรถ ได้สักสิบห้านาที
เจ๊แกทำอะไรอยู่เนี่ย ยังไม่ลงมาอีกเหรอ
กิมเริ่มบ่น
ตอนโทรไป พี่เค้าบอกว่าอาบน้ำเสร็จแล้ว นี่โชคดีแล้วนะที่อาบเสร็จแล้ว
ฉันย้ำอย่างให้กำลังใจ ใครก็รู้กิตติศัพท์การอาบน้ำพี่ลมดี อาบทีรอหายเลย
คงอีกแป๊ปหนึ่ง แค่แต่งตัว น่าจะอีกสักสิบห้านาที
ฉันคาดคะเน
แต่นั่งในรถมันหนาวชะมัดเลย
กิมยังคงบ่นต่อ
อืม ฉันก็หนาวง่ะ ปีนี้หนาวเร็วจริง
ฉันเออออ รถคันนี้ Heater เสียค่ะ แล้วอากาศตอนนี้ก็ ฮ่าๆ หิมะตกแล้ว อุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์เซลเซียส จึงไม่เป็นที่แปลกใจ ว่าทำไมคนในรถทุกคนสวมเสื้อโค้ดกันหมด
พวกเรานั่งบ่นไป ฟังเพลงไป นินทาพี่ลมไป จนกระทั่ง เขาโผล่มาเปิดประตูตอนหลังเข้ามานั่ง ฉันจึงทำได้แค่สะดุ้งโหย๋ง
เสียงในรถเงียบกริบ ดูเหมือนเจ้าตัวจะจับได้
ทำอะไรกันอยู่นะ
เสียงเข้ม ดุๆ ของพี่ลมดังขึ้น
ก็
.เปล่า เนอะผึ้ง
กิมปฏิเสธ ก่อนโบ้ยมาที่ฉัน
พี่ลมเหล่ตามองมา
ก็ฟังเพลงกันอยู่ วิจารณ์เพลงใช่ไหมค่ะพี่ขิง
ฉันโยนต่อ ก็รู้กันอยู่ว่าพี่ลมเกรงใจพี่ขิง แต่ก็เฉพาะตอนอารมณ์ดีเท่านั้นแหละ เพราะไม่งั้นก็วีนแหลกเหมือนกัน
พี่ขิงคุยอะไรกันนะค่ะ
พี่ลมเอ่ยถามพี่ขิงตรงๆ
สัพเพเหระนะครับ ไม่ได้น่าฟังซะเท่าไร
พี่ขิงบอกปัด แต่ก็ปัดแบบกำกวมนิดหน่อย แต่ยังไงก็ตาม ก็ทำให้พวกเรารอดมาได้
แล้วไม่ออกรถเหรอ จะจอดทิ้งไว้นี่ รอให้มีรถมาลากไปหรือไง
พี่ลมเอ่ยขึ้นเสียงดุ
คร้าบๆๆ คุณนาย
กิมลากเสียงยาวแบบกวนๆ ก่อนนำรถเคลื่อนออกไป จุดหมายคือ Outlet นอกเมือง
จากคุณ :
xyz/xyzjung@yahoo.com (xyzjung)
- [
10 ต.ค. 46 12:27:32
]