ความคิดเห็นที่ 1
สภาพผลงาน
ผมจำต้องแต่งเติมบางย่อหน้าแก่สภาพที่เป็นอยู่ของงานเขียนเชิงเรื่องจริงชิ้นนี้ โดยมิได้กลัวเกรงต่อความปรารถนาของพ่อ-ความต้องการของท่าน-ที่จะเขียนแต่ เรื่องจริง ๆ
ก็ผมไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยตอนที่ท่านเขียน ดังนั้น จึงต้องใช้ข้อมูลจากประจักษ์พยาน ที่เชื่อถือได้ (แม่ผมเอง)
นั่นคือ ท่านเขียนในตอนกลางวันเป็นส่วนใหญ่ ด้วยดินสอบนกระดาษมวนซิการ์ เป็นตัวเอียงยาวหวัด ๆ แบบวิศวกร ท่านนั่งบนเตียง มีโต๊ะหัวเตียงอยู่ระหว่างขา เหลาดินสอด้วยมีดพกยี่ห้อ สวิส อาร์มี (ของขวัญจากร้านปลอดภาษีที่ผมให้ท่าน เมื่อหลายปีก่อน) ทิ้งเศษดินสอที่เหลาเกลื่อนทั่วห้อง
ดินสอพวกนั้นซื้อมาจากร้านทุกอย่างเก้าสิบเก้าสตางค์ แต่ปลายดินสอจะหักบ่อย ท่านกดจนหักหลาย ๆ แท่ง แล้วก็โมโห เมื่อคุยกันทางโทรศัพท์ ผมได้ฟังแต่คำ พิลาปรำพันโอดครวญและหวนไห้อาลัยบ่นเสียดายดินสอ"ของพวกเรา" ดินสอที่ คุณไว้ใจได้
บางครั้งท่านก็ได้แต่นั่งตรงนั้นแล้วคูขันกับนกพิราบตรงเฉลียง ขณะที่พวกนกจิก กินเศษขนมปังที่แม่ของผมโปรยทิ้งไว้ให้ ท่านมักขัดจังหวะการนั่งเพ่งสมาธิ แล้ว กินขนมทาเนยกับน้ำผึ้งสักแผ่น
ในที่สุดท่านก็ลงมือเขียน และบางครั้งท่านตรากตรำคร่ำเคร่งนานถึงสี่สิบห้านาทีก็ มี- เวลานานเกือบชั่วนิรันดร์สำหรับคนไม่อดทนและทุกข์ทนเช่นพ่อของผม
ผมถือต้นฉบับของท่านในมือขวาอยู่ตอนนี้ และแลเห็นท่วงทำนองคดเคี้ยวในความ มุ่งมั่นของท่านออก
ผมสามารถอ่านออกถึงอาการปวดหลังที่เพิ่มขึ้นและลดลงของท่านได้จากรายมือ ราบลื่นสม่ำเสมที่หัวกระดาษหน้า ๑๐ แล้วกลายเป็นหงิก ๆ งอ ๆ ในหน้า ๑๑ เขียน คำสะเปะสะปะตรงริม ๆ (เช่น บรังโก, คนเลี้ยงม้า, แตงโม, เพชฌฆาต ) คำคุณศัพท์ไร้คำนามประกอบ(เช่น เหม็นโชยรอบเท้า, คลาสสิก ตามการขโมย, ทองหลอมละลายเหนือน้ำผึ้ง) มีการเว้นวรรค กลางประโยค การไม่ลงรอยขัดแย้งของไวยากรณ์ในประโยค ที่สื่อความคิด กระจัดกระจายของท่าน บางครั้งประโยคก็หยุดดื้อ ๆ เช่น เรารู้ แล้วก็ไม่มี อะไรอีก หรือ อาจกล่าวได้ว่าแต่ไม่มีใครรู้ว่อะไร
ในหน้าที่ ๑๗ ระหว่างกลางเรื่องขำขันที่พ่อผมกำลังเล่าเกี่ยวเพื่อนบ้านอีกคน เป็น ชายที่ชื่อ บรังโก ขณะนั้น ทางราชการได้ยึดรังผึ้งของปู่ไอวาน โดยพวกนักสะสม ชาวสังคมนิยม และเข้าควบคุมโรงเลี้ยงผึ้งของสหกรณ์ ดูแลรังผึ้งกว่าสองร้องรัง ที่ มีมากกว่าจะเก็บรักษาไว้ในที่แห่งเดียวอย่างมีประสิทธิผล แต่คำสั่งย่อมเป็นคำ สั่ง
ในขณะนั้นพ่อผมอายุสิบสามขวบช่วยเหลือท่านอยู่
วันนั้นงดงามตรึงใจ วิหคนกร้องขันคูมีต้นแอ๊ปเปิ้ลต้นหนึ่งอยู่ตรงกลางโรงเลี้ยง ผึ้ง กิ่งก้านผลิแตกออกผล ทั้งสองทำงานกันเงียบกริบ มีขัดจังหวะแต่เพียง ช่วงที่ลูกแอ้ปเปิ้ลร่วงหล่นพื้น หมู่ผึ้งบินแกร่วอยู่แถวกิ่ง ๆ หนึ่ง พวกมันอยากเข้า ไปในรังแล้ว
ปู่อิวานแนะให้พ่อผมเขย่ากิ่วทั้งที่ยังถือรังรออยู่ข้างใต้ เมื่อหมู่ผึ้งชนรังนั้น ท่านว่า มันก็แค่ร่วงหล่นไปตามหลังนางพญาผึ้ง
แต่พ่อก็ปฎิบัติตาม
ฉันคงอ่อนแอเกินกว่าจะถือรังไว้ หมู่ผึ้งจะพลาดตกลงมาใส่ฉัน ฉันก็รู้ว่าพวกมัน ไม่ต่อยแน่เวลาอยู่เป็นหมู่แต่ถ้ามันร่วงใส่ฉันพร้อมเหล็กไนมันก็ต้องทำฉันเจ็บอยู่ดี
แล้วบรังโกก็เข้ามา
ทว่า หามีประโยชน์อะไรไม่ เขาเกลียดผึ้ง เพราะถูกต่อยมาหลายครั้งหลายคราว
แต่ก็อุตส่าห์ออกปากจะช่วย คงจะหวังจะฉกฉวยอะไรไป
ดังนั้น บรังโกจึงยืนอยู่ใต้หมู่ผึ้งแทนพ่อผม แหงนเงยอย่างตัดพ้อกับพวกผึ้ง วิ่ง พลางเต้นเร่า ๆ รอบเล็ก ๆ ขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหวอยู่
ปู่อิวานใช้ไม้บิด ๆ เบี้ยว ๆ ท่อนยาวสั่นกิ่งแล้วหมู่ผึ้งก็ร่วงหล่นใส่บรังโกตรง ๆ ก่อนที่จะมีเหล็กไนทิ่มเนื้อ บรังโกก็ร้องตะโกนเสียงหลง ส่ายหัวราวกับผีเข้า เขา ถลันออกจากโรงเลี้ยงผึ้ง ชนกระแทกกับรั้ว แล้วโจนลงปรักโคลน ของแม่หมูตัว มโหฬารมองดูเขสสิ้นสติสมประดี
พ่อผมหัวเราะขำกลิ้งไปกับพื้น
รอยยิ้มของปู่อิวานกะตุกขึ้นบนใบหน้าในทันใด แล้วก็หายวับไปโดยไว ย่อนั้นไม่ ได้เขียนจนจบ
ในย่อหน้าถัดไป ลายมือหวัดเบียดชิดแน่นแต่ไม่มีกำลัง ดูลางเลือน
พ่อผมได้เล่าเกี่ยวกับโรคระบาดที่คุกคามรังผึ้งของสหกรณ์ แพร่กระจายรวดเร็ว เพราะอยู่ชิดกันมากแล้วเข่นฆ่าประชากรผึ้งลงเป็นจำนวนมาก
ท่านอธิบายภาพอันสยดสยองของผึ้งตายกองโตเป็นประกายบนพื้นหญ้า
ปู่อิวานทรุดนั่งบนส้นเท้าอย่างหมดอาลัย หลังพิงต้นไม้ มีแมลงวันโรคจิตกลุ้ม รุมอยู่รายรอบแอ๊ปเปิ้ลเน่า พ่อผมสรุปว่า
ชีวิตนี้ล้มลุกคลุกคลาน สูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า ความทรมานชั่วนิรันดร
โดย เดือนกันยา-SeptemberMoon (glassbee) [2 ต.ค. 2546 , 21:01:22 น.]
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 46 18:37:15
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 46 18:34:51
แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 46 18:33:33
จากคุณ :
เดือนกันยา-SeptemberMoon
- [
11 ต.ค. 46 18:25:15
]
|
|
|