*** บนรอยทางที่มีเธอ ***

    ปกติสมัครใจเป็นผู้อ่านอย่างเดียวค่ะ แต่วันนี้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่ทราบ เลยเอาเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เคยเขียนไว้มาลงให้อ่านติชมกันค่ะ
    ------------------------------------------------------------
      กริ๊ง ๆ
     
     “ หวัดดี แชมพู ทำไรอยู่จ๊ะ พลับรออยู่ข้างล่างแล้วนะ “  
        เสียงชายหนุ่มที่พูดผ่านสายค่อนข้างดังเล่นเอาหญิงสาวผู้อยู่ในชุดนอนสีชมพูหวานแหววลายการ์ตูน ซึ่งยังคงงัวเงียนอนอยู่ ลืมตาขึ้นทันที มองนาฬิกาที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียง พร้อมทำหน้าเหยเก ก่อนตอบกลับไปว่า
     “ จ้า ขอเวลาพู 5 นาทีเด้อ “ เมื่ออีกฝ่ายรับคำ วางหูโทรศัพท์ แชมพู หรือ ภูริดาก็รีบตาลีตาเหลียกอาบน้ำ แต่งตัวอย่างเร็วจี๋ ลงลิฟท์ เลี้ยวเข้าห้องอาหาร

       ผู้ที่นั่งรออยู่เลือกโต๊ะริมกระจก มองออกไปเห็นเมืองฟ้าอมรกำลังจะตื่น ผู้คนเริ่มออกไปดิ้นรนหาปัจจัยมาตอบสนองค่าครองชีพซึ่งสูงขึ้นทุกวัน นกสองสามตัวบินกลับจากหาอาหารที่ท้องสนามหลวง แหล่งชุมนุมนก ไปเลี้ยงลูกน้อยซึ่งคงรอแม่อยู่ตามหลืบของตึกสูง
      “ โทษทีนะ ให้พลับรอนานเลยอะ “ พูดแล้วหันไปยิ้มกับบริกรซึ่งนำอาหารเช้ามาเสริฟ คนสั่งก็คงเป็นคนนั่งตรงข้ามนั่นแหละ
      “ ไม่เป็นไร แต่ทำไมวันนี้ตื่นสายหละ นอนดึกหรอ “  น้ำเสียงแฝงความห่วงใยอย่างชัดเจน
      “ ก็เปล่า พูก็นอนตามปกตินะ “
      “ เหรอ งั้นต้องไปหาผู้จัดการโรงแรมแล้วที่ปล่อยหมีแพนด้าไปรบกวนแขก “
        เมื่อเห็นสีหน้างงของตรงข้าม พลับหรือพิพัฒน์จึงบอกยิ้มๆว่า
      “ ก็ดูขอบตาพูนี่เหมือนหมีแพนด้าเลย สงสัยจะอยู่กับแพนด้ามากเลยติดเชื้อขอบตาดำเหมือนกัน “
      “ แหม พูดซะ “ ก่อนค้อนไปหนึ่งที ตอบไปด้วยเสียงเบาๆว่า
      “ ดูหนังสือดึกไปหน่อยหนะ “ ภูริดาตอบพร้อมหลบตาผู้ถาม หล่อนจะตอบได้อย่างไรว่าเมื่อคืนหล่อนร้องไห้ที่ระเบียงก่อนจะโซซัดโซเซขึ้นเตียงหลับไป ถ้าหล่อนบอกเขารับรองว่าเขาจะต้องถามซักไซร้แน่ ถ้าเขาถามมากๆหล่อนมิต้องบอกเหตุผลตลกๆของการร้องไห้ครั้งนี้หรือว่าร้องไห้เพราะคิดถึงพ่อแม่ซึ่งหล่อนเลิกคิดถึงมานานแล้ว เหตุเพราะว่าเมื่อเย็นวานหล่อนดันเห็นเห็นภาพครอบครัวครอบครัวหนึ่งมาทานอาหารที่ห้องอาหารในโรงแรมหรูซึ่งหล่อนอาศัยอยู่ด้วยท่าทางมีความสุข พ่อแม่หยอกล้อกับลูกสาวตัวน้อยด้วยความรัก เมื่อทานอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว พ่อแม่ลูกก็จูงมือกันออกไป ผิดกับหล่อนที่รู้สึกว่าอาหารมื้อค่ำไม่อร่อยเลย ไม่น่าหล่อนไม่น่ามานั่งตรงนั้นเลย เพราะภาพที่เห็นทำให้อีกภาพในความทรงจำกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ภาพครอบครัวที่พ่อกำลังอุ้มเด็กน้อยผมเปียคนหนึ่ง เสียงเด็กหญิงคนนั้นถามผู้เป็นพ่อด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว

      “ พ่อขา ภูริดาแปลว่าอะไรคะ “
         พ่อหันมองหน้าลูกสาวแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนตอบว่า
      “ ภูริดาไม่มีคำแปลหรอกลูก แต่มันคล้ายชื่อผู้หญิงที่สวยมากอีกคนหนึ่ง “
      “ ใครหรอคะ “
      “ อยากรู้จริงหรอ พ่อบอกใบ้ให้ละกัน ลองวิ่งไปดูในครัวสิ “
        เด็กน้อยรีบกระโดดจากตักพ่อ แล้ววิ่งไปในครัว
    ภายในห้องครัวที่จัดแต่งอย่างทันสมัย มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังปอกหัวหอมเตรียมทำกับข้าว เมื่อได้ยินเสียง เอ๊ะ ดังขึ้นข้างหลังจึงหันกลับมามอง
      “ มาเอ๊ะ อะไรจ๊ะแชมพู หิวแล้วหรอ “
      “ ยังค่ะแม่ แต่มาดูคนที่พ่อบอกว่าสวยที่สุดค่ะ “ ทำหน้าเข้าใจก่อนตะโกนเสียงดัง
      “ พ่อบอกว่าแม่สวยที่สุด พูจะสวยเหมือนแม่ เย้ “
         พ่อเดินตามมาในครัว แล้วพ่อแม่ลูกก็หัวเราะให้กัน ก่อนช่วยกันลงมือทำกับข้าวสุดอร่อย

      “ พู พูจ๊ะ แชมพู “ เสียงของพิพัฒน์ทำให้ภูริดาสะดุ้งก่อนตอบกลับไปด้วยเสียงเครือ
      “ จ๊ะ อะไรจ๊ะ พลับ “
      “ พูเป็นอะไรหรือเปล่า พลับเรียกตั้งหลายครั้งแล้ว “
      “ อ้อ เปล่าจ๊ะ คิดอะไรเพลินๆไปหน่อยหนะ ”
      “ งั้นสายแล้วเราไปกันดีกว่านะ เดี๋ยวแดดจะร้อนซะก่อน “
      “ จ๊ะ “
         ครอบครัวแบบนั้นไม่เห็นดีเลย อยู่อย่างนี้สบายกว่าตั้งเยอะ ไม่เห็นต้องฝันเฟื่องเลยภูริดา หล่อนคิด แต่แปลกความคิดกับการกระทำของหล่อนมักตรงข้ามกันเสมอ


      “ พี่แชมพู เลขข้อนี้ทำไงหรอคะ “ เสียงใสใสดังมาจากกลุ่มเด็กที่รายล้อมหญิงสาวผู้ขะมักเขม้นกับการพยายามแบ่งตัวเพื่อสอนเลขให้เด็กๆกว่า 10 กว่าคน ให้ครบทุกคน
      “ จ๊ะ เก๋ ข้อนี้ต้องยกกำลังตามที่พี่สอนก่อนนะจ๊ะ “
      “ แล้วข้อนี้หละคะพี่แชมพู “ เสียงอีกเสียงถามต่อ

        เสียงอธิบายยังคงดังต่อเนื่องเล็ดลอดมายังระเบียงที่พิพัฒน์นั่งอยู่ พิพัฒน์รู้ดีเสมอว่าเหตุใดแชมพูคุณหนูไฮโซประจำคณะ ฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้ เพราะหล่อนมักมีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆที่หรูหรา ทันสมัยใช้เสมอ แถมยังมีแบ่งเพื่อนใช้ด้วยอีกต่างหาก ถึงต้องทำมาสอนหนังสือเด็กๆอย่างนี้ ตอนแรกเขาก็แปลกใจและไม่เชื่อเมื่อหล่อนบอกว่าอยากจะตั้งมูลนิธิสำหรับเด็กด้อยโอกาสซักแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเขานึกว่าหล่อนพูดเล่นจึงพาขับรถมาดูสถานที่ต่างๆ จนมาลงเอยทำเลเหมาะที่ข้างๆชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง แล้วแชมพูของเขาก็พูดจริงหล่อนลงมือจัดตั้งมูลนิธิภูริดาขึ้นมา เพื่อให้เด็กเหล่านั้นได้มีโอกาสเรียน มีของเล่นให้เล่น รวมถึงได้รับการปลูกฝังสิ่งดีดีจากครูที่หล่อนจ้างมาสอนทุกวันอีกด้วย ช่วงแรกก็มีเด็กมาเรียนไม่กี่คน แต่ปัจจุบันถ้านับทั้งเด็กเล็กเด็กโตก็มากกว่าแต่ก่อนเป็นสิบทีเดียว แถมทุกวันหลังเรียนที่มหาวิทยาลัยเสร็จ หล่อนก็สมัครใจมาสอนมาสอนหนังสือที่นี่ ยังไม่รวมเสาร์-อาทิตย์ที่หล่อนจะมาอยู่ตลอดวันด้วย

         ตอนแรกพิพัฒน์ก็แปลกใจว่าหล่อนจะทำไปเพื่ออะไร ทั้งที่มีทุกอย่างครบครัน ทั้งพาหนะรุ่นใหม่ล่าสุดส่งตรงจากประเทศผู้ผลิตรถชั้นนำซึ่งเขารู้มาว่ามารดาหล่อนสั่งมาให้จากประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ คอนโดหรูใจกลางกรุงเทพติดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งค่าเช่าแต่ละเดือนที่แพงลิบลิ่วนั้นเก็บจากบัญชีธนาคารของพ่อหล่อนทุกเดือน ยังไม่นับเครื่องใช้อำนวยความสะดวกที่หล่อนมี ทุกอย่างล้วนนำสมัยเสมอ แต่หลังจากคบกันนานเข้าเขาถึงเข้าใจ และได้รู้อะไรมากขึ้น คนมองภูริดาภายนอกอาจจะคิดว่าหล่อนเป็นคนสนุกร่าเริง ร่ำรวย มีทุกอย่างสมบูรณ์ แต่ในความสมบูรณ์นั้นน้อยคนจะรู้ว่าจริงๆแล้วแชมพูไม่ต่างจากคนไม่มีอะไรเลย หล่อนอาจมีวัตถุที่ต้องการ แต่เขารู้ว่าสิ่งที่หล่อนต้องการที่สุดคือความรักจากคนที่สมควรให้มากที่สุด ความเข้าใจจากคนที่น่าจะเข้าใจหล่อนมากที่สุด ความอบอุ่นจากที่ที่น่าจะมีให้มากที่สุด แต่สิ่งที่กล่าวมาแชมพูหรือภูริดาไม่เคยได้รับจากพ่อแม่มานานแล้ว หรือจะพูดว่านานมากก๊ได้ตั้งแต่พ่อกับแม่ของเธอหย่าร้างกันแล้วต่างคนก็ต่างส่งเงินมาให้ใช้ แต่ไม่เคยกลับมาเหลียวแลเอาใจใส่เลย หรือท่านทั้งสองอาจจะคิดว่าเงินมันเพียงพอที่จะซื้อความสุขให้หล่อนได้แล้ว แต่เขาเคยเห็นสายตาที่ภูริดามองครอบครัวอื่น ทำให้เขารู้ว่ามันไม่เคยเพียงพอ และไม่เคยมาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจเธอได้เลย ดังนั้นเขาจึงอยากดูแลเธอ ให้ความรัก ความเข้าใจแก่เธอ เพราะเขาคิดว่าแม้มันจะเติมสิ่งที่หายไปได้ไม่มากนัก แต่มันก็จะทำให้เธออบอุ่นเมื่อรู้ว่ามีใครคนหนึ่งห่วงใยเธอและพร้อมจะยืนเคียงข้างเธอเวลาเธอเหงา หรือมีความทุกข์เสมอ

         พิพัฒน์เดินมาที่ชิงช้าซึ่งทางมูลนิธิจัดให้เด็กๆ เล่น ไม่นานนักเสียงสอนก็ค่อยๆเบาลงจนเงียบไป  สักครู่ชิงช้าข้างๆก็มีคนมานั่งลงเคียงกัน

       “ เพิ่งเสร็จเหรอ “ เขาถามโดยไม่มองหน้า เพราะรู้ว่าเป็นใคร
       “ จ้า วันนี้เลขยากไปหน่อย “
         ต่างคนต่างเงียบ แล้วเสียงใสใสที่จับกระแสความเหงาได้ก็พูดขึ้นมา
       “ พลับรู้มั้ย เวลาที่พูมีความสุขมากที่สุดคือเวลาไหน “
         ไม่มีเสียงตอบใดๆ ภูริดาจึงเอ่ยต่อ
       “ ตอนที่พูมีความสุขที่สุดก็คือ ตอนที่พูได้ช่วยเด็กๆเหล่านี้มีความสุข ให้เขาได้รู้ว่าตนเองมีคุณค่า มีคนที่รักและห่วงใยเขาเสมอ ไม่ต้องโดดเดี่ยว อ้างว้างเหมือนอยู่คนเดียวในโลก ไม่ต้องร้องไห้เมื่อทำเลขไม่ได้ ซึ่งพูรู้ดีนะว่ามันทรมานขนาดไหน เมื่อตนเองเหมือนเดินคนเดียวในทางสายนี้ ไม่มีใครให้ความรักความห่วงใยเหมือนเด็กคนอื่น “
        หล่อนเอื้อมมือไปรับผ้าเช็ดหน้าที่ชายหนุ่มนั่งข้างๆยื่นมาให้ หลังน้ำตาเม็ดแรกกำลังจะร่วงหล่นภูริดาจัดว่าเป็นคนใจแข็ง ร้องไห้ยากแต่กับเรื่องประเภทนี้ กลับทำให้คนร้องไห้ยากต้องร้องไห้ทุกครั้งสิน่า
       “ แต่ว่านะพูมีสิ่งนึงที่โชคดีกว่าเด็กพวกนี้  ถึงพูจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว หรืออาจจะมีแต่นานมากแล้วก็เหอะ พูก็ยังมีคนคนหนึ่งซึ่งคอยอยู่ข้างพู คอยเป็นกำลังใจให้พูเมื่อพูผิดหวัง ท้อแท้ หัวเราะอยู่ข้างๆเมื่อพูมีความสุข หรือแม้แต่เป็นห่วงเป็นใยเมื่อไม่สบาย รวมถึงมาอดทนอยู่ที่สถานสงเคราะห์กับพูได้เป็นวันๆ ตลอด “
         “ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พลับให้พูมาตลอด “
         หลังคำพูดนั้นชายหนุ่มก็รับรู้ถึงมืออันอ่อนนุ่มที่ประกบกันไหว้อยู่ที่ไหล่ของเขา เขายึดมือทั้งสองข้างนั้นไว้ก่อนพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า
       “ ไม่เห็นต้องขอบคุณเลยหนิจ๊ะ พลับยินดีและเต็มใจเสมอที่จะช่วยพู ดูแลพู อยู่เป็นเพื่อนพู และพลับก็ไม่เคยคิดเลยด้วยนะว่าการมาสถานสงเคราะห์กับพูทุกอาทิตย์เนี๋ยเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทน เพราะพลับว่าเด็กๆพวกนี้น่ารักออก และที่สำคัญอะไรก็ตามที่ทำแล้วพูมีความสุขพลับก็ดีใจแล้วก็มีความสุขไปด้วย และพลับอยากให้พูจำไว้เสมอนะว่าเมื่อไหร่ที่พูเหงา ว้าเหว่ พูไม่ได้อยู่คนเดียวพูยังมีพลับอยู่ข้างๆเสมอ และจะอยู่ตลอดไปด้วย “
          หลังพูดจบภูริดาก็รู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นๆที่ทาบลงบนฝ่ามือของเธออย่างอ่อนโยนรักใคร่

          พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ทิ้งลำแสงสุดท้ายแต่งแต้มโลกให้งดงาม นกบินกลับรัง ความมืดกำลังเยื้องกรายเข้ามาแทนที่ อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นตามลำดับจากอุณหภูมิของเดือนธันวาคม แต่ถึงแม้จะมืด หรือจะหนาวอย่างใด ภูริดาไม่กลัวอีกแล้วเพราะเธอรู้ว่าแม้อะไรๆจะเปลี่ยนไปแต่บนทางสายที่เธอเดินอยู่จะไม่มีวันเปลี่ยน จะมีอีกคนที่จะร่วมเผชิญความทุกข์ และอุปสรรคไปกับเธออย่างห้าวหาญ รวมถึงมีความสุขกับเธออย่างภาคภูมิ ตั้งแต่นาทีนี้ ชั่วโมงข้างนี้ และตลอดไป.

    จากคุณ : ธันวาคม - [ 13 ต.ค. 46 15:18:17 A:203.107.199.207 X: ]