...หนุ่มน้ำพริกเผา VS สาวมายองเนส... (ตอนที่ ๔)

    …๔…

    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นชิสาก็ทำงานอย่างราบรื่น อัตติพัทธ์ไม่ได้มารบกวนหรือหาเรื่องหล่อนอีก เงียบสงบจนหล่อนเองแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ไม่มาให้เห็นหน้าก็ดีแล้ว หล่อนจะได้ทำงานอย่างสบายใจ และการนำเสนอแบบครั้งสุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งภูริพัตและเอมิกาพอใจกับบ้านที่หล่อนออกแบบมาก และที่สำคัญแบบยังผ่านความเห็นชอบของวิศวกรผู้คุมงานซึ่งก็คือ อัตติพัทธ์ นั่นเอง ทุกอย่างง่ายดายจนหล่อนระแวงไม่อยากจะเชื่อว่าเข้าจะเห็นด้วยง่าย ๆ แต่หล่อนก็ไม่ได้เก็บมาคิดให้รกสมอง งานของหล่อนจบแล้วนี่ หมดสิ้นภาระหน้าที่ของหล่อนเสียที ที่สำคัญหล่อนจะได้ไม่ต้องเจอหน้านายอัฐินั่นอีก
    “พี่นัท พี่เก่ง พี่เบิ้ม พี่จอน พี่ต้น พรุ่งนี้ไปดูหนังกันมั้ยคะ”
    “เสียใจจ้ะ พรุ่งนี้พี่มีนัดกับแฟนซะแล้ว”
    “อืม…พี่ก็ไม่ว่างเหมือนกัน ต้องไปรับลูกที่บ้านแม่ยายว่ะ”
    “ส่วนพี่กะไอ้ต้นนัดกันไปออกรอบแล้วหละ”
    “โห…มีนัดกันหมดเลยเหรอคะเนี่ย แล้วพี่นัทล่ะ”
    ชิสาหันมาหาธนัท รอคอยคำตอบพลางทำตาปริบ ๆ
    “งั้นก็เหลือฉันเป็นผู้โชคร้ายคนเดียวสิวะเนี่ย”
    “ไชโย! มีคนไปดูเป็นเพื่อนแล้ว งั้นพรุ่งนี้พี่นัทไปรับวุ่นที่คอนโดฯด้วยนะ สิบโมงเช้านะคะ”
    ชิสาว่าเสียงใส ธนัทได้แต่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ
    “เฮ้อ…เวรกรรม”

    สิบโมงเช้าวันอาทิตย์ ชิสาแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดสีฟ้าสดใส กับกางเกงสี่ส่วนสีขาว ผมยาว ๆ ของหล่อนถูกถักเป็นเปียใหญ่อันเดียวไว้ด้านหลังเหมือนทุกวัน หล่อนเดินอารมณ์ดีลงมารอธนัทที่ร้านกาแฟในคอนโดฯ ไม่กี่อึดใจธนัทก็เดินเข้ามา หล่อนเคาะกระจกร้านกาแฟ เรียกธนัทให้เข้ามาข้างใน
    “วุ่นนึกว่าต้องรออีกซักชั่วโมงซะอีก”
    “แหม…เกินไป ๆ เห็นพี่เป็นคนอย่างงั้นเหรอไง ฮึ…”
    เขาถามพลางยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟ
    “ล้อเล่นน่ะค่ะ”
    หล่อนว่าพลางหยิบขนมปังหมูหยองมายองเนสเข้าปาก
    “แล้วจะไปดูเรื่องอะไรกันเนี่ย”
    “สวาท”
    ชิสาตอบสั้น ๆ
    “เฮ้ย! ทะลึ่ง ทำไมแกชวนพี่ไปดูหนังติดเรทอย่างงี้วะ คิดอะไรกับพี่รึเปล่าเนี่ย…”
    ธนัทว่าพลางหลิ่วตามองหญิงสาวที่กำลังทำท่าเหมือนขนมปังติดคอ
    “บ้าดิพี่นัท S.W.A.T.ค่ะ ไม่ใช่หนังแบบนั้นซะหน่อย”
    “แหม…รู้แล้ว ล้อเล่นหรอกน่า”

    ที่โรงภาพยนตร์ในห้างดังแห่งหนึ่ง ผู้คนคึกคักเป็นพิเศษเนื่องด้วยเป็นวันอาทิตย์และเป็นสัปดาห์ที่มีภาพยนตร์เข้าใหม่หลายเรื่อง ธนัทซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วเดินมาหาชิสาที่นั่งกินข้าวโพดคั่วรออยู่
    “เฮ้ย! เดี๋ยวก็หมดก่อนหนังฉายหรอกไอ้วุ่น”
    “กลัวหมดก็ไปซื้อมาอีกถุงสิคะ”
    ทันใดสายตาหล่อนก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่คุ้นตากำลังเดินตรงเข้ามาทัก อัตติพัทธ์นั่นเอง
    “หวัดดีครับ คุณวุ่น”
    ชิสายืนขึ้นทำคอแข็ง ๆ ตอบกลับไปอย่างเสียไม่ได้
    “สวัสดีค่ะ”
    “เฮ้ย! ไอ้อัฐ เอ็งจริง ๆ ด้วย”
    ธนัทลุกขึ้น เดินเข้ามาโอบไหล่อัตติพัทธ์ด้วยอาการดีใจสุด ๆ ทำเอาชิสาอ้าปากค้าง …โลกมันช่างกลมอะไรอย่างงี้เนี่ย…
    “อ้าว ไอ้นัท! โห…เป็นไงมั่งวะ:-) ไม่เจอกันตั้งนาน”
    “เออ ข้าสบายดี แล้วนี่เอ็งมาดูหนังกับภาเหรอ”
    “เปล่าว่ะ ข้ามาคนเดียว…”
    “อ้าว แล้วภาล่ะ”
    อัตติพัทธ์หน้าสลดลงเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงอุบอิบ
    “คือ…ข้ากับภา…เลิกกันแล้ว”
    ชิสาแอบได้ยินจึงเผลอยิ้มออกมา…ปากเสียจนแฟนรับไม่ได้ล่ะสิ… ชายหนุ่มสังเกตเห็น จึงขมวดคิ้วถาม
    “คุณยิ้มอะไรน่ะ”
    หล่อนเลิกคิ้วแล้วหันไปทางอื่นเสีย อัตติพัทธ์รู้สึกฉุนขึ้นมา เขาหันมาหาธนัท
    “นี่แฟนเอ็งเหรอวะ ไม่น่าเชื่อว่าเอ็งจะหาแฟนได้แค่เนี้ยะ”
    ชิสาหันขวับ เตรียมพร้อมเปิดศึก
    “ก็ปากอย่างงี้น่ะสิ ถึงได้โดนแฟนทิ้ง มันก็สมควรอยู่หรอก”
    “เอ๊ะ! คุณ…”
    ธนัทรีบเข้ามาขวางก่อนที่จะเกิดเหตุนองเลือด
    “เฮ้ย ๆ นี่แกสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ”
    “ก็นี่ไงล่ะ พ่อวิศวกรหนุ่มที่พี่นัทอยากเห็นหน้าน่ะ วุ่นไปซื้อน้ำก่อนดีกว่า แล้ววุ่นไปรอหน้าโรงหนังเลยนะ ตรงนี้อากาศมันไม่ค่อยดี”
    ประโยคสุดท้ายหล่อนหันมามองหน้าอัตติพัทธ์ แล้วสะบัดหน้าเดินไปอีกทางหนึ่ง พลันสายตาหล่อนก็สะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่คุ้นตามากกว่าคนเมื่อกี้เดินควงกับผู้หญิงคนหนึ่ง
    “อาร์คนี่…เป็นไปได้ไง อาร์คอยู่อเมริกานี่นา…”
    หล่อนพึมพำกับตัวเอง แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้ หล่อนเดินตามหนุ่มสาวคู่นั้นไป แต่เป็นเพราะคนเยอะและความซุ่มซ่ามของหล่อนที่เดินชนคนโน้นคนนี้ต้องขอโทษขอโพยตลอดทาง จึงทำให้สองหนุ่มสาวคู่นั้นคลาดสายตาไป
    “แฟนเอ็งนี่ปากสุดยอดเลยว่ะ”
    “เฮ้ย ๆ ไอ้วุ่นมันไม่ใช่แฟนข้าหรอก มันมีแฟนแล้วโว้ย…”
    “หา! ยัยนั่นมีแฟนแล้ว?”
    “เออ…ตอนนี้อยู่อเมริกา คงจะกลับเร็ว ๆ นี้มั้ง”
    “ไม่น่าเชื่อ…อย่างยัยชิสุนั่นนะจะมีแฟนกับเค้าด้วย”
    เขาพูดกับตัวเอง แต่ไม่วายที่คนหูดีอย่างธนัทจะได้ยิน หนำซ้ำยังแอบเห็นแววตาผิดหวังเล็ก ๆ ของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมต้นอีกด้วย
    “เฮ้ย! เอางี้แล้วกัน นาน ๆ เจอกันที คืนนี้ไปดริ๊งค์กันหน่อยนะโว้ย”
    “เออ เอาสิ เดี๋ยวข้าโทรหาเอ็งแล้วกัน ยังใช้เบอร์เดิมใช่มั้ย หนังเข้าแล้วข้าไปก่อนนะ”
    “เออ แล้วเจอกัน”
    ธนัทเดินมาเขกหัวหญิงสาวที่ทำคอยืดคอยาวชะเง้อหาอะไรบางอย่างอยู่
    “มัวมาชะเง้อชะแง้อะไรอยู่วะไอ้วุ่น ไปเร็ว หนังเข้าแล้ว”
    ชิสาจำต้องละความสนใจจากผู้ชายที่หล่อนคิดว่าเป็น อัคเดช แฟนหนุ่ม แล้วเดินตามธนัทไป

    เสียงดนตรีดังอึกทึก หนุ่มสาวต่างพากันส่ายเอวโยกหัวกันอย่างเมามัน อัตติพัทธ์นั่งรินน้ำสีอำพันใส ๆ ลงในแก้วที่มีน้ำแข็งอยู่ แล้วรินน้ำใส ๆ ตามลงไป เอานิ้วคนสองสามทีแล้วยกขึ้นดื่มอย่างเซ็ง ๆ ขณะนั่งรอธนัทในผับ ๆ หนึ่ง
    “เฮ้ย! รอนานมั้ยวะ โทษทีว่ะ รถมันติด”
    ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนยิ้ม พยักหน้าให้ผู้มาใหม่แล้วยกนิ้วเรียกบาร์เทนเดอร์ขอแก้วอีกใบ
    “เอ็งมันคนกรุงเทพฯชัด ๆ “
    “เอาน่า…ก็รู้ ๆ กันอยู่ นี่ ไม่เจอกันตั้งนาน เอ็งไม่ดีใจเลยเหรอวะที่เจอข้า ทำหน้าอย่างกับไม่ได้ขี้มาซักสองอาทิตย์”
    “เฮ้ย… หน้าข้าดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
    พูดจบก็แค่นหัวเราะออกมา ธนัททำสีหน้าจริงจังขึ้น
    “เออ…แล้วเรื่องยัยภารวีน่ะ มันเป็นไงมาไงวะ เล่าให้ข้าฟังได้มั้ย”
    อัตติพัทธ์ชงเหล้าส่งให้เพื่อนซี้ แล้วเล่าเรื่องราวระหว่างเขากับภารวี แถมเล่าเลยไปถึงเรื่องที่เขาปะทะคารมกับชิสา ธนัทหัวเราะร่วน
    “ไอ้วุ่นมันก็เป็นอย่างงี้แหละ”
    “เอ็งสนิทกับยัยชิสุ เอ้ย! ยัยวุ่นมากเหรอวะ”
    “ก็พอสมควรหละ มันเป็นรุ่นน้องที่คณะของน้าเข้ม มาขอทำงานด้วย ตอนแรกหน้าเข้มจะไม่รับมัน ช่วงนั้นบริษัทกำลังแย่ แต่มันก็ตื๊อขนาดยอมทำงานฟรี ๆ สามเดือนเลยนะเว้ย”
    “เออ บ้าระห่ำดีว่ะ”
    เขานิ่งไปชั่วอึดใจ
    “แล้วยัยวุ่นนี่มีแฟนแล้วจริง ๆ เหรอ”
    คำถามนั้นทำให้ธนัทหลิ่วตามองเพื่อนซี้อย่างสำรวจ
    “ทำไมวะ :-)สนใจเหรอ… เฮ้ย…ข้าขอเตือนนะเว้ย ไอ้วุ่นน่ะมันไม่ธรรมดานะ”
    “เอ็งจะบ้าเหรอ… ข้าก็แค่สงสัยว่าอย่างยัยนั่นมีแฟนกะเค้าได้ไง ก็แค่นั้นแหละ”

    จากคุณ : มดตะนอย - [ 11 ต.ค. 46 14:23:33 A:202.183.182.66 X:192.168.1.19 ]