<<<--ในค่ำคืนก่อนวันสอบ-->>>

    ในค่ำคืนก่อนวันสอบ

    พระจันทร์ดวงโตสีเหลืองนวลสว่างลอยเด่นอยู่กลางผืนฟ้ามืดดำ ดวงดาวระยิบระยับอยู่ประปราย หมู่เมฆเบาบางเคลื่อนคล้อยลอยเกลื่อนไปตามกระแสลมยามค่ำคืน

        มองดูนาฬิกาที่ผนัง มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ผมยังไม่นอนเพราะมีภาระกิจบางอย่างรอคอยอยู่ ผมหอบหิ้วสัมภาระที่จำเป็นก่อนที่จะออกจากห้อง ก้าวเดินไปยังจุดนัดหมาย

        ผมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ เจและต้น นัดกันที่ใต้อาคารของคณะสังคมศาสตร์เพื่ออ่านหนังสือ ก่อนหน้านี้ประมาณ 30 นาที ผมได้รับโทรศัพท์จากต้น โทรมานัดให้ออกมาอ่านหนังสือกันที่ซุ้ม ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกันเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในการอ่าน ต้นบอกว่ายังไม่ได้เริ่มอ่านแม้แต่น้อย ส่วนเจไม่ต้องพูดถึง มันยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันพรุ่งนี้สอบวิชาอะไร  จากการนั่งอ่านตั้งแต่หัวค่ำแต่เนื้อหาที่ต้องอ่านยังเหลืออีกเกินกว่าครึ่ง หากตั้งใจเรียนสักหน่อย ผมคงไม่ต้องอดนอนมานั่งอ่านหนังสือสอบดึกๆ แบบนี้

        พรุ่งนี้สอบตอนสิบเอ็ดโมงเช้า ไม่รู้ผมกับไอ้สองคนนี้จะได้อ่านมากน้อยแค่ไหน หรือจะไปกอดคอกันตายก็ไม่รู้

        เจกับต้นรอผมอยู่ในที่นัดหมายแล้ว ทางเดินระหว่างหอพักของผมไปยังที่นัดหมายมีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากหลอดไฟนีออนตามหน้าอาคารที่เดินผ่าน ไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนอยู่บนหนทางเบื้องหน้า มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหมาคอยเห่าหอนผมไปตลอดทาง พาหนะสองล้อที่ขับเคลื่อนโดยการปั่นด้วยเท้าของผมที่เคยมีก็อันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยจากการจอดผูกไว้กับรั้วที่ริมประตูหน้ามหาวิทยาลัยเมื่อ 3 วันก่อน เหลือเพียงโซ่คล้องจักรยานไว้ดูต่างหน้า ผมจึงต้องจำใจเดินทางด้วยสองเท้าคู่กายมุ่งไปยังที่นัดหมาย

        เมื่อมาถึงที่นัดหมาย สิ่งที่ผมพบไม่ใช่ความเคร่งเครียดของสองคนนี้ในการขะมักเขม้นอ่านหนังสือ แต่มันสองคนกำลังสนุกสนานกับการกินเบียร์และเล่นกีตาร์ร้องเพลง บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดเบียร์และกับแกล้ม หนังสือเรียนถูกโยนกองอยู่ที่โต๊ะข้างๆ

        “เฮ้ย!!! พวก:-)กำลังทำอะไรกันวะ” ผมถามด้วยความข้องใจ

        “อ้าว ไอ้เอกมาแล้วเหรอ” ต้นหันมาทักทาย

        “ไม่เอาน่า อย่าเพิ่งซีเรียส มากินเบียร์ด้วยกันก่อน” เจชักชวน

        ผมไม่เข้าใจไอ้สองคนนี้จริงๆ หนังสือมันก็ยังไม่ได้อ่าน ยังมีอารมณ์มานั่งกินเบียร์อย่างสบายใจอีก แล้วมันจะรู้เรื่องไหมเนี่ย

        “กรูสองคนกินระหว่างรอ:-)ไปพลางๆ ไง เดี๋ยวหมดก็กะว่าจะอ่านหนังสือแล้ว” ต้นว่า พลางยกแก้วเบียร์กระดกเข้าปาก

        หลังจากจัดการกับเบียร์จนหมด เราสามคนก็เริ่มอ่านหนังสือกันอย่างจริงๆ จังๆ สักที ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่มาอ่านหนังสือกับมันสองคน ต้นอ่านได้สักพักก็เดินไปโทรศัพท์หาแฟน เดินกลับมาอ่านไม่ทันไร มันก็เดินไปโทรศัพท์อีก บอกว่าแฟนคนละคนกัน ส่วนเจอ่านได้ไม่ทันไรก็หลับสลบไสลพร้อมกับปล่อยเสียงกรนนรกแตกของมันออกมา ผมต้องคอยปลุกมันขึ้นมาอ่านอยู่เป็นระยะ จับใจความจากเนื้อหาที่อ่านไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่รำคาญและหงุดหงิดกับไอ้สองคนนี้

        เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งตี 3 ไม่มีความคืบหน้าเกิดขึ้นกับเราสามคนเลยแม้แต่น้อย ผมเริ่มปลงกับการสอบวันพรุ่งนี้ การตัดสินใจพลาดเพียงครั้งเดียวทำให้ผมต้องมาร่วมชะตากรรมเดียวกันกับพวกมันสองคน บรรยากาศรอบข้างอยู่ในความเงียบสงบ มีเสียงถอนหายใจของผมสลับกับเสียงกรนของเจดังออกมาเป็นระยะ

        แต่แล้วต้นก็เป็นคนทำลายความเงียบ

        “กรูคิดอะไรออกแล้ว”

        “อะไรของ:-)วะ” ผมถามด้วยความสงสัย พลางเอื้อมมือไปเขย่าปลุกเจ

        “ไหนๆ ก็อ่านไม่ทันแล้ว ก็ไม่ต้องอ่านมัน” ต้นปิดหนังสือยัดลงกระเป๋า

        “ไม่อ่านแล้ว:-)จะทำอะไรวะ” เจงัวเงียเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาถาม

        “นั่นนะสิ” ผมเสริม

        ต้นไม่ตอบ แต่ใบหน้าของมันยิ้มอย่างมีเลศนัย ราวกับว่ามีแผนการอะไรอยู่ในใจ…


    หลังจากตระเตรียมข้าวของที่ต้องใช้สำหรับแผนการของต้นเรียบร้อยแล้ว ผมกับเจก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

        “เฮ้ย ไอ้ต้น กรูถามจริงๆ เถอะ :-)จะทำอะไรวะ”

        “นั่นนะสิ :-)ให้กรูซื้อธูป เทียน แล้วก็แก้วมาทำไมวะ” ผมถามต่อ

        “เดี๋ยว:-)ก็รู้” ต้นหยิบกระดาษใบใหญ่ขึ้นมาขีดเป็นตาราง พร้อมกับเขียนตัวอักษรภาษาไทย สระ แล้วก็ตัวเลขลงไป

        ผมกับเจเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง “หรือว่า…”

        “ถูกต้องแล้ว อย่างที่พวก:-)คิด นี่เป็นหนทางสุดท้ายแล้วที่จะช่วยเหลือพวกเราได้”

        “แล้วมันจะได้ผลหรือวะ” เจถามด้วยความไม่แน่ใจ

        “คงต้องเสี่ยงว่ะ รุ่นพี่ที่หอกรูเคยใช้วิธีนี้ ก่อนวันสอบเขาก็อ่านหนังสือไม่ทันเหมือนพวกเรานั่นแหละ” ต้นอธิบาย

        “เขาใช้แล้วได้ผลใช่มั้ย” ผมถาม

        “ได้ผลใช่มั้ยวะ” เจถาม

        “เปล่า กรูไม่รู้” ต้นตอบ

        “อ้าว ไอ้เวร” ผมกับเจตะโกนออกมาพร้อมกัน

        “ก็กรูบอกแล้วไงว่าต้องเสี่ยง เริ่มลงมือเลยดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันกาล”

        ผมกับเจจุดเทียนล้อมรอบโต๊ะที่พวกเรานั่งตามที่ต้นสั่ง ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือไม่แต่ผมคงไม่มีทางเลือก ไหนๆ ก็หลวมตัวมาขนาดนี้แล้ว เป็นไงก็เป็นกัน


    ผมเดินออกจากห้องพักด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ไม่ได้หยิบหนังสือวิชาที่ต้องสอบติดตัวมา มันคงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว เอามือล้วงไปในกระเป๋าเสื้อหยิบแผ่นกระดาษที่พับอยู่ออกมาคลี่ดู มีคำตอบของข้อสอบทั้ง 100 ข้อ อยู่แบบนี้ ไม่มีอะไรที่ผมต้องหวั่นกลัว

        เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง แต่ผมก็ต้องเชื่อ แม้โลกใบนี้จะก้าวเข้าสู่ยุคของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ก็ยังไม่สูญสลายไปตามกระแสธารของปัจจุบัน

        แก้วที่เคลื่อนไปตามตัวอักษรแผ่นกระดาษดูพิศวงยิ่งนัก คำตอบที่ได้จากการถามพลังงานปริศนาที่เรียกว่า “ผีถ้วยแก้ว” ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน มันตอบคำถามได้ถูกต้องอย่างน่าประหลาดใจ ตั้งแต่ชื่อของอธิการบดีของมหาวิทยาลัย ข่าวของบิ๊กดีทูบี ไปจนถึงคำตอบของข้อสอบในวันพรุ่งนี้

        วิธีการของต้นใช้ได้ผลเลยทีเดียว เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ต้นเริ่มถามคำตอบของข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ มันช่างเป็นวิธีที่ง่ายดายเหลือเกินที่จะได้คำตอบของข้อสอบทั้งหมดมา

        ผมเริ่มทบทวนคำตอบของข้อสอบอีกครั้งเป็นรอบที่สาม
        ข้อ1 ตอบ ข. ข้อ 2 ตอบ ง. ข้อสามตอบ ก.
        …

        ผมมาถึงห้องสอบก่อนเวลาเล็กน้อย เจกับต้นก็ตามมาติดๆ รอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าของเราทั้งสามเกือบจะตลอดเวลา เรื่องคำตอบของข้อสอบนี้เป็นความลับของพวกเราสามคน เมื่อผลสอบออกมาทุกคนจะต้องตกตะลึงในคะแนนสอบของพวกเรา

        “:-)ไม่ต้องทำถูกทุกข้อนะ เดี๋ยวจะเป็นที่สงสัย” ต้นเตือน

        “ไปกันเถอะ ได้เวลาเข้าห้องสอบแล้ว” เราสามคนเดินเข้าห้องสอบด้วยความมั่นใจเกินร้อย เลือกที่นั่งแถวหน้าสุดเพื่อที่อาจารย์จะได้ไม่สงสัยว่าเราโกงข้อสอบ

        หลังจากเสร็จสิ้นคำอธิบายกฎระเบียบในการสอบ อาจารย์ก็เริ่มแจกข้อสอบ ผมรับข้อสอบมาเขียนชื่อ ก่อนที่จะเปิดหน้าต่อไปอย่างช้าๆ ด้วยใจที่เต้นระรัว

        ข้อ 1 กฎหมายมหาชนแตกต่างจากกฎหมายเอกชนอย่างไร…

        ผมเตรียมจรดปากกาเขียนตอบตามที่ได้ท่องมา

        เฮ้ย!!! แล้วตัวเลือกไปไหนวะ

        ผม เจ และต้น หันมามองหน้ากันด้วยใบหน้าซีดเผือด

        ตายห่า!!! นี่มันข้อสอบอัตนัยนี่หว่า


    หมายเหตุ : เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้น แต่ตัวละครในเรื่องล้วนมีตัวตนอยู่จริง

    จากคุณ : Herakles - [ 14 ต.ค. 46 00:05:16 A:203.118.83.178 X: ]