ท่ามกลางความมืดมิดแห่งรัตติกาล
ดวงดาวเต็มท้องฟ้ารายล้อมพระจันทร์เสี้ยวแห่งคืนแรม
ซึ่งเปล่งแสงสีเหลืองหม่นๆปนสีแดง
ลมกรรโชกแรงจากทะเลทรายหอบทั้งห่าละอองเม็ดทราย
และความยะเยือกดุจใบมีดน้ำแข็งอันคมกริบบาดเอาความเย็นส่งไปถึงกระดูก
หากเป็นบุคคลทั่วไปคงจะพักพิงตักตวงเอาความอบอุ่นจากครอบครัว
และฟูกที่นอนในเคหสถานของตนเป็นแน่
.....แต่คงมิใช่ข้าผู้ซึ่งดำรงหน้าที่แห่งชะตากรรม
ซึ่งข้ามิอาจหลีกเลี่ยงได้
สองขาของข้า ก้าวพาตัวข้าออกไปจากเมือง สู่สถานที่ที่หนึ่งในทะเลทราย
สถานที่นั้นเป็นที่อัปมงคลซึ่งนักเดินทาง
พยายามหลีกเลี่ยงไม่เดินยอมเดินผ่าน
สถานที่เป็นที่พักผ่อนชั่วกาลของร่างกายไม่ว่าเป็นคนรวยหรือว่าคนจน
สถานที่อันเป็นเมืองของคนตาย " Necropolis หรือ สุสาน !! "
ถึงแม้พระจันทร์จะไม่ส่องสว่างสักเท่าไหร่ มันก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่ข้า
ข้าคุ้นเคยกับ necropolis ทุกที่
อาจเป็นเพราะหน้าที่แห่งชะตากรรมล่ะมั้งที่ทำให้ข้าต้องเดินทางไปที่
necropolis ทุกแห่งทั่วดินแดนแห่งนี้
ข้าก้าวเข้าไปสู่ขอบเขตของ necropolis
แสงสลัวส่งภาพขมุกขมัวของที่ฝั่งร่างกายไร้ชีวิต รายกันอยู่เป็นสัดส่วน
ที่ฝังศพของคนสามัญอาจเป็นเพียงหลุมธรรมดา
อาจมีแผ่นศิลาจารึกถึงผู้ตายปักไว้บนหลุมศพ
หากเป็นคนรวยที่ฝั่งศพก็ดูหรูหราดุจเป็นบ้านหลังย่อมๆของผู้ตายทีเดียว
....เฮอะ มนุษย์เอ๋ย เจ้าเกิดมาตัวเปล่า
ยามตายแทนที่จะฝั่งร่างอย่างสมถะเพื่อคืนร่างกายของเจ้าให้กับดิน
แต่เจ้าก็หลอกตัวเองว่าสักวันเจ้าจะคืนชีพขึ้นมาอีก
เลยสร้างหลุมศพเสียใหญ่โตเพื่อรอวันนั้น
เจ้าอาจจะรู้ว่าต้องรอเก้อ แต่เจ้าก็ยินดีจะหลอกตัวเอง โง่แท้...
แต่ไม่เกี่ยวกับข้านี่
ข้าควบคุมให้สงบใจหลังจากเกิดความรู้สึกดูแคลน
หลับตาลงหลอมรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับบรรยากาศโดยรอบเพื่อรับรู้ถึงอารมณ์
อารมณ์ของวิญญาณคนตาย
ข้าสัมผัสถึงกระแสกระแสหนึ่งล่องลอยมาสัมผัสตัวข้า
กระแสนั้นเยือกเย็นเสียยิ่งกว่าลมจากทะเลทราย
หากความยะเยือกของลมทะเลทรายคือคมมีดน้ำแข็ง
ความเย็นเยือกของกระแสนี้น่าจะรุนแรงเกือบถึงขั้นภูเขาน้ำแข็งเลยทีเดียว
หากฉับพลันความเย็นยะเยือกนั้นก็ระเหยเหือดไป กลายเป็นกระแสลมร้อน
แล้วร้อนขึ้น ร้อนขึ้น เฉกเช่นกองไฟกองเล็กๆ โหมกลายเป็นไฟป่า
พร้อมที่จะเผาป่าให้วายวอดกลายเป็นท้องทุ่งของถ่านและขี้เถ้าแทน
ความร้อนของกระแสนั้นแทบจะเผาไหม้ข้าให้ดับดิ้นตรงนั้นเลยทีเดียว
ข้าพยายามหาจุดกำเนิดกระแสนี่
อา............ ข้าพบมัน อยู่ไม่ไกลนี่เอง
จุดกำเนิดของกระแสยะเยือกแห่งความเศร้า
และกระแสร้อนของเพลิงกัลป์แห่งความแค้นเคือง
ข้าลืมตาขึ้น หากดวงจิตยังจับแนบอยู่กับกระแสนั้น
แล้วเดินไปยังหลุมศพที่เป็นต้นกำเนิดของกระแสนั้น
ข้าเดินลัดเลาะไปตามหลุมศพเรื่อยๆ กระแสนั้นค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้น
ความรู้สึกในกระแสนั้นทิ่มแทงข้าจนรู้สึกเจ็บๆคันๆ แต่หากพูดตามตรงแล้ว
ข้ากลับรู้สึกสะใจมากกว่าที่ได้สัมผัสกับกระแสนั้น
ความสะใจที่จะได้พบเหยื่อ ไม่ใช่สิ ควรจะเรียกลูกค้ามากกว่า
ข้าหยุดที่หลุมศพซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกระแสนั้น
เพียงเหลือบชำเลืองมองหลุมศพนั่นเล็กน้อย ข้าก็รู้ว่าเป็นหลุมศพของสามัญชน
แต่นั่นไม่สำคัญเท่าที่คู่แข่งของข้าปรากฏตัวอยู่ที่นั่น
และกำลังเกลี้ยกล่อมว่าที่ลูกค้าของข้าอยู่เสียด้วยสิ
คู่แข่งของข้า เป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาอ่อนโยน
ผมยาวหยักศกเป็นลอนสลวย เสื้อผ้าเป็นสีขาวบริสุทธิ์
ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงเรืองรอง เป็นจุดเด่นตัดข่มความมืดมิดแห่ง necropolis
"ฟังข้าเถิดแม่หญิง ท่านจงระงับความเศร้าและความโกรธแค้นเสียเถิด
บัดนี้ร่างกายของท่านได้คืนสู่พสุธาแล้ว
การยึดติดอยู่กับความแค้นและโศกกำสรดมีแต่จะทำให้วิญญาณของท่านหม่นหมอง
และจักขัดขวางวิถีสู่สุขคติภพของท่านเองนะ"
ข้าไม่รู้หรอกว่า เจ้าคู่แข่งพ่นไปกี่ประโยค
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามิอาจเกลี้ยกล่อมผู้ที่อาจกลายเป็นลูกค้าของข้า
ซึ่งเป็นวิญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่ง
หญิงคนนี้อาจดูสวยในร่างชีวิต
แต่สำหรับในร่างวิญญาณแล้วความสวยของเธอลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว
แก้มที่เคยขาวเนียนปรากฏรอยฟกช้ำและคราบน้ำตา
ซึ่งไหลมาจากดวงตาที่อาจจะเคยอ่อนโยน หวานเชื่อม
แต่ตอนนี้กลายเป็นดวงตาที่มีแววแข็งกระด้างคล้ายประจุไฟแห่งความแค้น
จ้องเขม็งไปทางทิศที่เมืองตั้งอยู่
ปากที่เคยแดงอิ่มเอิบ
ตอนนี้กลับยิ่งแดงยิ่งขึ้นความแดงส่งไปที่มุมปากด้านซ้ายกลายเป็นเลือดไหลลงเป็นสายไปหยุดที่ปลายคาง
และที่ลำคอระหงของเธอมีรอยแผลแดงยาวตัดทะลุหลอดลมและเส้นเลือด
มีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา
"คงจะไม่ได้หรอก ท่านบุรุษในชุดขาว
ถึงแม้ข้าจะมีศักดิ์ต่ำเป็นเพียงทาสขององค์ฟาโรห์
แต่พวกมันไม่น่าจะทำกับข้าเยี่ยงเดรัจฉาน
ท่านรู้ไหมอีกไม่นานข้าก็จะได้แต่งงานกับคนที่ข้ารัก
แม้เขาจะเป็นเพียงขุนนางชั้นเล็กๆ
ท่านรู้ไหมพ่อแม่ของข้าล้วนตายหมดสิ้น
แต่ข้ากำลังจะทดแทนด้วยการมีครอบครัวที่อบอุ่นและอยู่ร่วมทุกข์สุขกับคนที่ข้ารัก
แต่พวกมัน ไอ้ทหารต่ำช้าทั้ง 5 ตัว
เพียงแค่มันมียศสักดิ์สูงกว่าคนที่ข้ารัก เพียงความหื่นกระหาย
เพียงความ:-)หงี่อันเลวทรามของมัน พวกมันฉุดคร่าเอาตัวข้าไป
พลัดกันเสพสมข่มขืนข้า รอบแล้ว รอบเล่า
วนเวียนจนพวกมันพอใจ
แล้วพวกมันก็เชือดคอสังหารข้าเพื่อปกปิดความชั่วร้ายของพวกมัน
คนรักของข้าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆถูกบีบมิให้เรียกร้องความยุติธรรมได้เลย
เขาทำได้เพียงฝั่งศพของข้า แล้วซบหน้าเหนือดินกลางหลุมศพ
หลั่งน้ำตาแห่งความเศร้าและความแค้นใจ
ท่านรู้ไหมข้าแค้นใจ ความแค้นมันฝังลึก
กระทั่งตอนนี้ในความทรงจำของข้ายังมีใบหน้ากักขฬะของมัน
วนเวียนอยู่ ข้าเกลียดพวกมัน ข้าอยากจะฆ่าพวกมัน
ขอแค่เพียงพลังอำนาจที่จะล้างแค้น ข้าจะยอมแลกกับทุกสิ่งที่ข้ามีตอนนี้"
วิญญาณสาวน้อยผู้นั้นระเบิดความโกรธแค้นพุ่งออกมาเป็นคำพูด
และธารน้ำตาซึ่งไหลรินออกมาจากดวงตาแข็งกระด้างคู่นั้น
ข้ารู้ทันทีว่า ประตูแห่งโอกาสปิดกระแทกหน้าคู่แข่งของข้าดังปัง!!
แล้วค่อยๆแง้มเปิดให้แก่ข้า ข้าก้าวเข้าไป
ดึงเจ้านั้นออกให้พ้นทาง และสับเปลี่ยนมายืนเบื้องหน้าวิญญาณดวงนั้น
ข้าจ้องลึกลงไปในดวงตาแข็งกร้าวร้อนระอุ
พลางเสพกำซาบความเศร้าและความแค้นที่หลั่งไหลมาจากวิญญาณดวงนั้น
ความรู้สึกสะใจค่อยๆก่อตัวขึ้นในดวงจิตของข้า
"เมื่อครู่เจ้าบอกว่า เจ้าจะยอมแลกทุกอย่างที่เจ้ามี
กับพลังอำนาจในการแก้แค้นใช่ไหม???"
พลันคู่แข่งของข้าปราดเข้ามากั้นกลาง เขาจ้องมาที่ดวงตาของข้า
"ข้ามิยอมให้เจ้าดึงนางไปสู่วิถีของความมืดหรอก"
"เฮอะ ยามนี้เจ้าก็รู้อยู่แก่จิตมิใช่หรือ ว่าข้าก็ทำอย่างที่เจ้าทำ
เจ้าเกลี้ยกล่อมให้นางละวางความรู้สึกด้านมืดเพื่อชี้จูงนางให้ไปสู่สุคติภพอันเป็นเขตแดนของเจ้า
ส่วนข้าก็เสนอโอกาสที่นางต้องการเพื่อนำนางไปสู่ภพภูมิของข้า
เจ้ากับข้ามีสิทธิชักจูงแต่นางเป็นผู้ตัดสินใจตามเจตจำนงค์อันเสรีที่จะเลือก
ดั่งที่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตรีเอกานุภาพตั้งกฏเอาไว้
เสียดายยามนี้เป็นโอกาสของข้ามิใช่เจ้า !!!
แค่คำพูดของนางก็ยืนยันได้ดีมิใช่หรือ ???!!! " ข้าประกาศก้องออกไป
ยังผลให้คู่แข่งของข้าจนแต้ม นิ่งอึ้งไปคล้ายถูกมนต์สะกด
จากคุณ :
ruttikarnhome@mweb.co.th (yuckyai)
- [
11 ต.ค. 46 09:55:18
]